THE PAINTER - แสงตะเกียงไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
การดำเนินชีวิตในสังคมที่เปลี่ยนผ่าน การได้อยู่ในช่วงรอยต่อสำคัญการเปลี่ยนแปลงของวิถีการใช้ชีวิต ความคิด ความรักของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์
จากแสงสว่างที่ได้มาจากไต้ไม้กลายเป็นแสงสีส้มจากตะเกียง ถึงแสงสว่างที่ได้มาจากสารพัดสิ่ง จากการเดินทางเพื่อสื่อสารการส่งสารที่แสนยากลำบาก สู่การส่งสารด้วยรหัสตัวเลขเพียงสองตัวแปรสัญญาณให้กลายเป็นทั้งข้อความภาพและเสียงจากที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ ในอนาคตที่ทะยานสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนยากที่มนุษย์รุ่นก่อนหน้านี้จะจินตนาการถึง การบันทึกเหตุการณ์ผ่านเรื่องราวของลูกชายผู้คลั่งไคล้งานศิลปะกับแม่ผู้อยู่เบื้องหลังทุกเหตุการณ์พร้อมพ่อผู้คอยกระตุ้นประสบการณ์ให้กับชีวิตในทุกช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญในความรักที่ต่างรูปแบบ ต่างการสื่อสาร ต่างการบอกกล่าวที่เราพร้อมมองผ่านเลยไปหากไร้การสังเกตถึงเรื่องราวบนเส้นเวลาที่ผ่านโพ้น
เราทุกคนล้วนมีอดีตบางช่วงที่เหมือนกันแม้ความฝันและเรื่องราวหลังจากนั้นจะแตกต่างกันตามทางเลือกของตัวเอง อดีตที่ดำดิ่งอยู่ส่วนที่ลึกสุดของก้นบึ้งในจิตใจที่เราต่างไม่อาจลืมเลือน
คงเพราะเราทุกคนล้วนเป็นสิงมีชีวิตที่ต่างมีแม่เป็นของตัวเองแม่ซึ่งเป็นความผูกพันตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตจนลูกชายตัวน้อยผลัดเปลี่ยนเป็นพ่อลูกสาวผู้น่ารักกลายเป็นแม่ สืบต่อกันไปตามวิถีแห่งชีวิตที่หมุนวนเปลี่ยนฉากไปมาไม่รู้จบ
ความเข้าใจในความรักที่แท้จริงถูกส่งผ่านแขกผู้มาเยือนอย่าง มะเร็ง โรคร้ายที่กำลังคร่าชีวิตผู้คนเป็นอันดับต้นๆในโลกใบนี้ ผู้หญิงสองคนกับความรักสองแบบที่เขารู้จักเป็นทั้งพลังและแรงผลักดันอันส่งให้เขานำพลังแห่งความรักมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ผ่านทางชีวิต การทำงานและภาพเขียนเขาค้นพบถึงสิ่งที่เขามีอยู่ในตัวเอง
บางเรื่องราวของความฝันบางคนอาจทำสำเร็จภายในช่วงชีวิต แต่สำหรับบางคนอาจทำสำเร็จอย่างที่หวังไว้ได้....หลังจากนั้น
KennyKeng
----------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------------------
1
คลื่นเสียงที่แหวกว่ายผ่านอากาศเลื่อนไหลเข้าช่องหูสู่ระบบประมวลผลในสมองของผมเป็นระยะเข็มวินาทีบนนาฬิกาทรงกลมสัญลักษณ์ขาวดำของลัทธิที่คุ้นตาบนผนัง ขยับตัวไปพร้อมกับผู้คนที่ต่างเคลื่อนตัวกันอย่างช้าๆ
พวกเขาเพ่งส่งสัญญาณจากสายตาเพื่อล็อคเป้าไปยังกรอบสี่เหลี่ยมภาพหนึ่งที่แปะติดอยู่กับข้างผนังนั้น
