ลิโอเนล เมสซี เบิลทำประตูพา "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา เปิดรังเอาชนะ "ปิศาจแดงดำ" เอซี มิลาน 3-1 ขณะที่ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ล้างตาบุกไปเอาชนะ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 1-0 จากผลงานประตูโทนของ อารอน แรมซีย์ ส่วน ซามูเอล เอโต หวดสองประตูพา "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เปิดรังเอาชนะ "ราชันสีน้ำเงิน" ชาลเก 04 ไป 3-0...
การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2013-14 เมื่อวันพุธที่ 6 พ.ย. เป็นการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 4 ของกลุ่ม อี,เอฟ,จี และ เอช เกมไฮไลท์อยู่ศึกในกลุ่ม เอช "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา ยักษ์ใหญ่ลีกลาลีกา สเปน จ่าฝูงของกลุ่ม เปิดรังคัมป์นู รับการมาเยือนของ "ปิศาจแดงดำ" เอซี มิลาน ทีมจากลีก กัลโช เซเรีย อา อิตาลี อันดับ 2 ของกลุ่ม ซึ่งจากการพบกันครั้งล่าสุด มิลาน ลงเล่นในบ้านเสมอ บาร์ซา ไป 1-1
เกราร์โด มาร์ติโน เทรนเนอร์บาร์ซา จัดชุดที่ดีที่สุดลงสนามได้ อาเดรียนโน กอร์เรอา ฟูลแบ็กชาวบราซิลลงเป็นตัวจริง ทีมรุกใช้งาน อเล็กซิส ซานเชซ,ลิโอเนล เมสซี และ เนย์มาร์ ขณะที่ มิลาน ภายใต้การนำของ มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี ได้ ฟิลิปป์ เม็กแซส เซนเตอร์แบ็กพันธุ์แกร่งกลับมาร่วมทีมหลังพ้นโทษแบน ทีมรุกใช้งาน โรบินโญ ล่าตาข่ายร่วมกับ ริคาร์โด กาก้า
เริ่มเกมเพียง 4 นาที บาร์ซา ก็มาลุ้นก่อนหลังมาได้ฟรีคิกระยะหวังผลหน้ากรอบเขตโทษ ชาบี เอร์นานเดซ รับหน้าที่สังหารปั้นบอลด้วยขวาข้ามกำแพงก่อนจะพุ่งโค้งเฉี่ยวเสาออกหลังไป จากนั้นก็เป็นเจ้าถิ่นที่ขึงเกมรุกหนัก
จนมาถึง น.30 แฟนบอลบาร์ซาก็ได้เฮ หลัง เนย์มาร์ ถูก อินญาซิโอ อบาเต ดึงล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินตามมาแจกใบเหลืองพร้อมชี้ให้"เจ้าบุญทุ่ม"ได้จุดโทษ และก็เป็น ลิโอเนล เมสซี ที่สังหารตุงตาข่าย พาทีมออกนำไปก่อน 1-0
น.35 มิลาน ก็มีโอกาสได้ลุ้นจริงๆเป็นครั้งแรก อันเดรีย โปลี แตะบอลสั้นๆไปให้ ริคคาร์โด มอนโตลิโว วางเท้าหวดด้วยขวาในกรอบเขตโทษฝั่งขวาบอลพุ่งเลยเสาสองออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
หลังจากนั้นเพียง 4 นาที"เจ้าบุญทุ่ม" ก็มาได้ประตูนำห่างเป็น 2-0 ชาบี เปิดลูกฟรีคิกทางฝั่งซ้ายมาที่หน้าประตูให้ เซร์คิโอ บุสเกวตส์ สอดเข้าไปโขกตุงตาข่าย
อย่างไรก็ตามก่อนหมดครึ่งแรก น.49 มิลาน สามารถตีไข่แตกได้สำเร็จจากจังหวะที่ ริคาร์โด กาก้า พาบอลลุยไปจนสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนจะจ่ายยัดไปที่เสาแรก เกราร์ด ปิเก ยื่นขาขวาสกัดกลายเป็นเปลี่ยนทางบอลทำเข้าประตูตัวเองไป ครบ 45 นาที บาร์เซโลนา ขึ้นนำ เอซี มิลาน ไปก่อน 2-1
