|
|
| | 1 |
| 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
| 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
| 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
| 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
| 30 | 31 | |
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
เสน่ห์ยุโรปตะวันออก : 10-ซาลส์บูร์ก (Salzburg) นครหลวงแห่งศิลปะบาโรก
สวัสดีครับ เราออกเดินทางจากเมืองฮัลล์สตัทท์เมื่อตอนที่แล้วในช่วงบ่ายมาก เพื่อไปยังอีกเมืองหนึ่งที่เป็นเมืองสวยงามจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก นั่นก็เมืองซาลส์บูร์ก ประเทศออสเตรีย เชิญติดตามไปด้วยกันครับ
เมืองซาลส์บูร์ก (Salzburg ) คำว่าซาลส์ (Salz) ในภาษาเยอรมันแปลว่าเกลือ บูร์ก (burg) คือปราสาท ดังนั้นคำว่า ซาลส์บูร์ก จึงมีความหมายว่า ปราสาทเกลือ ดินแดนแถบนี้เป็นแหล่งค้าเกลือเก่าแก่มาแต่โบราณ เกลือในสมัยก่อนเป็นสิ่งที่หายาก ฉะนั้นใครมีเกลือจึงเปรียบเสมือนมีทองคำ เมืองนี้จึงร่ำรวยมั่งคั่งมาตั้งแต่อดีต เกลือ (Salz) จึงเป็นที่มาของทั้งชื่อแคว้นและชื่อเมืองนั่นเอง
ที่ตั้งของเมืองซาลส์บูร์กมีลักษณะเป็นกึ่งภูเขากึ่งที่ราบ บริเวณเชิงเขาด้านเหนือของเทือกเขาแอลป์ด้านตะวันออก มีจุดเด่นคือน้ำในแม่น้ำซาลส์ซักค์ (Salzach) ที่ไหลผ่านกลางตัวเมืองจะมีสีออกเขียวมรกตสวยงาม เหตุเพราะมีเกลืออยู่มากนั้นเอง ที่นี่เต็มไปด้วยศิลปะแบบบาโรก (Baroque) จนได้ชื่อว่าเป็นนครหลวงแห่งศิลปะบาโรก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้เมื่อปี ค.ศ. 1996 เมืองนี้เป็นบ้านเกิดของคีตกวีเอกของโลก วูฟกังก์ อมาเดอุส โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart)
และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เพลงอมตะเรื่อง มนต์รักเพลงสวรรค์ (The Sound of Music)
เดินทางเข้ามาถึงเขตตัวเมืองซาลส์บูร์กแล้ว
มาดูแผนที่ของตัวเมืองกันก่อน รถจะจอดให้ลงที่บริเวณจุดหมายเลข 1 และเดินชมอาคารสถานที่ที่สำคัญไปตามเส้นทาง ณ จุดหมายเลข 2 เดินข้ามสะพานหมายเลข 3 ผ่านย่านร้านค้ากลางเมืองเก่าหมายเลข 4 ถึงน้ำพุรูปม้าหมายเลข 5 และจัตุรัสที่อยู่ใกล้ป้อมปราการหมายเลข 6 แล้วจึงเดินย้อนกลับตามเส้นทางเดิม
บริเวณจุดจอดรถจะพบบูธจำหน่ายบัตรทัวร์ตามรอยภาพยนตร์ The Sound of Music มีหลายแห่งตลอดเส้นทาง
เดินมาอีกครู่หนึ่งก็ถึงจุดชมวิวแรกคือทางเข้าสวนมิราเบล
สวนมิราเบล (Mirabell garden) เป็นสวนสาธารณะที่สวยที่สุดในซาล์ลบูร์ก เคยเป็นสวนในพระราชวังเดิม ออกแบบโดย Johann Bernhard Fischer von Erlach สวนสร้างในรูปแบบเรขาคณิต ตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้หลากสี มีรูปปั้นเทพเจ้าและน้ำพุ เป็นสวนแบบบาโรกที่สวยงาม เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมความงามของสวนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1858 เป็นต้นมา และยังเป็นฉากในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Sound of Music ในปี ค.ศ.1965 (ครบ 50 ปีแล้ว)
อ่านรายละเอียดของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ที่เพจเฟสบุ๊คนี้ครับ
www.facebook.com/TheSoundOfMusic
เราจะเดินตรงไปข้างหน้าเพื่อออกจากสวน มองเห็นหอคอยของโบสถ์และป้อมปราการใหญ่บนเนินเขาด้านหน้าชัดเจน