หลายๆคนเดินผ่านผมไปมาเหมือนผมเป็นเพียงมวลอากาศที่อยู่กลางห้องแล้วหยุดมองบริเวณด้านหน้าของกรอบสี่เหลี่ยมภาพนั้นคนแล้วคนเล่าพวกเขากระซิบผ่านอากาศด้วยอาการที่ราบเรียบในน้ำเสียงที่บางเบา แต่เมื่อกลุ่มคลื่นเสียงนั้นรวมตัวกันกลับดูอื้ออึงเหมือนเสียงสวดมนต์ในวิหารขนาดใหญ่
ในพื้นที่ห้องโถงสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยปริมาตรอากาศประกอบไปด้วยมวลของสิ่งที่มองไม่เห็นมากมายผลักให้เราเดินตามทิศทางของเสียงนั้นเพื่อเข้าสู่โลกที่ไม่เคยปรากฏอยู่ในแผนที่ โลกที่กุมหัวใจซึ่งควบคุมร่างกายโลกที่หลายๆคนอยากเข้าไปอยู่ในนั้นชั่วนิรันดร
ไม่มีใครสังเกตจิตรกรผู้สร้างสรรค์ผลงานอย่างผมพวกเขากำลังยืนกอดอก ทิ้งระยะห่างจากภาพที่แขวนบนผนังสีขาวประมาณสองเมตรเพื่อชื่นชมผลงานกันอย่างใจจดจ่อกับภาพเขียนที่ถูกจัดเรียงรายกันอยู่ด้านหน้าหลายภาพซึ่งล้วนต่างมีที่มาที่หลายคนทำกำลงทำความเข้าใจกับมันได้อย่างง่ายดายจากตัวอักษรที่ถูกเรียบเรียงบรรจุไว้ในหนังสือเล่มหนาซึ่งพวกเขาบางคนเดินถือแนบตัวไปด้วย
สมองของสิ่งมีชีวิตที่กำลังสั่งการโดยอัตโนมัติสั่งให้พวกเขาบางคนยกแขนด้านที่ถนัดส่งมือเข้าลูบคางของตัวเองพร้อมส่งสายตาไปที่ภาพนั้น
สิ่งที่อยู่ในนั้นดึงพวกเขาให้ดำดิ่งเข้าสู่อาการเงียบงันภายใต้จักรวาลแห่งความคิดของตัวเองและเมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่นาทีเขาก็พยักหน้าอย่างเข้าใจหันหน้าคุยกันและทำท่าทางรูปแบบเดียวกันโดยไม่รู้ตัว
หากไม่มีใครยืนสังเกตถึงอาการที่พวกเขามีอย่างผมที่กำลังยืนเดียวดายอยู่ตอนนี้
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่กว่าจะมีวันนี้วันที่ผมเข้าใจคำว่าการสร้างผลงานและได้จัดแสดงสิ่งที่ตัวเองได้สร้างขึ้นจากภายในจิตใจโดยมีผู้คนกล่าวถึงเรื่องราวภายในนั้นกันด้วยรอยยิ้มและน้ำที่เริ่มเอ่อคลออยู่ในตาอาจเป็นเพราะบรรยากาศ ตัวอักษรหรือเสียงเพลงบรรเลงเบาๆที่เปิดคลอเคลียไปพร้อมๆกับจินตนาการที่มีอยู่ของพวกเขาเหล่านั้นรวมถึงเรื่องราวบางส่วนที่อาจสอดคล้องกับชีวิตจริงของพวกเขาก็อาจเป็นไปได้
ในอดีตผมเป็นนักวาดภาพที่อาศัยอยู่ในซอกหลืบของโลกใบนี้ที่แม้จะเผยอใบหน้าออกมาอย่างสุดแรงเกิดก็ยังไม่มีใครมองเห็นอาจเป็นเพราะสังคมที่เร่งรีบจนทำให้พวกเขาหลงลืมชีวิตภายในบางส่วนของตัวเองจนมองข้ามงานศิลปะที่เป็นเหมือนสะพานเชื่อมใจระหว่างตัวเองกับความคิดที่อยู่ด้านในก็เป็นได้
ภาพวาดส่วนใหญ่ในชีวิตของผมจึงเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจจากจำนวนเงินตามความต้องการของตลาดและขนาดของเฟรมผ้าใบหรือจัดสรรราคาตามสัดส่วนการแบ่งพื้นที่ของหน้ากระดาษ