กลับมาต่อในครึ่งหลังต่างดาวยังคงรุกหนักตามสไตล์ จนเกือบเฮใน น.52 หลัง อาเดรียโน กอร์เรอา แทงทะลุช่องเข้ากรอบเขตโทษบอลพุ่งไปแฉลบปลายขา เมสซี ลอยโด่งเข้าประตูไป แต่กรรมการตีธงเป็นล้ำหน้าเสียก่อน
บาร์ซา ยังหาโอกาสจบสกอร์ได้ดีกว่าจนน่าจะมีประตูที่สามใน น.73 หลัง เนย์มาร์ โชว์โซโล่เดี่ยวลากบอลตัดทางริมเส้นฝั่งซ้ายเข้าหน้าประตูก่อนจะซัดโด่งข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
มาถึง น.84 เจ้าถิ่นได้ประตูเพิ่มเป็น 3-1 จากจังหวะที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร ลิโอเนล เมสซี เล่นชิ่งกับ เชส ฟาเบร์กัส ตัวสำรองหลุดเข้าไปหน้าประตูก่อนจะยิงผ่าน คริสเตียน อับเบียติ ไม่เหลือซาก และหลังจากนั้นทั้งสองทีมก็ไม่สามารถทำอะไรกันได้ จบเกม บาร์เซโลนา เอาชนะ เอซี มิลาน ไป 3-1 เก็บเพิ่มเป็น 10 คะแนน มีโอกาสเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นที่แน่นอน ขณะที่ มิลาน ต้องลุ้นในอีก 2 เกมที่เหลือ
11 ตัวจริงทั้งสองทีม
บาร์ซา : บิคตอร์ บัลเดส,เกราร์ด ปิเก,ฮาเวียร์ มาสเคราโน,อาเดรียนโน กอร์เรอา,ดาเนียล อัลเวส,ชาบี เอร์นานเดซ,เซร์คิโอ บุสเกวตส์,อเล็กซิส ซานเชซ,ลิโอเนล เมสซี,เนย์มาร์
เอซี มิลาน : คริสเตียน อับเบียติ,ฟิลิปป์ เม็กแซส,คริสเตียน ซาปาตา,อินญาซิโอ อบาเต,อูร์บี เอมานูเอลสัน,ซัลลี มุนตารี,อันเดรีย โปลี,ริคคาร์โด มอนโตลิโว,ไนเจล เดอ ยอง,โรบินโญ,ริคาร์โด กากา
แมตช์ไฮไลท์อีกคู่ที่กลุ่ม เอฟ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมแกร่งในลีก บุนเดสลีกา เยอรมัน อันดับ 2 ของกลุ่ม เปิดรัง ซิกนัล อิดูนา ปาร์ค รับการมาเยือนของ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ทีมผู้นำกลุ่มจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งผลงานการพบกันครั้งล่าสุด ดอร์ทมุนด์ บุกไปเฉือนเอาชนะ อาร์เซนอล 1-2
เปิดฉากครึ่งแรกทั้งสองทีมก็ผลัดกันรุกผลัดกันรับ และเป็นทีมเจ้าถิ่นที่มีโอกาส ใน น.36 จากจังหวะที่ เฮนริค มคิตาร์ยาน ได้โอกาสยิงในพื้นที่โล่งๆแต่กลับพลาดเป้าไปอย่างน่าเสียดาย ส่วนฝั่ง อาร์เซนอล เองแม้จะมีโอกาสได้ครองบอลแต่ขาดจังหวะจบสกอร์ทำให้หมดครึ่งแรกยังเสมอกันที่ 0-0
กลับมาต่อในครึ่งหลังรูปเกมยังไม่เปลี่ยนไปจากครึ่งแรกมากนัก จนในที่สุด น.62 ก็เป็น "ปืนใหญ่"ที่ได้เฮก่อน เมซุต โอซิล ยกบอลเข้าเขตโทษ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เทกตัวโขกส่งบอลไปตกที่หน้าประตู อารอน แรมซีย์ วิ่งเข้าไปโขกซ้ำไม่พลาด พาทีมออกนำ 1-0 และนั้นก็เป็นประตูชัยที่เกิดขึ้น ส่งผลให อาร์เซนอล มี 9 คะแนนนำเป็นผู้นำกลุ่มต่อโดยมี นาโปลี ตามมาเป็นอันดับ 2 มี 9 แต้มเท่ากัน
11 ตัวจริงทั้งสองทีม
