//www.kumarntalk.com/topic/348ประสบการณ์ของผู้เลี้ยงดูบูชากุมารทองนอกจากที่มีโอกาส วาสนาได้ประสบการณ์ที่เกิดจากฤทธิ์จากเดชจาก
กุมารทองที่ได้รับมาจาก ท่านพระอาจารย์โชติ อาภัคโค ยอดเกจิกรรมฐานผู้ทรงเวทมหามนต์ ในแผ่นดินอีสานด้านตะวันออก แห่งวัดภูเขาแก้ว อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี จากประสบการณ์ของตนเองที่ได้เห็นเป็นประจักษ์ ถึงฤทธิ์เดชที่เหนือธรรมดาของกุมารทองดังกล่าว ผู้เขียนยังได้รับการ เปิดเผยให้รับรู้ในเรื่องนี้จากผู้มีประสบการณ์อีกหลายรายด้วยกัน แต่ละรายก็มีประสบการณ์ที่แปลกแตกต่างกันไป ตามเหตุการณ์
สถานการณ์และสิ่งแวดล้อมของแต่ละบุคคล ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐาน แห่งความเชื่อความศรัทธา แม้ประสบการณ์ของท่านเหล่านั้น จะไม่ได้เกี่ยวเนื่องกับกุมารทองของท่านพระอาจารย์โชติ วัดภูเขาแก้ว เป็นประสบการณ์จากกุมารทองที่สร้างขึ้นจากครูบาอาจารย์ผู้ทรงเวทวิชาท่านอื่น แต่เรื่องราว ของท่านเหล่านั้นก็น่าที่จะได้รับรู้เพื่อพิจารณาไม่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่รักชอบที่จะเลี้ยงบูชากุมารทองให้เกิดเป็นฤทธิ์เป็นเดช ที่ให้คุณแก่ตนจึงขออนุญาตนำมาบอกเล่าให้ฟังไว้ในที่นี่ด้วย อย่างเช่นในกรณีของ คุณศักดิ์ ระพี ซึ่งเป็นคนราชบุรี และรับราชการที่จังหวัดราชบุรี มีบ้านพักอยู่ตรงสี่แยกในเขตตัวเมือง เจ้าตัว กล่าวว่าเพราะมีบ้านพักอยู่ในเขตเมือง กลางวันจนถึง ๕ ทุ่มกว่าๆ จะมีรถราต่างๆ วิ่งผ่านกันไม่ขาด แต่พอถึงเที่ยงคืนแล้วจะเงียบสงัดมาก พร้อมกันนั้นก็ได้เป็ดเผยประสบการณ์จากการบูชากุมารทอง ให้ทราบดังนี้
ตามปกติแล้วผมเป็นคนที่สนใจในสิ่งศักดิ์สิทธิ์และการปฏิบัติ สมาธิเป็นประจำ ภายในบ้านของผมจะมีสิ่งที่สมควรบูชากราบไหว้ หลายอย่าง รวมทั้ง องค์กุมาร และ รัก-ยม ซึ่งมีบูชาไว้หลายตน ด้วยกัน เหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดจากการเลี้ยงดูบูชาองค์กุมาร ได้เกิดขึ้นเมื่อประมาณกลางเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. ๒๕๓๗ ซึ่งผมยัง จดจำได้ไม่ลืมจนทุกวันนี้ คืนนั้นเวลาประมาณ ๕ ทุ่มครึ่ง ผมได้ไหว้พระสวดมนต์แล้ว นั่งสมาธิภาวนาตามกิจวัตรอันเป็นปกติของผมที่จะต้องทำก่อนนอน เป็นประจำทุกคืน นั่งสมาธิภาวนาผ่านไปประมาณสักเกือบชั่วโมง เห็นจะได้ ในสมาธิของผมก็เห็นมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุอานามอยู่ใน ราว ๘-๑๐ ปีเห็นจะได้