จากกระดาษที่เปื้อนสีประเภทหนึ่งถูกเปลี่ยนเป็นกระดาษที่พิมพ์มาอีกประเภทหนึ่งซึ่งเรียกว่าธนบัตรที่สามารถเปลี่ยนหลายๆอย่างในสังคมปัจจุบันนี้ได้อย่างง่ายดายแม้กระทั่งจิตใจของใครสักคนพวกเขาแบ่งระดับของงานศิลปะไว้อย่างน่าน้อยใจกับผู้ที่พยายามสร้างสรรค์อย่างผมหรือนักวาดภาพหลายๆคนที่ไร้ความสามารถในการยกย่องหรือโฆษณาตัวเองได้มากนักนอกจากผลงานที่กำลังตะโกนด้วยเสียงของมันเอง แต่เสียงตะโกนออกไปนั้นเหมือนลมที่ถูกเบ่งออกจากปอดส่งเสียงเพื่อเรียกหาผู้คนอยู่ภายในมุมมืดกลางป่าใหญ่ที่ไร้ผู้คนไร้การมองเห็น สุดท้ายก็จางหายไปสู่บรรยากาศแห่งความเงียบงันอีกครั้ง
หลายๆช่วงเวลาผมเองก็เป็นเพียงผู้ที่ชมผลงานของผู้อื่นเพื่อหันกลับมามองตัวเองพร้อมกับสงสัยในการค้นหาบางอย่างที่ยิ่งหาคำตอบเจอมากเท่าไหร่แต่ดูเหมือนกลับรู้น้อยลงทุกทีจนกระทั่งไม่รู้อะไรเลยยิ่งค้นหายิ่งสร้างความงุนงงต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จบและเมื่อหยุดการค้นหาการค้นพบสิ่งใหม่ในเรื่องเดิมก็เกิดขึ้นอีกครั้งสิ่งที่ผมได้ทำจึงกลายเป็นเพียงงานศิลปะระดับล่างที่ตอบสนองเพียงความรู้สึกของผู้คนที่ชื่นชมเพียงแรกพบเท่านั้น
งานศิลปะที่หลายคนค้นหาถูกสังคมโยนไปมาลอยคว้างกลางจักรวาลแห่งความคิดถึงสิ่งที่ใช่และตรงกับพวกเขามากที่สุด
ผมเองก็เหมือนกับคนทั่วไปที่ถูกผูกตรวนมัดติดไว้กับแกนกลางที่เรียกว่าสังคมเหวี่ยงสะบัดไปมา ปล่อยตัวตามบ้างฝืนกระโดดออกจากแรงดึงดูดบ้างแต่ก็ไม่สามารถพ้นหลุมดำของสังคมการตลาดได้อย่างลอยตัวมนุษย์ธรรมดาๆอย่างผมซึ่งไม่มีแม้แต่ที่ที่จะยืนในวงการที่ตัวเองรักมนุษย์ที่ได้แต่นอนครุ่นคิดและชื่นชมกับผลงานของตัวเองในห้องอับแคบเพียงลำพังซึ่งมันก็น่าจะสุขใจอยู่หรอกถ้ามันสามารถสร้างเงินได้ทันใจตามความต้องการใช้จ่ายในสังคมที่มีแต่ความต้องการขายของบรรดาพ่อค้าที่มีอยู่
ผมคิดอยู่เสมอว่าศิลปะคือสิ่งที่ใครคนใดคนหนึ่งก็ตามไม่สามารถมาแบ่งแยกความเป็นงานศิลป์ได้เมื่อความงดงามหรือสารพัดแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากอารมณ์โดยปราศจากความคิดชี้นำนั่นคืองานศิลปะผมไม่คิดว่าศิลปะจำเป็นต้องมีระเบียบ มีต้นแบบ หรือมีการปรากฏกายอยู่ด้านหน้าเราในงานศิลปะมันเป็นพลังงานแห่งความจริงของใครคนใดคนหนึ่งที่บางครั้งหลบซ่อนตัวอยู่ในหลืบแห่งความทรงจำภายใต้ซอกแห่งความคิดจนเกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นมาจนสามารถสร้างผลกระทบทางใจกับผู้ที่ชมได้นี่แหละคืองานศิลปะที่เราต่างเป็นผู้สร้างสรรค์
