Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
14 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
Seven Pounds

๗ วินาทีของความประมาท



กำกับ : Gabriele Muccino
นำแสดง : Will Smith
ความยาว : ๑๒๓ นาที
ระดับความชอบ : ๙.๒๕/๑๐

แผ่นนี้ได้มาจากญาติผู้พี่ ส่งมาให้โดยบอกมาว่าน่าจะชอบ
เก็บไว้นานเลย ไม่ได้ดูหนังมานาน ช่วงนี้มัวแต่จัดแจงเรื่องการย้ายคอนโด วันนี้เลยเอาเสียหน่อย เหลือบดูความยาวของหนัง ร่วมสองชั่วโมงเลย

หนังมีบทพูดเยอะมาก ทำให้ต้องตั้งใจดู ไม่งั้นหลุด
ผู้กำกับคนนี้เป็นชาวอิตาลี กำกับหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ ๒ ใน Hollywood เรื่องแรกก็คือ The pursuit of happyness ก็ร่วมกับ Will Smith อีกเหมือนกันสำหรับเรื่องนั้น แผ่นที่ได้มามี Comment ของผู้กำกับให้ฟังด้วย ทำให้ทราบแนวคิดในเรื่องได้มากขึ้นครับ
ยังคาใจชื่อหนัง มันสื่ออะไรครับ เหมือนกับเรื่องก่อนที่เขียน Happyness ผิดอย่างจงใจ

เปิดตัวหนังคือฉากจบของเรื่อง แล้วค่อยเล่าเรื่องย้อนหลังในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเป็นลำดับ ไม่ได้ตัดสลับไปมาเหมือน 21 Grams

คำน่าคิดอยู่ตอนต้นเรื่องครับ
"พระเจ้าสร้างโลกภายใน ๗ วัน แต่ผมทำลายมันใน ๗ วินาที"
๗ วินาทีแห่งความประมาท ทำลายทุกอย่าง
หนังบอกผมว่า อย่าประมาทโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะในเรื่องสำคัญ เช่น การขับรถ
ย้อนกลับมาดูตัวเรา บางครั้งก็ชอบเอาโทรศัพท์มาดู Massage เหมือนกันนะ คิดแล้วก็ยังเสียว ต้องงดนะ หายใจลึก ให้คิดว่า การขับรถครั้งนี้สำคัญที่สุด ต้องทำให้ดีที่สุด เพราะเกี่ยวเนื่องกับคนมากมาย ซึ่งล้วนแต่รักเราทั้งนั้น

แต่พระเอกก็ไม่โชคดีจากการประมาท อุบัติเหตุครั้งนั้นกระทบคน ๗ คน รวมทั้งภรรยาสุดที่รัก

พระเอกพยายามไถ่บาป ปลดล็อคหัวใจ โดยการให้กับคน ๗ คน ทั้งที่เกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น คนรอบข้าง และคนดีทั่วไป

สุดท้ายก็สละชีวิตเพื่อมอบอวัยวะ
ซึ่งผมไม่เห็นด้วยเลยครับวิธีนี้

ผมมักพูดเสมอว่าฝรั่งไม่เก่งในการลืม พุทธศาสนาสอนเรื่องนี้เป็นมั่นเป็นเหมาะ เราเกิดดับทุกวินาที เจ้าคนที่ประมาทนั้นดับไปนานแล้ว พระเอกยังเอามาวนเวียนคิด จนออกมาเป็นการตอบแทน ไถ่บาป อย่างที่เห็น
ถ้าพระเอกได้มาเจอหลวงปู่ หลวงพ่อ บ้านเรา อาจคลิ๊ก บรรลุธรรมก็ได้
คนเราบางครั้งต้องมีจุดเปลี่ยนครับ ถึงจะพบทางสว่าง ทางสายเอก
แต่ไม่ต้องรอจนเจอจุดเปลี่ยนแรงๆ เหมือนตัวเอกนะครับ เอาแรงปรารถนาที่มีที่จะเจอสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต ลองเข้าปฏิบัติธรรมสักครั้ง ๔ วัน ๗ วัน หรือ ๑๐ วัน แล้วคุณจะพบว่าความหมายของชีวิตคืออะไร ผมขอท้าทายครับ

ในเรื่องการแสดงหายห่วง เล่นดีทุกคน เพลงประกอบไม่เด่นมากมาย

จุดอ่อนของหนังเรื่องนี้คือความเกินจริง และดูจงใจยังไงไม่รู้ ทำไมพระเอกบริจาคอวัยวะต่างๆ ได้มากมาย จะใช้งานกับคนที่ได้รับได้หมดเชียวหรือ แล้วเจ้าแมงกระพรุนนั่นมันฆ่าคนได้เชียวหรือ

