แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม / ตอนที่ 2 : ไชยบุรี1 ลาว
แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ : ไทย ลาว เวียดนาม ตอนที่ 2 : ไชยบุรี 1 ลาว
เมื่อการขยับตัวเริ่มขึ้น กล่องของขวัญที่มีอยู่มากมายถูกทะยอยเปิดออกในแต่ละวัน
ในขณะที่เลข 8 จากน้ำปาดยังคงติดตามผมมาเรื่อยๆให้ได้สงสัยเล่นๆ เราก็เดินทางมาถึงด่านภูดู่ จังหวัดอุตรดิตถ์ ตามเวลาที่กำหนดไว้และถูกขยับไปมาจนถึง 12.00 pm. ยังมีเวลาเหลือพอที่จะแวะชมความงามของเนินเขาลูกเล็กๆระหว่างเส้นทาง
ก่อนที่จะเข้ากรอกบัตรขาออกจากประเทศไทย พิธีการไม่มอะไรมากมาย เพียงไม่กี่นาทีก็เสร็จเรียบร้อยอย่างง่ายดาย เราใช้พลาสปอร์ตไทยที่สามารถอยู่ลาวได้ 30 วัน เวียดนามได้อีก 30 วัน น่าเสียดายที่ต่างชาติยังไม่สามรถข้ามแดนที่นี่ได้ ดีที่คุณปีเตอร์มี 3 สัญชาติ จึงใช้พลาสปอร์ตไทยได้โดยไม่ต้องเสียค่าวีซ่าและข้ามด่านนี้ได้
เรายังเหลือเวลามากพอที่จะรอเพื่อนที่จะมารับจากไชยบุรี ซึ่งไกลจากชายแดนประมาณ 190 กม. เพื่อนชาวลาวที่พร้อมรับเพื่อนชาวไทยด้วยใจ เขาขับรถกว่า 190 กม.เพื่อมารับผมที่หน้าด่าน จริงๆแล้วหากเราจะเดินทางเข้าไปยังปากลายในตอนเช้าที่มีรถเข้ามากมาย หรือไม่หากเหมาเข้าไปก็ได้ในราคา 300-500 บาท จากภูดู่ถึงปากลายด้วยระยะทางเพียง 36 กม. ก็สามารถหารถประจำทางไปที่ไชยบุรีได้เลย หากจะเหมารถจากด่านภูดู่ข้ามไปไชยบุรีเลยก็ได้ด้วยค่าใช่จ่ายประมาณ 2,000 บาท
หรือหากใครมีรถที่ไม่ติดไฟแนนท์ก็ขับข้ามไปได้ถึงหลวงพระบางเลยทีเดียว
ด่านภูดู่เพิ่งเปิดเป็นด่านถาวรเมื่อวันที่ 19.11.2013 นี่เอง ก่อนหน้าที่ผมเคยมาที่นี่ยังเป็นด่านชั่วคราวการเดินทางไปไชยบุรีต้องใช้ความสามารถพอสมควร เพราะเส้นทางนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นที่หนาอยู่หลายนิ้ว เส้นทางถูกน้ำป่าพังซัดเป็นช่วงๆ ปากลายทางเป็นลูกรังและฝุ่นละเอียดสีขาวที่เกาะอยู่ริมขอบถนน บ้านที่อยู่ข้างทางล้วนขาวโพลนจากฝุ่น
การขอข้ามแดนต้องขออนุมัติจากทางอำเภอเพื่อทำหนังสือแจ้งไปทางจ้าวแขวงของลาว โดยยังไม่สามารถใช้พลาสปอร์ตได้ ซึ่งนั่นเป็นเวลากว่า 5 ปีมาแล้ว ตอนนี้ที่ด่านแห่งนี้ในทุกวันเสาร์จะมีการค้าขายระหว่างชาวลาวกับไทยที่นี่
เสียงเพลงปลุกใจ เมื่อครั้งที่ผมเคยฟังตั้งแต่เด็กๆแว่วดังขึ้นเรื่อยๆ หลายครั้งการที่เรามัวเหม่อลอยคิดถึงเรื่องราวในอดีตหรืออนาคตทำให้เราลืมว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ในปัจจุบัน ณ วันที่ผมนั่งรอเพื่อนที่ด่านอยู่ตอนนี้ ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยไปหมดแล้ว AEC เริ่มสะกิดหลังผมมานิดๆว่า หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ระหว่างเขตแดนของเราที่ถูกตีรั้วกั้นไว้จากฝรั่งเศสเมื่อในอดีต