โดยที่เห็นนั้นหน้าตามองเห็นไม่ถนัดแต่ที่ เห็นชัดคือ เป็นเด็กไว้ผมจุกด้วยไม่ได้สวมเสื้อ ส่วนที่นุ่งนั้นมองไม่ชัดว่าจะเป็นกางเกงหรือว่านุ่งอะไร เด็กคนนั้นมายืนกวักมือเรียกให้ผม ออกไปหา พอผมเดินออกไปที่ชานหน้าบ้านแต่ยังไม่ทันจะเปิดประตู ผมก็ถามแกว่า
หนูมาหาใคร
เด็กคนนั้นยิ้มฟันขาวแล้วตอบว่า
จุกมาหาพ่อนั่นแหละ จุกจะมาขออยู่กับพ่อด้วยคน จุกจะมาช่วยให้พ่อมีความเจริญรุ่งเรืองในการงาน พ่อให้จุกอยู่ด้วยนะ พ่อไปรับ จุกที่วัดสวน ไปเร็วๆ นะพ่อ
ผมสงสัยในคาพูดที่เด็กคนนั้นบอกว่า ให้ไปรับที่วัดสวน เพราะไม่รู้ว่าวัดสวนที่ว่านั้นอยู่ที่ไหน พอจะอ้าปากถามว่าวัดสวนอยู่ ที่ไหนก็พอดี... โครม
เป็นเสียงรถเครื่องมาชนกันตรงหน้าบ้านของผมพอดี ผมจึงจำต้องออกจากสมาธิและเปิดประตูออกไปดู เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบ เหตุตามที่พอจะช่วยเหลือเขาได้และได้ทำหน้าที่พลเมืองดีอย่างเต็มใจ กระทั่งพักหนึ่งตำรวจสายตรวจจึงได้ผ่านมา ผมจึงหมดภาระจึงกลับ เข้าบ้านเพื่อนั่งสมาธิต่อ
แต่...คราวนี้จิตไม่ค่อยสงบนักจึงล้มตัวลงนอนแล้วม่อยหลับ ไปจนกระทั่งเช้าตรู่ ผมได้ใส่บาตรเพื่ออุทิศส่วนกุศลไปให้เด็กผมจุก คนนั้น หลังจากวันนั้นมาอีก ๓ วัน ในคืนของวันที่ ๓ นั้น ขณะที่ ผมกำลังหลับสนิทอยู่ผมฝืนไปว่าได้ไปไหว้พระที่วัดแห่งหนึ่ง แต่จำไม่ได้ว่าเป็นวัดอะไร เมื่อไหว้พระเสร็จแล้วได้เดินไปที่ศาลาท่าน้ำหน้าวัด ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงเด็กเรียกมาทางด้านหลังพอหันกลับ ไปดูก็เห็นเด็กที่ชื่อจุกนั้นกำลังเดินตรงเข้ามาหาผม เดินมาหยุดยืน ห่างจากผมราว ๒ วากว่าแล้วพูดว่า
พ่อไม่เห็นมารับจุกสักที จุกเหงามาก จุกอยากมีเพื่อนเล่น พ่อมีลูกตั้งหลายคน พ่อรีบมารับจุกไวๆ นะ จุกอยู่ที่วัดสวนนี้แหละ รีบมานะพ่อจุกไปละ
ผมยังไม่ทันจะเอ่ยปากถามอะไรเลย เด็กผมจุกคนนั้นก็หัน หลังแล้วรีบวิ่งเลี้ยวหายไปทางหลังตึกเก่าๆ หลังหนึ่ง ผมจึงรีบเดิน ตามไปทางที่เห็นเด็กผมจุกวิ่งหายลับไปนั้น แต่พอเดินเลี้ยวไปทาง ตึกหลังที่ว่า ผมก็ต้องชะงักอยู่กับที่ เพราะบริเวณแถบนั้นมองไป เห็นแต่ล็อกที่เก็บศพ และไม้ปักบนหลุมศพเรียงรายเป็นแถวเลย เหลียวมองหาเด็กผมจุกก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบ จึงหันหลังกลับ คิดในใจ ว่าจะลองไปถามพระในวัดดูว่า เด็กที่ไว้ผมจุกที่ชื่อจุกนี้เป็นลูกเต้า ของใครและอยู่ที่ไหนกันแน่ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอย่างที่คิด ก็ต้อง ตกใจตื่นเสียก่อนเพราะเสียงดังจากรถยนต์ที่มาจอดรับบรรดาพ่อค้า แม่ขายที่หน้าบ้านนั่นเอง