แต่จุดติก็ไม่ได้ทำให้สื่อสารสิ่งที่ต้องการลดลงเลย ยังมั่นคง

ในเรื่องมีเลข ๗ ประปราย ลองค้นหาดูครับ

กว่าจะเกิดมาเป็นคนยากมาก ดังนั้นต้องใช้ชีวิตอย่าประมาท เพราะผลพวงจากการประมาทตามมามากมาย หากพลาดไปแล้วต้องลืมให้ได้ครับ

ทำตนตรงวินาทีนี้ให้ดีที่สุด

มีความสุขทุกคนครับ





Create Date : 14 มกราคม 2553
Last Update : 15 มกราคม 2553 5:31:20 น. 12 comments
Counter : 2700 Pageviews.

 


โดย: ผมชอบกินข้าวมันไก่ วันที่: 14 มกราคม 2553 เวลา:20:54:56 น.  

 
ผมคงต้องละบ้างแล้ว รับโทร.ในรถขณะขับ พอดีไม่มีสมอลทอล์คด้วย บังเอิญว่าเสียงเรียกบางเสียงเรียกเป็นของทางบ้าน เลยอดชะแว๊บดูและพูดนิดหน่อย ไม่ทำไม่ได้

วันนี้ ออกจากแฟลตตั้งแต่โมงเช้า กลับมาถึงแฟลตราวสองทุ่มครับ

ไปดูหนังแล้วหรือยัง เสียดายไม่ได้โทร.นัดก่อน ฮ่า ฮ่า ฮ่า พรุ่งนี้ผมจะว่าง


โดย: yyswim วันที่: 14 มกราคม 2553 เวลา:21:34:20 น.  

 
ู^
^
ยังไม่ได้ดูครับ คงต้องสัปดาห์หน้า เย็นนี้กลับบ้านนอกครับ แล้วจะโทร.นัดก่อนนะครับ ขอบคุณครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 15 มกราคม 2553 เวลา:5:16:16 น.  

 
สวัสดีค่ะ ขอแจ้งข่าวปิดโครงการหนังสือทำมือในท่วงทำนองเดียวกัน ยอดจำหน่ายหนังสือ ๑๙๐ เล่ม รายได้หักค่าใช้จ่ายมอบให้มูลนิธิรักษ์เด็ก จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเงินจำนวน ๑๔,๗๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นสี่พันเจ็ดร้อยบาทถ้วน)
อ่านรายละเอียดค่าใช้จ่ายทั้งหมดและภาพหลักฐานการโอนเงินที่ //www.pantip.com/cafe/library/topic/K8737036/K8737036.html
หรือ https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=breath&month=15-01-2010&group=11&gblog=15
ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมแห่งการแบ่งปันในครั้งนี้ค่ะ


โดย: สายลมอิสระ วันที่: 15 มกราคม 2553 เวลา:8:29:50 น.  

 

ไปดูหนังครูบ้านนอกมาหรือยังเอ่ย


โดย: อุ้มสี วันที่: 15 มกราคม 2553 เวลา:17:49:52 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปอวยพรวันเกิดนะครับ



โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 15 มกราคม 2553 เวลา:21:04:22 น.  

 
เคยเหมือนกันค่ะที่หยิบโทรศัพท์มากด ๆ หมายเลข แว้บเดียวบางทีเรามัวไปสนใจกับโทรศัพท์จนลืมว่าเราขับรถ

สิ่งที่ถูกต้องจริง ๆ คือเวลาขับรถไม่ควรโทรศัพท์เลย แม้จะใช้ small talk ก็ตาม

แต่คนเราก็ชอบลืมเนาะ


โดย: รัชชี (รัชชี่ ) วันที่: 16 มกราคม 2553 เวลา:19:42:35 น.  

 
ประเด็น Happyness มาจากหนังเรื่อง The Pursuit of Happyness (2006)

จำตอนนี้ได้มั๊ยที่คนจีนกำลังทาสีที่กระจก พวกเค้าสะกดคำนี้อะ Happyness ที่Film กำลังสื่อความฝันของคนอเมริกัน หง่าว ไม่ได้เจาะตรงนี้โต๊ตที

ขอบพระคุณที่มาเสริมให้เรื่องความประมาทงะ


โดย: Bernadette วันที่: 16 มกราคม 2553 เวลา:20:35:35 น.  