การยกย่องและทับถมที่เกินพอดีทำให้ผมรู้สึกเกลียดคำว่าศิลปินอย่างออกนอกหน้าคงเป็นเพราะมันดูดัดจริต ดูเหมือนเป็นผู้ยิ่งใหญ่สูงส่งและดูถูกผู้คนที่มีสติปัญญาด้อยกว่าโดยกระทืบความคิดของผู้อื่นให้แบนติดพื้นอย่างไร้ค่าศิลปินถูกผู้คนที่ขีดเส้นแบ่งทำให้อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมนั้นจนดูเหมือนจะเป็นเทพเจ้าที่ทำผิดพลาดไม่ได้เลยในสังคมนี้พวกเขาที่หลงระเริงและคิดไปเองมักทำให้ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาได้รู้นั้นมันถึงที่สุดแล้วพัฒนาสูงสุดแล้วโดยผู้คนต้องมาเรียนรู้ได้จากพวกเขาเท่านั้นบนโลกใบนี้
แต่ในความเป็นกลุ่มชนศิลป์ที่สร้างงานศิลปะกลับถูกพวกเขาเหล่านั้นแบ่งและแยกส่วนผลงานออกจากกันตามความคิดความพอใจ หรือหลักการตลาดที่พวกเขาร่วมกันสร้างมันขึ้นมาเท่านั้นเอง
พวกเขาคือคนสร้างงานศิลปะที่เกิดจากความประทับใจหรือเกิดจากมุมมองของใครบางคนที่ถูกส่งต่อกันมาซึ่งผมไม่มีวันรู้ความเป็นจริงนอกจากตัวของนักวาดภาพคนนั้น รูปแบบของงานศิลปะยังคงเป็นความประทับใจที่ซ้ำกันไปมาในรูปแบบเดิมๆจนหลายๆครั้งผมเองก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าความประทับใจบนโลกมีเหลือให้ดูอยู่เพียงเท่านี้เองเท่านั้นเหรอ
วงการศิลปะที่มีแต่ความซ้ำซากจำเจในสังคมที่มองเห็นงานศิลปะเป็นสิ่งด้อยค่าศิลปะอาจกลายเป็นเรื่องที่เพ้อเจ้อของคนบ้าหรือการเสกสรรปั้นแต่งภาพเขียนธรรมดาให้กลายเป็นของล้ำค่าทางจิตวิญญาณก็ได้
เวลาที่ผ่านมาสำหรับผมซึ่งดูเป็นเหมือนคนที่ไร้จุดยืนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทั้งผลงานทรงผม นิสัยและรูปร่างหน้าตาซึ่งหลายๆครั้งมันก็เข้าหลักเกณฑ์ของการพัฒนาการสู่การวิวัฒนาการตามระบบอัตโนมัติที่เหมือนถูกบางสิ่งตั้งค่าไว้ผมไม่รู้หรอกว่าใครจะชอบอะไรหรือจะเสนอผลงานอะไรเพื่อเอาใจใครผมเพียงแค่เสนอในสิ่งที่ผมเห็นว่ามันสวยและน่าจะเป็นประโยชน์ในมุมมองของผมใครเห็นแบบผมบ้างก็เท่านั้นเอง ซึ่งมันดูเหมือนจะน้อยเต็มที อาจเป็นเพราะทักษะที่ยังไม่ถึงหรือจะจากสาเหตุอะไรก็สุดคาดเดาที่งานของผมไม่โดนใจคนส่วนใหญ่ที่ถูกสังคมกวาดต้อนความคิดมากองรวมกันในโลกที่ดูเหมือนห้องโถงขนาดใหญ่ใบนี้
ภายในความเงียบงันที่ไร้ขอบเขตของตัวเองผมกลายเป็นคนที่หยิ่งเพียงเพราะไม่กล้าที่จะพูดกับใครก่อนคงเป็นเพราะกลัวว่าเขาจะรังเกียจกลัวพวกเขาเข้าใจว่าผมต้องการอะไรจากเขา