ในที่สุดรถนิสันกระบะตอนเดียวก็ขับเข้ามาจอดบริเวณด่านขาเข้าพร้อมเพลงปลุกใจที่เริ่มเบาเสียงลง ท้าวส.นิยม เดินเข้ามาทักทายพร้อมกับรอยยิ้มที่ผมเห็นผ่านใบหน้าของเขามาตลอดทุกครั้งที่เจอกัน การทักทายกันเป็นไปอย่างสั้นๆรวบรัด เพราะมีเวลาอีกมากมายที่จะคุยกันบนรถและอีกไม่รู้กี่วันที่ผมจะอยู่ที่นี่ พวกเราโยนเป้ไว้ที่กระบะท้าย เริ่มเดินทางเข้าสู่ปากลายเพื่อหาอาหารกลางวันกินกันที่นั่น
ในตอนนี้ไม่มีฝุ่นให้เห็นอีกแล้ว ถนนดินอัดหายไป ซอกเขาที่ถูกหินหล่นกองทับในอดีตไร้วี่แววของหินก้อนใหญ่ที่เคยเห็น ระหว่าทางนั้นถูกปาดให้ราบเรียบลื่นไหล ในขณะที่ท้องฟ้าก็ยังใสไร้การบดบังจากสิ่งปลูกสร้างของมมนุษย์
เพียงไม่กี่ปีจากจุดผ่านแดนที่ด่านผาแก้วของทางลาวยังเป็นที่ทำการ 4 เหลี่ยมเล็กๆ กั้นถนนเข้าเขตด้วยท่อนไม้ เจ้าหน้าที่ต้องพักอยู่ในบ้านพักที่เป็นกระต๊อบมุงหลังคาด้วยหญ้าคา ในครั้งนั้นผมต้องรีบเก็บกล้องเพราะไม่รู้ว่าเขาจะกำหนดหรือตั้งกฏเกณฑ์อะไรไว้บ้าง
มาถึงตอนนี้กลายเป็นอาคารใหญ่ ที่ถึงแม้ยังไม่มีผู้คนเดินทางผ่านกันคึกคัก แต่ในอนาคตคงแตกต่างไปจากที่เราเห็นในตอนนี้แน่นอน
เราจอดรถไว้ด้านหน้าที่จอดรถอาคารตรวจคนเข้าเมืองของลาว หลังจากผ่านการฉีดน้ำไปที่ล้อด้วยราคา 20,000 กีบ ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 240-250 k/1B พิธีการไม่มีอะไรมาก แค่ขอบัตรขาเข้ามากรอก จากนั้นก็ยื่นพลาสปอร์ต ที่สำคัญบัตรขาออกที่ถูกฉีกแบ่งครึ่งไว้อย่าให้หายเป็นอันขาด
ชั่วโมงครึ่งกับทิวทัศน์สองข้างทางจนถึงปากลาย เนินเขาไม่ใหญ่มาซ้อนสลับกันไปมาทำให้ผมลืมหลายๆเรื่องราวในอดีตไปสนิท ส.นิยมพาแวะกินอาหารกลางวันซึ่งเป็นมื้อแรกของลาวที่นี่
ตอนนี้ปากลายเปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีถนนฝุ่นสีแดง ไม่มีรั้วกั้นไม้ไผ่ บ้านไม้ทะยอยหายหน้าไปจากสองข้างทาง ที่ปากลายแห่งนี้เราสามารถนั่งรถโดยสารต่อไปได้ที่ไชยบุรี หลวงพระบาง วังเวียง หรือเวียงจันทร์ก็ได้ หลังจากที่มีชาวต่างขาติเดินทำกน้างงๆอยู่หน้าร้านที่ผมกำลังกินข้าวอยู่ เขากำลังเผชิญสับสนและหาทางออกให้กับอาหารและการเดินทางของเขาด้วยภาษามือและภาษาอังกฤษซึ่งที่นี่ยังไม่มีใครเข้าใจ ในที่สุดพวกเราต้องช่วยกันสื่อสารถึงการกินมังสวิรัตของชายผู้นี้ที่ชื่อ Roland ไม่นานนักเราก็นั่งกินข้าวร่วมกัน Roland ได้ข้าวผัดผักตามใจปรารถณา สำหรับพวกเรานั่งจิ้มข้าวเหนียวกับซุปและหมูย่าง