เดินผ่านอาคารหลังนี้ เป็นบ้านเกิดแห่งที่สอง ของคีตกวีเอกของโลกคือโมสาร์ทนั่นเอง
ผ่านโบสถ์ใหญ่ที่อยู่ด้านซ้ายมือ ชื่อ Dreifaltigkeits มีหอนาฬิกาอยู่ 2 แห่ง บอกเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว แต่ท้องฟ้ายังสว่างเพราะอยู่ในช่วงฤดูร้อน
เราจะเดินข้ามทางม้าลายบริเวณนี้
มาถึงสะพานข้ามแม่น้ำซาลส์ซักค์ สะพานหนึ่ง
เป็นสะพานที่มีแม่กุญแจคล้องไว้ที่ราวสะพานทั้งสองด้านเต็มไปหมด ด้วยความเชื่อว่าจะมีความรักที่มั่นคง หนุ่มสาวนิยมนำกุญแจมาคล้องไว้ที่นี่ แล้วโยนลูกกุญแจลงแม่น้ำไป
ทิวทัศน์สวยงามบริเวณนี้ สองฝั่งแม่น้ำเป็นที่ตั้งของโรงแรมหรูราคาแพง จะเห็นผู้คนนิยมมานั่งพักผ่อนที่พื้นหญ้าริมแม่น้ำในยามเย็น
และชมภาพแบบพาโนรามา (คลิกที่ภาพจะขยายใหญ่ขึ้น)
เดินข้ามสะพานมาแล้ว กำลังหยุดรอสัญญาณไฟเพื่อข้ามถนน จะสังเกตเห็นว่าแม้จะเป็นเวลาเย็นมากแล้วแต่ก็มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
เนื่องจากอาคารแต่ละหลังสร้างชิดกันมากจนไม่มีช่องว่าง จึงต้องมีอาคารหลังหนึ่งทำชั้นล่างของห้องหนึ่งให้เป็นทางเดินลักษณะอุโมงค์ จะได้เดินลอดไปยังถนนอีกด้านหนึ่งได้
เราจะเลี้ยวซ้ายแล้วเดินไปตามถนนนี้ สองฝั่งถนนเป็นร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกและสินค้าแบรนด์เนม
ที่แขวนป้ายบอกชื่อร้านเป็นเหล็กดัดสวยงาม
มาถึงโบสถ์ชื่อ Kollegienkirche เป็นโบสถ์ประจำมหาวิทยาลัยซาลส์บูร์ก (University of Salzburg Church) เปิดให้เข้าไปชมภายในได้
แท่นบูชาภายในโบสถ์สวยงามน่าศรัทธามาก
บริเวณใกล้ ๆ กันมีนาฬิกาดาราศาสตร์ตั้งอยู่ 1 เรือน บอกทั้งเวลา อุณหภูมิ และความดันของบรรยากาศ
เดินต่อไปยังจัตุรัสด้านหน้า พบศิลปินรับจ้างวาดภาพเหมือนให้กับนักท่องเที่ยว อยู่ประปราย
มาถึงจัตุรัสกลางเมืองแล้วคือ จัตุรัสเรสซิเดนท์ (Residenz platz) จัตุรัสนี้เองที่เป็นอีกฉากหนึ่งในภาพยนตร์ The Sound of Music มีมหาวิหารใหญ่ด้านขวามือคั่นอยู่จึงแบ่งจัตุรัสใหญ่ออกเป็นสองบริเวณ
มีน้ำพุที่มีรูปปั้นม้าอยู่กลางจัตุรัสบริเวณนี้
ภาพพาโนรามาบริเวณนี้ (คลิกที่ภาพจะขยายใหญ่ขึ้น)
เราเดินมาชมด้านหน้ามหาวิหารหลังนี้ นี่คือมหาวิหารแห่งเมืองซาลส์บวร์ก (Salzburg Cathedral) สร้างในสมัยเรอเนซองส์ตอนปลาย ต่อบาโรกตอนต้น ถือเป็นโบสถ์บาโรกยุคแรกที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อแทนโบสถ์หลังเดิมที่ถูกไฟไหม้ใหญ่จนเกินซ่อมแซม มหาวิหารหลังนี้ถูกระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถล่มเสียหาย แต่ต่อมาได้รับการบูรณะให้งดงามดังเดิม
มีรูปปั้นนักบุญอยู่หน้าประตูทางเข้า
แท่นบูชาสวยงามภายในมหาวิหาร
ด้านหน้ามหาวิหารทางขวามือ เป็นกำแพงสูงใหญ่ที่มีทางเดินลอดไปยังจัตรัสอีกส่วนหนึ่งที่อยู่ด้านใน มองเห็นป้อมปราการใหญ่อยู่ด้านหลัง
ป้อมปราการนี้ชื่อโฮเฮนซาลส์บูร์ก (Festung Hohensalzburg) เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจทางโลกของอาร์คบิชอปเกบฮาร์ด (Erzbischof Gebhard) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1077 เพื่อเป็นทีพำนักหลวงและป้องกันข้าศึก แต่มาสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1681 ปัจจุบันได้รับการยกย่องว่าเป็นป้อมปราการที่เหลืออยู่อย่างสมบูรณ์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในมีตำหนักใหญ่ คุกใต้ดิน ห้องทรมานนักโทษ รวมทั้งเตาผิงที่ปูด้วยกระเบื้องที่มีความทนทานมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1501 (เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมตามเวลาคือ ช่วงเดือน พ.ค. - ก.ย. เปิดเวลา 9.00-19.00 น. เดือนอื่น ๆ 9.30-17.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 11 ยูโร)