 
The Pursuit of Happyness (2006)
อยู่ในฉากที่ เค้าพาลูกเค้าไปที่ดูแลเด็กเรียกว่า แคร์เซ็นเตอร์ ชื่อ "Happiness" เจ้าของเป็นคนจีนสะกดเป็น Happyness


โดย: Bernadette วันที่: 16 มกราคม 2553 เวลา:20:40:46 น.  

 
ยินด้วยครับ ในแง่คิดที่ทำให้คำนึงถึงความไม่ประมาท
ที่อาจทำให้เกิดผลกระทบกับสรรพชีวิตรอบ ๆ ตัวเรา

และขอให้ใช้ปัญญาพิจารณาให้ลึกมากกว่าลงไปอีกครับ
เพราะการที่เกิดสำนึกถึงความไม่ประมาท และคิดที่จะแก้ตัวเพื่อการไถ่บาป หรือความผิดอะไรก็ตามที
ผมมองว่าก็ยังแอบแฝงด้วยความรักตัวตนอยู่ดี ในใจลึก ๆ ก็อาจเกรงกลัวว่าตัวตนเองจะได้รับผลของสิ่งที่กระทำ
หรือไม่ก็คิดถึงคนอื่นที่อาจได้รับผลการกระทำของความไม่ประมาทนั้นอยู่

เห็นว่ายังแอบแฝงไว้ด้วยความอยาก อยากที่จะไม่ให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้อยู่
ถึงเป็นความคิดที่ดีมีประโยชน์สาระจริง แต่ว่าหากเปลี่ยนมุมมองให้กว้างขึ้น
ก็จะเห็นว่าถึงเราจะพยายามไม่ประมาทในการกระทำการต่าง ๆ
เช่น การระวังในการขับรถ การระวังว่าตนเองตัองเป็นคนดี เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ก็ยังไม่ถึงที่สุด เพราะในที่สุด เราก็ยังจักต้องมีการสร้างภพด้วยตัณหา
คือความอยากอยู่นั่นเอง เมื่อมีตัณหา ความเวียนเกิดเวียนตายก็ไม่สิ้นสุด
เมื่อการเวียนเกิดเวียนตายไม่สิ้นสุด โอกาสที่เราจะประมาทพลาดพลั้งในชีวิตที่เกิดมาก็ยังต้องมีโอกาสเป็นไปได้

เราน่าจะมองให้เห็นว่าสาเหตุที่แท้จริง ว่านอกจากความไม่ประมาทในกิจการงานใด ๆ เป็นเหตุแล้ว
ยังมีต้นเหตุที่จริงแท้กว่าที่พระพุทธเจ้าท่านมองเห็น ก็คือเรายังวนเวียน
อยู่ในสังสารวัฏไม่จบสิ้นนี่ต่างหากละ ตัวปัญหา เกิดทีไรก็เป็นทุกข์ร่ำไป

นอกจากความไม่ประมาทในการกระทำการใด ๆ แล้วนั้น
เราควรจะหันมาสนใจที่จะทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมนะครับ

ความไม่ประมาท ต้องให้ถึงพร้อมด้วย คือควรมีเป้าหมายต้องภาวนาให้
จบกิจพระศาสนาคือเข้าถึงพระนิพพาน จึงจะได้ชื่อว่า ความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม
ตามความมุ่งหมายของคำสั่งสอนครั้งสุดท้ายของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา

ความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม ที่ผมอยากให้ทุกคนมีย่อ ๆ ก็คือ
มีสติ ในการรู้กายและใจตนเอง ด้วยใจตั้งมั่นและเป็นกลาง
ไม่ใช่คำพูดผมหรอกนะครับ เอานำมาจากหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมทโช เองแหละครับ
(หรือตามที่ครูบาอาจารย์ที่ท่านศรัทธา และเชื่อมั่นว่าคำสอนของท่านนำพาให้ท่านถึงจุดฝั่งฝันได้)

คือความไม่ประมาท ในการไม่ลืมย้อนกลับมาดูกายและใจของเราเท่าที่จะทำได้
เพื่อจะได้เห็นสภาพตามความเป็นจริง

