Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2562
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
6 กรกฏาคม 2562
 
All Blogs
 
เสน่ห์โครเอเชีย

สวัสดีครับ ผมมีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศโครเอเชียกับทัวร์ ในรายการแกรนด์โครเอเชีย เป็นเวลา 8 วัน เมื่อวันที่ 10-17 เมษายน 2562 เดินทางโดยสายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ เที่ยวบินที่ OS 026 ถึงสนามบินเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อเปลี่ยนเครื่องต่อไปลงที่เมืองชาเกร็บประเทศโครเอเชีย แล้วเดินทางท่องเที่ยวผ่านเมืองต่าง ๆ ลงมาทางตอนใต้ของประเทศ ตามแผนที่ด้านล่าง



ผมมีเวลาท่องเที่ยวจริง ๆ 6 วัน ในช่วงนั้นอากาศยังค่อนข้างหนาวเย็นอยู่ อุณหภูมิ 8-9 องศาเซลเซียส มีฝนตกเล็กน้อย ขอนำสิ่งที่ประทับใจได้พบเห็นมาบันทึกไว้ครับ




วันแรกผมอยู่ที่เมืองชาเกร็บ เมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย ภาพสวยงามที่เห็นอยู่นี้ อยู่ในบริเวณเมืองเก่า คือบริเวณมหาวิหารเซนต์สตีเฟน ซึ่งเป็นมหาวิหารที่ใหญ่และสูงที่สุดในโครเอเชีย สามารถมองเห็นได้จากทุกที่ในเมืองซาเกร็บ










ตอนบ่ายไปเที่ยวที่เมืองโอพาเทีย เมืองชายทะเลที่มีทิวทัศน์งดงาม และมีรูปปั้นนางแห่งนกนางนวล อยู่บริเวณชายหาดด้วย รูปปั้นนี้แกะสลักโดย Zvonko Car เป็นรูปสตรีงดงามที่มีนกนางนวลเกาะอยู่ที่มือ ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองโอพาเทีย








วันที่สองในโครเอเชีย ผมมีโอกาสไปชมสนามพูล่า อารีน่า ที่เมืองพูล่า เป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่มีอายุรุ่นเดียวกับโคลอสเซียมที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี อารีน่าแห่งนี้ถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก ที่สร้างขึ้นในยุคโรมันเรืองอำนาจ จึงถูกสร้างขึ้นตามแบบฉบับโคลอสเซียมทุกประการ สามารถจุผู้ชมได้มากถึง 22,000 คน โดยมีทางผ่านเข้าออก 20 ช่องทาง ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมกลางแจ้ง และงานเทศกาลภาพยนตร์ประจำปี






วันที่สามในโครเอเชีย เช้าวันนี้ทัวร์พาไปเข้าชมอุทยานแห่งชาติพลิทวิตเซ่ (Plitvice) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1979 เป็นรายการทัวร์ไฮไลท์ของโครเอเซีย คือใครไปเที่ยวประเทศนี้ก็ต้องไปชมกันทุกคณะครับ

อุทยานประกอบด้วยทะเลสาบใหญ่ที่เกิดจากน้ำบนภูเขาไหลลงมารวมกันผ่านหินปูน เวลาผ่านไปหลายพันปี หินปูนถูกกัดเซาะไหลไปรวมกันเกิดเป็นเขื่อนธรรมชาติ และสายน้ำไหลตกลงมา กลายเป็นน้ำตก 16 แห่ง ไหลลงไปรวมกันเป็นทะเลสาบใหญ่ด้านล่าง น้ำตกสูงที่สุดสูงถึง 639 เมตร และต่ำสุด 503 เมตร มีทางเดินเท้าให้เดินชมน้ำตกทุกแห่งอย่างใกล้ชิด

แต่เรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์ที่สุดสำหรับคณะก็คือ ความแปรปรวนของอากาศ คือมีหิมะตกหนักเมื่อคืนวาน ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงที่เราเดินทางเข้าไปชม โดยอุณหภูมิลดต่ำลงเหลือเพียง 1 องศาเซลเซียส หนาวเย็นมาก ๆ มีหิมะตกขาวโพลนไปทั้งอุทยาน จึงไม่สามารถเดินชมน้ำตกตามทางเดินเท้าได้ ได้แต่เดินชมด้านบนครับ