สามารถขึ้นไปชม โดยการขึ้นรถรางที่เห็นอยู่ด้านขวามือของป้อม เสียค่ารถ เที่ยวเดียว 2.4 ยูโร ไปกลับ 3.8 ยูโร
บริเวณจัตุรัสส่วนนี้มีลูกบอลกลมสีทองขนาดใหญ่มีหุ่นผู้ชายยืนอยู่ด้านบน เป็นงานศิลปะฝีมือนักศึกษามหาวิทยาลัยซาลส์บูร์ก
เดินกลับมาจากจัตุรัสไปอีกถนนหนึ่งพบอาคารสีเหลืองหลังนี้ นี่คือพิพิธภัณฑ์โมสาร์ทเกบูร์ตสเฮาส์ Mozart Geburtshaus (Mozart Birthplace)
บ้านสีเหลืองเลขที่ 9 เป็นสถานที่ที่โมสาร์ทเกิด เขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มากว่า 20 ปี ต่อมาเขาย้ายไปอยู่อีกหลังหนึ่ง บ้านหลังนี้ถูกดัดแปลงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในออกแบบโดย Robert Wilson นักศิลปะชาวอเมริกัน มีการออกแบบให้เหมือนตอนที่โมสาร์ทมีชีวิตอยู่มากที่สุด และยังรวบรวมเรื่องราวและเครื่องดนตรีในสมัยเด็กของโมสาร์ท ไม่ว่าจะเป็นไวโอลินหรือเปียโน นอกจากนั้นยังมีรูปภาพและจดหมายที่เขียนถึงกันในครอบครัวอีกด้วย
ถนนนี้ก็ยังคงสวยงามด้วยที่แขวนป้ายบอกชื่อร้านที่มีลักษณะเป็นเหล็กดัด
อาหารเย็นมื้อนี้เป็นอาหารจีนที่ภัตตาคารหยวน (Restaurant Yuen) แต่รสชาติอร่อยมาก ไม่ได้หยวน ๆ อย่างชื่อหรอกนะครับ
ระหว่างเดินทางกลับไปขึ้นรถ พบร้านเบอร์เกอร์น่ารักร้านนี้ เห็นชื่อแล้วคิดว่าต้องเค็มแน่ ๆ เลย
ผ่านหอนาฬิกาของโบสถ์ Dreifaltigkeits อีกครั้ง บอกเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว คงต้องรีบกลับที่พักเสียที
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม แล้วพบกันครั้งต่อไปที่เมืองเวียนนา เมืองสุดท้ายของทริปนี้ครับ.
| Create Date : 17 สิงหาคม 2558 |
| Last Update : 17 สิงหาคม 2558 11:12:04 น. |
|
7 comments
|
| Counter : 4343 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: กาบริเอล   วันที่: 17 สิงหาคม 2558 เวลา:11:43:15 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills  วันที่: 19 สิงหาคม 2558 เวลา:23:47:13 น. |
|
|
|
| โดย: Kavanich96 วันที่: 20 สิงหาคม 2558 เวลา:2:50:07 น. |
|
|
|
| โดย: Sweet_pills วันที่: 22 สิงหาคม 2558 เวลา:23:27:46 น. |
|
|
|
| โดย: tukata001 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2558 เวลา:22:34:58 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [
บรรยากาศเป็นใจต่อการสร้างศิลปินมากเลย :)
เห็นฉากจากภาพยนตร์เรื่อง sound of music ถือเป็นการโปรโมทเมืองได้ดีเลยนะคะ เกลือสมัยก่อนคงจะเป็นสิ่งมีค่ามากๆ เคยได้ยินว่า สามารถใช้เป็นค่าแรงกันทีเดียว
นาฬิกาดาราศาสตร์ ตั้งไว้ด้านนอกแบบนี้ ดูแปลกตาดีจังค่ะ ปกติจะเห็นจากในพิพิธภัณฑ์กันแล้ว
อยากขึ้นไปเห็นป้อมปราการ มองจากด้านล่างดูขึงขัง + น่ากลัวนิดๆ
ข้อมูลละเอียดมากกก ขอบคุณที่พาเที่ยวนะคะ
ปล. แอบขำ Salzburger คงน่าจะเค็มตามชื่อแน่นอน
ทองกาญจนา Travel Blog