NBTC Policy Watch จัดเสวนาถกสถานการณ์ของผู้บริโภคภายใต้การกำกับของ กสทช. ชี้คุณภาพ 3จี ผ่านแต่ยังติดเรื่องราคา เล็งคุมเข้มเรื่องซิมดับ พร้อมวางแผนประมูล 4จี ให้รอบคอบ
เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. NBTC Policy Watch (โครงการติดตามนโยบายสื่อและโทรคมนาคม) ได้จัดเสวนาในหัวข้อ "สถานการณ์ผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคมภายใต้การกำกับของ กสทช. : ซิมดับ 3G คุกกี้รัน ฯลฯ" โดยมี นายแพทย์ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นางสาวสุภัทรา นาคะผิว อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในด้านกิจการโทรคมนาคม นายชัยยุทธ มังศรี ผู้อำนวยการกลุ่มงานรับเรื่องร้องเรียนและคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กสทช. ร่วมเป็นวิทยากร
โดย นายแพทย์ประวิทย์ คณะกรรมการ กสทช. เปิดเผยว่า การขยายตัวของการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือเพิ่มขึ้นมากมายในช่วงที่ผ่านมา ทำให้วิถีชีวิตผู้บริโภคเปลี่ยนไปกลายเป็นสังคมก้มหน้า กรณีเกมคุกกี้รันก็เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงการไม่เท่าทันเทคโนโลยี รวมถึงการใช้อินเทอร์เน็ต ส่วนกรณี 3จี ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพกับราคา ถ้าวัดความเร็วแล้วก็จะพบว่ามีคุณภาพใกล้เคียงกัน ไม่ได้ต่างกันจนผิดหูปิดตา ในส่วนที่กฎหมายระบุว่าต้องขยายโครงข่ายให้ครอบคลุม 50% ภายใน 2 ปี ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่มากจึงต้องช่วยกันตรวจสอบ
"เรื่องการลดราคา 3จี ลง 15% ตามเงื่อนไขของ กสทช.ขึ้นอยู่กับวิธีการคำนวณ แต่โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับกรณีที่ผู้ให้บริการไม่ปรับลดราคาแต่บอกว่ามีบริการเสริมให้ ซึ่งตามกฎหมายแล้วใครไม่เปลี่ยนโปรโมชั่นถือว่าต้องลดราคา จึงถือว่ายังไงก็มีความผิดตามกฎหมาย อีกทั้งผู้ใช้ 3จี ไม่ได้เน้นราคาแต่เน้นที่คุณภาพ ส่วนเรื่องลดราคานั้นอยากให้ผู้บริโภคถามตัวเองว่าจ่ายค่าบริการถูกลงไหม หากตอบไม่ก็แสดงว่านโยบายนั้นมีปัญหา แต่ตอนนี้ส่วนตัวรู้สึกว่าประชาชนไม่รู้สึกว่ามันถูกลง" คณะกรรมการ กสทช. กล่าว
นายแพทย์ประวิทย์ กล่าวอีกว่า กรณีซิมดับนั้น เนื่องจากกระบวนการประมูล 4จี จะเกิดขึ้นกลางเดือนส.ค. ต้องมีการขอใบอนุญาตใหม่ ซึ่งทำให้การย้ายค่ายไม่ทัน ฉะนั้นซิมอาจจะดับกลางเดือนก.ย. ต้องถามว่าจะแก้ไขยังไง ยกตัวอย่าง ถ้าไม่มีการบริการทดแทนก็ไม่ต้องควรดับจึงเสนอให้มีการประมูลล่วงหน้า สิ่งที่ กสทช. เคยทำคือสั่งให้ผู้ให้บริการที่จะหยุดหรือเลิกกิจการให้มีการโอนย้ายไปยังผู้ให้บริการรายอื่น สิ่งที่จะกระทบผู้บริโภคคือ เงินต้องทวงเลขหมายที่ดับไปด้วย บริการต้องเปลี่ยน ซึ่ง กสทช. ควรเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเรื่องต่างๆ ให้มากขึ้น ทั้งเรื่องวิธีการคิดคำนวณราคา 3จี โดยเฉพาะเรื่องซิมดับเพื่อให้ผู้บริโภคมีข้อมูลข่าวสารได้ครบถ้วน
ด้าน นายชัยยุทธ ผอ.กลุ่มงานรับเรื่องร้องเรียนและคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กสทช. กล่าวว่า ปริมาณเรื่องร้องเรียนในช่วงที่มีการประมูล 3จี ที่ผ่านมา มีประเด็นเกี่ยวกับค่าบริการไม่มาก แต่ส่วนมากเป็นเรื่องของคุณภาพการให้บริการ ส่วนประเด็นการคุ้มครองผู้บริโภคและการจัดการเรื่องร้องเรียนในการรับสิทธิตามกฎหมายที่มีความล่าช้ากว่า 30 วันตามที่กฎหมายระบุนั้น ความล่าช้ามาจากกระบวนการชี้แจงที่ใช้เวลานาน ทั้งจากผู้ประกอบการ รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนที่เสนอเรื่องให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ตัดสินต่อไป ขณะเดียวกันบุคลากรทางสำนักงาน กสทช.มีจำกัด โดยสำนักงานฯ ไม่ได้มีเจตนาประวิงเรื่องใดๆ ตอนนี้มีข้อเสนอให้ผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ยเพิื่อตัดสินเรื่องร้องเรียน ซึ่งสามารถจัดการได้เร็วขึ้น มากไปกว่านั้นยังให้ความเห็นว่าเวลาที่ระบุในกฎหมายน้อยไป
ขณะที่ นางสาวสุภัทรา อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในด้านกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า ควรมีการปฏิรูปกลไกจัดการเรื่องร้องเรียนให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากบางเรื่องก็เป็นเรื่องที่ผิดไปจากกฎหมายหรือประกาศอย่างชัดเจน และบางเรื่องก็มีบรรทัดฐานการตัดสินอยู่แล้ว ยิ่งจัดการช้าก็ยิ่งเป็นการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคในขั้นอนุกรรมการเองก็มีการเสนอความเห็นแก่สำนักงาน กสทช. ในกรณีที่เห็นว่าเรื่องร้องเรียนนั้นควรทำให้เป็นประกาศเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคเป็นการทั่วไป เนื่องจากยังมีปัญหาอื่นๆ อีกมากที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม อาทิ เรื่องโรมมิ่ง ข้อความสั้นที่สร้างความรำคาญแล้วมีการคิดค่าบริการ การตั้งเสาโทรคมนาคม การคิดค่าบริการผิดพลาด การย้ายค่าย สัญญาณไม่ชัดเจนในอาคารสูง ซิมดับซึ่งไม่เป็นไปตามประกาศของ กสทช. เป็นต้น และยังเสนอให้ กสทช.สรุปรายงานการจัดการเรื่องร้องเรียนที่ล่าช้า เช่น ช้าเกิน 30 วัน, ช้าเกิน 90 วัน, 1 ปี, 2 ปี
"สำหรับประเด็นซิมดับนั้น ยืนยันว่าซิมต้องไม่ดับ เงินเหลือในซิมก็ต้องคืนผู้บริโภค ที่ผ่านมายังมีคนจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ กสทช.ควรมีมาตรการคุ้มครองให้ซิมไม่ดับ ซึ่งควรมีมาตรการชัดเจนว่าจะคืนเงินยังไง ภายในเวลาเท่าไหร่" อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในด้านกิจการโทรคมนาคม กล่าว.