บ่ายสามกว่า ตอนนี้รถโดยสารที่จะไปเวียงจันทร์หมดไปแล้ว พวกเราคุยกันถึงเรื่องที่พักของ Roland ซึ่งราคาที่เหมาะเจาะ ก็คงอยู่ที่ 8-10 US ไม่เกินกว่านั้นสำหรับ BackPacker อย่างเรา ที่สำคัญเขาทำงานศิลปะเหมือนกัน ตอนนี้ Roland กลายเป็นพวกเราไปแล้ว ผมนั่งคุยกับ Roland ในกระบะหลัง ในขณะที่สอบถามเจ้าของร้านข้าวจนได้ที่พักในราคาที่พอใจ เมื่อถึงที่พักในระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก สภาพห้องหลอนพอดูแต่ก็พักเพื่อรอเดินทางได้อย่างสบาย Roland ได้ห้องพักหมายเลย 11 ในเกรสเฮาส์บริเวณนั้น 1 กม. และในตอนนี้เลข 11 กลับมาหาผมอีกครั้งหลังจากที่ออกจากบ้านเพื่อนเริ่มต้นทริปตอน 11:11 am. Roland ชอบที่ไทยมากเขามาฝึกสมาธิที่จังหวัดเลย ไม่มีวัด ไม่มีพระ มีเพียงธรรมชาติและสมาธิที่เขาจะทำความรู้จักกับตัวเอง เขาเป็นคน switzerland ที่ดั้นด้นมาเมืองไทยเพื่อสร้างงานศิลปะ เราโชว์ผลงานแลกกันดูในสมาร์โฟนที่เน่าพอๆกัน และวันหนึ่งคงมีโอกาสได้ทำงานร่วมกัน
ความบังเอิญที่สวยงาม กล่องของขวัญที่ถูกตั้งไว้ เพียงก้าวข้ามเขตแดนมาแค่ 2 ชั่วโมง อย่างน้อยก็เจอคนที่มีความคิดใกล้เคียงกัน เพื่อพิสูจน์บางสิ่งว่า เราไม่ได้จมอยู่กับความคิดของเราเพียงลำพัง
เพื่อนร่วมทางที่พบโดยบังเอิญผ่านไปแล้ว เขายังคงมุ่งหน้าสู่เป้าหมายของเขาต่อไป ผมเองก็กำลังมุ่งสู่เป้าหมายของผม จุดตัดระหว่างเส้นทางทำให้เราได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ทำให้การพิสูจน์ความเชื่อที่ไม่ได้เป็นอุปทานหมู่ของเราชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ระหว่างทางเข้าไชยบุรี มีของป่าวางขายอยู่ข้างทาง ทั้งกระรอก พืชพักต่างๆ ตลอดจนถึงแมลงที่อยู่ในไม้ไผ่ ส.นิยมบอกว่า เขากันกันเป็นๆแบบนี้แหละกลิ่นของมันจะหอมหวลเพราะความสดนี่แหละ สำหรับผมตอนนี้เป็นมังสวิรัตขั่วคราวไปกับ Roland เมื่อกี้ไปแล้ว
ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึง ไชยบุรี พรอมกับดวงอาทิตย์ที่มุดตัวหลบหายไป กว่า 5 ชั่วโมง ที่เราเดินทางมาถึงที่นี่ ซึ่งจริงๆแล้วคงใช้เวลาไม่มากหรอก หากหักเวลาบริเวณด่าน พักกินข้าว และพักดูของป่า คงใช้เวลาประมาณ3 ชั่วโมง ส.นิยมแวะพามาที่ร้านของแฟนที่หน้าโรงเรียน พร้อมต้อนรับด้วยส้มตำแสนอร่อย น้ำโยเกริต์ปั่น ขนมปังปาเต๊ะ(หรือบาร์เก็ต) ด้านหน้าซุ้มผมสังเกตุเห็นโต๊ะเล็กๆมีโคมไฟไว้บนนั้นมาตลอดเส้นทาง
มันคือโต๊ะขายหวยนี่เอง ผมไม่รอช้าเพราะมีเลขประจำใจอยู่แล้ว จัดไปเต็มๆ 888 สำหรับคุณปีเตอร์จัดไปด้วยเลข 48 อีกไม่นานเราคงรู้กันด้วยเงินไทย 80 บาท
บางทีเราอาจจะโชคดีได้เงินจากทางการของลาวมาใช้กันในทริปนี้ก็ได้ ความหวังของมนุษย์เกิดได้ทุกสถานที่บนจักรวาลนี้จริงๆ
7.00 pm. พวกเรานั่งรอลุ้นที่โทรศัพท์ของ ท้าวส.นิยม ไม่นานนักข้อความก็ถูกส่งมา
เลขที่ออก 706 อดแหลกกก...