ต่อมาประมาณเดือนสิ่งหาคมปีเดียวกัน ผมได้อ่านนิตยสาร เล่มหนึ่งพบว่าที่ วัดใหม่สวนหลวง อัมพวา ได้ทำพิธีปลุกเสก พี่จุก
กุมารขึ้นมาเพื่อจัดหาปัจจัยไปทำการบูรณะก่อสร้างศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ และอื่นๆ อีกหลายอย่าง ผมจึงนึกฉุกใจด้วยความสงสัย ขึ้นมาว่า เด็กผมจุกที่เคยมาหาผมจะใช่พี่จุกกุมารของวัดใหม่สวนหลวง นี้หรือเปล่า?ด้วยความคิดสงสัยอย่างนั้นในคืนนั้นผมจึงได้จุดธูป ๙ ดอก แล้วอธิษฐานว่า
หากเด็กผมจุกที่มาขออยู่กับผมนั้น เป็นองค์เดียวกับพี่จุก กุมารวัดใหม่สวนหลวงละก็ขอให้มาเข้าฝันบอกพ่ออีกครั้งเถิด แต่ผมก็ไม่ได้ฝันเห็นเด็กผมจุกคนนั้นอีกเลย! จนกระทั่งถึง วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๓๗ ซึ่งตอนเย็นผมได้ไปออกกำลังกายที่ สนามกีฬา กลับมาบ้านก็อาบน้ำ กินอาหาร จากนั้นก็นั่งดูข่าวจากโทรทัศน์ จบข่าวแล้วก็ไหว้พระสวดมนต์นั่งสมาธิภาวนาอยู่ครู่หนึ่ง หลังจาก นั้นจึงเข้านอนแล้วก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
คืนนั้นผมฝันเห็นเด็กผมจุกมายีนอยู่หน้าประตูโบสถ์ มีพวง มาลัยคล้องคอหลายพวง ถัดลงมาข้างล่างบริเวณพื้นหน้าโบสถ์มีผู้คน ทั้งชายหญิงมากมายเดินสวนกันไปมา และมีที่ยืนบ้างนั่งบ้างเป็นกลุ่ม ใหญ่ พูดคุยกันอยู่ตรงหน้าเด็กผมจุกนั้น ในฝันผมนั่งอยู่บนรถประจำทางซึ่งกำลังจอดรับผู้คน ทันใด นั้นเด็กผมจุกได้มองมาทางผมแล้วกวักมือเรียกผม พร้อมทั้งตะโกน เรียกผมว่า
พ่อ...พ่อ... พ่อจะมารับจุกแล้วใช่ไหม พ่อรีบมารับจุกเร็วๆ นะ
พอดีรถประจำทางที่ผมนั่งมาได้เคลื่อนออกจากที่จอดเสียก่อน ก่อนที่เด็กผมจุกจะพูดจบจึงยังไม่มีโอกาสรู้ความในสิ่งที่อยากจะรู้ รุ่งเช้าวันต่อมา ผมมานั่งครุ่นคิดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กผมจุก คนนั้นอยู่พัก ใหญ่และคิดขึ้นมาได้ว่าเหตุที่เด็กผมจุกคนนั้น ไม่สามารถ มาเข้าฝันผมได้เหมือนอย่างที่เคยได้นั้น อาจจะเนื่องมาจากผมแขวน พระอยู่ที่คอตลอดเวลานั่นเอง แต่ในคืนวันเสาร์คือคืนวานนั้นผมอาบน้ำ แล้วได้ถอดสายสร้อยที่ห้อยพระ เอาแขวนไว้ใต้หิ้งพระในบ้านก่อน ที่จะเข้านอนเขาจึงมาเข้าฝันได้