วันที่สี่ในการท่องเที่ยวโครเอเชีย วันนี้ภาคเช้าผมไปชมเมืองซีบีนิค (Sibenik) เมืองสวยงามที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลเอเดรียติก เป็นท่าเรือยอร์ชที่ได้รับความนิยมจากนักเดินเรือชาวยุโรปอย่างมาก ภายในตัวเมืองเก่าเป็นที่ตั้งของโบสถ์เซนต์เจมส์ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.2000






นอกจากนี้ยังได้ไปชม ซีออร์แกน (Sea Organ) นวัตกรรมใหม่ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดที่เมืองบาร์เซโลน่าเมื่อปี 2005 เป็นการใช้ท่อฝังลงไปริมฝั่งทะเล แล้วอาศัยคลื่นน้ำทะเลดันอากาศเข้าไปในท่อที่มีลิ้นแตกต่างกัน ทำให้เกิดโทนเสียงสูง ต่ำ ออกจากท่อจำนวนมาก อย่างน่าอัศจรรย์








ช่วงบ่ายไปชมเมืองโทรเกอร์ (Trogir) ที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ รถยนต์สามารถข้ามไปได้ด้วยสะพาน เป็นเมืองที่มีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน คือสดชื่นเย็นสบายตลอดทั้งปี จนได้ฉายาว่า "แคลิฟอร์เนียแห่งโครเอเชีย" ตัวเมืองยังคงรักษาสถาปัตยกรรมแบบกรีกและโรมันในสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ได้อย่างสมบูรณ์ จึงได้รับการคัดเลือกจากยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1997 ครับ








วันที่ห้าในทริปท่องเที่ยวประเทศโครเอเชีย วันนี้ทัวร์พาไปชมเมืองสปลิท (Split) เมืองในแคว้นดัลเมเชีย เมืองท่าตากอากาศ แหล่งกำเนิดสุนัขพันธุ์ดัลเมเชียน เป็นเมืองศูนย์กลางการพาณิชย์และการคมนาคม และเมืองท่าที่มีเรือสำราญขนาดใหญ่จากฝั่งอิตาลีมาจอดแวะอย่างต่อเนื่อง








มีตัวเมืองโบราณสร้างรายล้อมพระราชวังดิโอคลีเธียน และศาลาว่าการเมือง ที่สร้างสไตล์เรอเนสซองซ์ในศตวรรษที่ 15 ทางการดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดี จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.1979 พระราชวังดิโอคลีเธียน เป็นที่ประทับของจักรพรรดิดิโอคลีเธียนแห่งเมืองเวนิส จักรพรรดิโรมันที่ครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ.243-316 เป็นพระราชวังโบราณที่ยังมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์สวยงาม มีนักท่องเที่ยวเข้าไปชมเป็นจำนวนมากครับ








วันที่หกและเป็นวันสุดท้ายที่จะท่องเที่ยวในโครเอเชีย ผมมาถึงเมืองดูบรอฟนิค (Dubrovnik) เมืองทางตอนใต้ของประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีน่า ดูบรอฟนิก ติดอันดับ 1 ใน 10 เมืองน่าเที่ยวที่สุดในยุโรป และเป็นฉากหลังซีรี่ย์ดัง Game of Thrones อายุเก่าแก่กว่าพันปี เป็นหนึ่งในเมืองเก่าที่สวยที่สุดในยุโรป จนได้รับฉายาว่า “ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติค” เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก









ดูบรอฟนิคเป็นเมืองที่มีอำนาจทางทะเล ควบคุมการเดินเรือในทะเลเอเดรียติคและเมดิเตอร์เรเนียน จึงเป็นเมืองร่ำรวย สามารถใช้เงินตกแต่งพระราชวัง โบสถ์ วิหาร จัตุรัส น้ำพุ และอาคารบ้านเรือน ได้อย่างเต็มที่ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบ กอธิค เรเนสซองค์ และบาโรค ต่อมาเกิดสงครามกลางเมืองในศตวรรษที่ 19 บ้านเมืองเสียหายหนัก จนองค์การยูเนสโกต้องเข้ามาช่วยบูรณะ และรับเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1979












ผมเดินทางออกจากเมืองดูบรอฟนิค กลับประเทศไทย โดยเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินเวียนนา ประเทศออสเตรีย เที่ยวบินที่ OS 025 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิในวันพุธที่ 17 เมษายน 2562 ในช่วงบ่าย โดยสวัสดิภาพ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมครับ.


Create Date : 06 กรกฎาคม 2562
Last Update : 7 กรกฎาคม 2562 20:01:18 น. 0 comments
Counter : 1746 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณhaiku, คุณKavanich96, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณอุ้มสี


ทองกาญจนา
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทองกาญจนา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.