คืนแรกของที่นี่
หลังจากอาหารเย็นกันเรียบร้อย เรานั่งที่ร้านคล้ายๆกับร้านเพลงเพื่อชีวิตในประเทศไทย ผมจบ Order ด้วยน้ำหนึ่งขวด หลังชื่นชมบรรยากาศที่แทบแยกกันไม่ออกระหว่างลาวกับไทย ไม่นานนักก็พามีอีกจุดที่เรียกว่า ตลาดมืด แห่งไชยบุรีซึ่งเป็นที่นิยมของคนที่นี้สำหรับนั่งดื่มกินกันริมแม่น้ำ
บรรยากาศที่โต๊ะเก้าอี้ และร้านค้าตั้งเรียงรายกันเป็นแถวเหมือนนั่งริมชายหาด หนุ่มสาวมักพากันมาหาอะไรกินกันยามดึกที่นี่ นั่นดิ๊! อะไร? เมือนั่งสัมผัสกับอากาศที่เย็นได้ที่ พร้อมชมบรรยากาศที่ทั้งดีและชวนเสียวไปพร้อมๆกันสักพัก
เราเริ่มวางแผนกันคร่าวๆสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยบริเวณหน้าโรงเรียนมัธยม ตลาด และบริเวณรอบๆเมืองของไชยบุรี พร้อมร้านกาแฟผู้สาวลาว สดสวย แสนอร่อย ในตลาดสดที่ ส.นิยม ภูมิใจนำเสนอ
สำหรับผมในเวลานี้ ภาพของไชยบุรีเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วหายไปแล้ว ความเงียบงันและมีเพียงร้านค้าในตลาดเพียงไม่กี่ร้านหายไป ตลาดที่ผมเคยเดินในตอนนี้ไม่รู้จะเปลี่ยนไปอย่างไร? การกินอยู่เขาเป็นแบบไหน? ถนนขุรขระในตลาดจะยังมีอยู่มั้ย? ผู้คนจะจ้องมอง หรือทักทายกันอยู่เหมือนในตอนนั้นหรือเปล่า? สารพัดคำถามถูกสร้างขึ้นเพื่อรอการค้นหา
อากาศที่เย็นถูกลมพัดโชยเข้ามาหาพร้อมน้ำค้างที่ลงหนักขึ้น ผมเข้าพักโรงแรมที่กำลังสร้างใหม่ในเวลานั้นซึ่งผมยังไม่มีโอกาสเข้าพักเพราะยังไม่เสร็จ มาถึงวันนี้โรงแรมนี้กลายเป็นโรงแรมหลังเก่าของที่นี่ไปแล้ว แต่ด้วยราคา 400 บาททำให้ผมและคุณปีเตอร์เลือกพักที่นี่ เพราะสำหรับงบประมาณต่อคนแล้วมันคือ 200 บาท
เอาไว้พรุ่งนี้ตอนเช้าทุกคำถามท่ถูกตั้งไว้คงได้สะสางจนเสร็จ บางคำถามถูกสะสมค้างมาจากน้ำปาด แม้ไม่รู้ว่าคำตอบจะสมบูรณ์หรือไม่ แต่นั้นคือการเปิดโลกเรียนรู้สู่มุมมองใหม่ สำหรับพื้นที่ ที่ในครั้งหนึ่งของช่วงเวลาเคยมีเรื่องราวเกี่ยวของกัน วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ ภาษาของคนที่นี่ ผมคุ้นชินเหมือนที่น้ำปาดที่เพิ่งผ่านมาเมื่อคืน บางคนอาจเห็นจนชินตา บางเรื่องราวถูกกล่าวขานเล่าต่อกันมา บางเรื่องราวอาจกำลังถูกคนพบขึ้นใหม่
ผมเชื่อว่าว่า เราทุกคนมองเห็นไม่เหมือนกันทั้งหมดในภาพเดียวกันหรอก เพราะเราต่างมีพื้นฐานความคิด ประสบการณ์และจินตนาการที่ต่างกัน แต่เมื่อเราเปิดกว้างนำเอาทุกมุมมองมาประกอบกันเราจะได้สิ่งที่งดงามเกิดขึ้นในทุกมุมมอง
อีกไม่นานคงได้รู้กัน
ตอนที่ผ่านมาและต่อไป "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ; ไทย ลาว เวียดนาม" ตอนที่ 7 : ซาปา2 เวียดนาม ตอนที่ 8 : ซาปา3 เวียดนาม ตอนที่ 9 : ฮานอย 1 เวียดนาม ตอนที่ 10: ฮานอย 2 เวียดนาม ตอนที่ 11 : เหว้ เวียดนาม ตอนที่ 12 : เหว้-สวรรณเขตสู่ไทย
Create Date : 25 ธันวาคม 2557 |
Last Update : 14 มกราคม 2558 12:03:22 น. |
|
2 comments
|
Counter : 3148 Pageviews. |
|
|