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ : โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ ,เควิน กรอสส์ครอยท์, โซคราติส ปาปาสทาโธปูลอส,เนเวน ซูโบติช, มาร์เซล ชเมลเซอร์ , นูริ ซาฮิน, สเวน เบนเดอร์ , ยาคุบ บลาซซีคอฟสกี, เฮนริค มคิตาร์ยาน,มาร์โก รอยส์ ,โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี
อาร์เซนอล : วอจเชียส เชสนี ,บาการี ซานญา, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, โลร็อง กอสซิแอลนี่,คีแรน กิบบส์ , อารอน แรมซีย์,มิเกล อาร์เตตา ,ซานติ กาซอร์ลา,เมซุต โอซิล,โธมัส โรซิคกี ,โอลิวิเยร์ ชิรูลด์
เกมที่น่าสนใจอีกสนามในกลุ่ม อี "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี อีกทีมแกร่งในลีกผู้ดี อันดับ 1 ของกลุ่มเปิดสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ "ราชันสีน้ำเงิน" ชาลเก ทีมจากบุนเดสลีกา
เริ่มครึ่งแรก น.31 เชลซี ก็คว้าประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ ติโม ฮิลเดบรันด์ นายด่านทีมเยือนเปิดบอลไปติดเท้า ซามูเอล เอโต บอลกลิ้งกลับเข้าไปอยู่ในประตู ทำให้เกมครึ่งแรกจบลงด้วยผลสกอร์ดังกล่าว
ในขณะที่ครึ่งหลัง น.53 "สิงห์บลู"ก็นำห่างเป็น 2-0 หลัง วิลเลียน ไหลบอลให้ เอโต หลุดไปทางฝั่งขวาก่อนจะยิงเสียบเสาสองไม่พลาด แต่ยังไม่พใน น.83 เจ้าถิ่นก็ได้ใส่สกอร์ทิ้งห่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด ยกบอลข้ามแนวรับ ให้ เดมบา บา หลุดเข้าไปเอี่ยวตัวยิงผ่านมือ ติโม ฮิลเดบรันด์ เข้าประตู จบเกม เชลซี เอาชนะ ชาลเก ไป 3-0 เก็บเพิ่มเป็น 9 คะแนนนำเป็นผู้นำกลุ่มต่อ
เกมในกลุ่ม จี "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด ทีมในลีก ลาลีกา สเปน อันดับ 1 ของกลุ่ม เปิดสนาม บิเซนเต กัล เดรอน รับการมาเยือนของ ออสเตรีย เวียนนา ทีมบ๊วยของกลุ่ม จากออสเตรีย ผลปรากฏว่า "ตราหมี"เอาชนะไปอย่างขาดลอย 4-0 จาก เชา มิรันดา น.11,ราอู การ์เซีย น.25,ฟิลิเป หลุยส์ น.45 และ ดิเอโก คอสตา น.82 ช่วยให้ทีมมี 12 คะแนนเต็มผ่านเข้ารอบเป็นที่แน่นอนแล้ว
สรุปผลการแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
กลุ่ม อี
เอฟซี บาเซิล (สวิตเซอร์แลนด์) เสมอ สเตอัว บูคาเรสต์ (โรมาเนีย) 1-1
เชลซี (อังกฤษ) ชนะ ชาลเก 04 (เยอรมัน) 3-0
กลุ่ม เอฟ
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมัน) แพ้ อาร์เซนอล (อังกฤษ) 0-1
นาโปลี (อิตาลี) ชนะ โอลิมปิก มาร์กเซย (ฝรั่งเศส) 3-2
กลุ่ม จี
เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย) ชนะ เอฟซี ปอร์โต (โปรตุเกส) 1-1
แอตเลติโก มาดริด (สเปน) ชนะ ออสเตรีย เวียนนา (ออสเตรีย) 4-0
กลุ่ม เอช
อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์ส) ชนะ กลาสโกว์ เซลติก (สกอตแลนด์) 1-0
บาร์เซโลนา (สเปน) ชนะ เอซี มิลาน (อิตาลี) 3-1