ความเป็นจริงที่ว่า กายนี้ ใจนี้ มีสภาพที่เป็น ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา
ทุกขัง หมายถึง สภาพที่ทนอยู่แบบเดิมไม่ได้ตลอดเวลา ไม่ได้หมายความว่าเจ็บปวด ทุกทรมานอย่างเดียว
เช่น ยืนนานก็ไม่ได้ เดินนานก็ไม่ได้ นั่งนานก็ไม่ได้ นอนนานก็ไม่ได้ อยู่เฉย ๆ นานก็ไม่ได้
แม้แต่หายใจเข้าอย่างเดียวก็ไม่ได้ หายใจออกอย่างเดียวก็ไม่ได้ เป็นต้น
อนิจจัง หมายถึง สภาพที่แปรปวน เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่มีความคงทนถาวรแต่อย่างใด
ไม่ได้หมายความเพียงว่าคนเรามีเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นอนิจจังเพียงเท่านี้
เช่น จากความสุข ก็กลายเป็นทุกข์ได้ จากสบายก็เป็นเจ็บป่วยได้ จากมีลมหายใจก็ไม่มีลมหายใจได้
จากร้อนก็หนาว เป็นต้น
อนัตตา หมายถึง สภาพที่ไม่มีตัวไม่ตน บังคับบัญชาไม่ได้ เลือกไม่ได้ หมายมั่นปั้นมือว่าจะให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้
ไม่ได้หมายความว่าความว่าง ความไม่มีอะไร แต่เป็นความมี มีที่ไม่มีตัวตน บังคับบัญชาไม่ได้ ต่างหาก
เช่น จะบังคับให้มีสติอยู่ตลอดเวลาก็ไม่ได้ จะบังคับให้มีความสุขอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันไม่ได้ เป็นต้น

ทำไมต้องทำเช่นนี้เพื่ออะไรละ ก็เพื่อสอนจิต สอนใจของเราให้เห็นตามเป็นจริงอยู่อย่างนี้ ๆๆๆๆ
จนจิตใจเข้าใจแจ่มแจ้งว่า จะยึดเอาอะไรมาเป็นตัวตน บุคคล เราเขา สักสิ่งสักอันไม่ได้เลย
ใด ๆ ล้วนเข้าข่าย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้งนั้น เมื่อจิตใจไม่ยึดถืออะไรแล้ว ก็จะเบื่อหน่าย
เมื่อเบื่อหน่ายก็คลายกำหนัด เมื่อคลายกำหนัดก็หลุดพ้น เมื่อหลุดพ้น ก็รู้ว่าหลุดพ้นแล้ว
กิจใดที่ต้องทำเพื่อแบบนี้ไม่มีอีกแล้ว

แล้วเมื่อไรจิตจะหลุดพ้นละ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ
สำคัญอยู่ที่ว่าเราได้ทำเหตุหรือเดินทางตามมรรค เพื่อที่จะทำให้จิตหลุดพ้นหรือเปล่า
เมื่อเราทำเหตุจนถึงที่สุดแล้วผลก็จะปรากฏเอง

หลาย ๆ คนก็จะมีความสงสัยว่า หลุดพ้นแล้วจะอยู่อย่างไรละ
ก็ให้ย้อนกลับไปดูเหตุว่า ทำไมเราจึงต้องการหลุดพ้น
หากหาคำตอบไม่ได้ ก็จะสงสัยอยู่อย่างนี้แหละ

แต่หากเรารู้ว่าเหตุใด เราจึงต้องการที่จะเดินไปให้ถึงจุดหมายนี้
ความสงสัยใด ๆ ทั้งหลายก็จะไม่มี
เหมือนมีคนมาถามว่าทุก ๆ วัน เราต้องไปเรียนหนังสือทำไม
เหมือนมีคนมาถามว่าทุก ๆ วัน เราต้องหางานทำทำไม
เหมือนมีคนมาถามว่าทุก ๆ วัน เราต้องเดินทางไปทำงานทำไม
ลองหาคำตอบด้วยตัวของคุณเองว่าทำไม




โดย: น.น้ำใจดี IP: 124.121.66.20 วันที่: 17 มกราคม 2553 เวลา:13:53:03 น.  

 
ู^
^
ขอบคุณครับ สำหรับ Comment ดีๆ


โดย: คนขับช้า วันที่: 24 มกราคม 2553 เวลา:12:24:04 น.  

 
+ เรื่องนี้ผมยังไม่ได้ดูครับ ... แต่ที่ได้ยินเสียงติฉินมาก็คงเรื่องเกี่ยวกับ ความจงใจ และ ความเกินจริง ที่คุณเอกว่าไว้นั่นแหละครับผม แหะๆ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:38:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนขับช้า
Location :
นครศรีธรรมราช Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




ย้ายมาเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖

เคยมาเป็นคนนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘

เคยมาเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗

เคยเป็นคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๒

ย้ายที่ทำงานในจังหวัดสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๖
เคยเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๕

เคยเป็นคนนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๙

เคยเป็นคนระยอง ตั้งแต่ ๒๕๓๗
Friends' blogs
[Add คนขับช้า's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.