เพียงผมเข้าไปทักแล้วเขาจำผมไม่ได้เราอาจสนิทรู้จักกันเพียงเพราะพวกเขาเมามายการได้มีโอกาสหัวเราะและทักทายกับคนทั่วไปประดุจเป็นทูตสันติภาพของโลกสุดท้ายพอวันรุ่งขึ้นเมื่อแสงอาทิตย์ปรากฏพวกเขาก็ลืมเรื่องราวเหล่านั้นและผมก็กลายเป็นคนแปลกหน้ายิ่งเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นกับผมบ่อยๆทำให้ตัวผมเองนั้นยิ่งไม่กล้าที่จะทักใครข้อหาความหยิ่งจึงถูกยัดเยียดให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การเริ่มต้นกับอาชีพที่เกี่ยวกับงานศิลปะของผมจึงเขียนภาพเพื่อเงินมาตลอดและคิดว่านั่นคือจุดสูงสุดในชีวิตผมฝันเล็กๆที่แม้แต่จิ้งหรีดยังยิ้มเยาะแต่สุดท้ายมันกลับกลายเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของชีวิตที่แสนพิศวงในช่วงเวลาต่อมา
ตอนนี้ผมรอเธอคนสำคัญที่ไม่มีวันจะปรากฏกายมาให้ผมได้เจอแม้แต่เสียงทักทายให้กำลังใจ
ในโลกที่ซ้อนทับเราล้วนมีเส้นทางของตัวเองที่เต็มไปด้วยความหวังความฝัน เส้นทางแห่งอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะมีจริงแค่ไหน โลกซีเปียแห่งอดีตโลกขาวดำแห่งความทรงจำสะบัดเม็ดสีต่างๆที่สร้างโลกให้สีสันหลุดกระเด็นจางหายไปเสียงผู้คนถามถึงภาพที่อยู่ในกรอบ ภาพวาดที่เป็นเหมือนตัวแทนแห่งอดีตโลกของใครบางคนอยู่ในนั้น การรับรู้อยู่ที่เราเลือกในทุกครั้งที่ผมเดินเข้าไปในภาพผ่านสายตาที่ครุ่นคิดผ่านจิตใจที่ปลดปล่อยให้ลอยล่องเข้าไปในนั้นประสบการณ์แห่งอดีตจะค่อยๆผุดตัวก่อร่างและเชิญชวนให้ผมต้องเข้าไปในนั้นอีกรอบ
อดีตที่ต่างกับปัจจุบันในตอนนั้นซึ่งความแตกต่างในการเข้าสัมผัสณ ช่วงเวลานี้คือเราได้แต่เพียงนั่งมองดูเรื่องราวที่ผ่านไปเหมือนภาพยนตร์เรื่องหนึ่งโดยไม่สามารถแก้ไขบทหรือสิ่งใดได้ในขณะที่มีคนบางกลุ่มกำลังหลงระเริงไปกับสังคมและสิ่งประโลมแต่ก็ยังมีอีกกลุ่มคนที่มีความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งที่ตนรักนั้นให้สำเร็จอย่างตั้งใจหากแต่ความสำเร็จที่เราตั้งใจไว้นั้นเราเคยถามตัวเองหรือไม่ว่ารูปร่างที่แท้จริงของมันคืออะไรมันคือเงินตรา ชื่อเสียง ความสุข ภารกิจแห่งการมีชีวิตหรือทั้งหมด
เวลาที่ผ่านไปกับความทรงจำทำให้ทุกอย่างเหมือนถูกกลืนไปด้วยหมอกสีขาวห้องที่เต็มไปด้วยผู้คนและภาพวาดกลับว่างเปล่า โล่งเตียน ไร้สรรพเสียงใดๆในตอนนี้คงเหลือแต่ภาพๆหนึ่งที่ตั้งลอยอยู่ด้านหน้าผมภาพวาดด้วยลายเส้นดินสอของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังนอนหันหน้าเข้าข้างผนังและหันหลังให้กับผมภาพวาดที่หมุนดึงผมเข้าสู่อดีตลึกลงเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนคำถามผุดตัวขึ้นซ้อนกันมากมายเราเกิดมาเพื่ออะไร โลกนี้เป็นโรงเรียนหรือเพียงใช้ชีวิตไปวันๆหรือเพียงเพื่อให้ได้รับการสั่งสอนโดยรับบทเรียนกับสันดานที่ยากจะแก้ไขนั้น
เธอกำลังเรียกให้ผมเข้าไปในนั้น...อีกครั้ง
------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลดตัวอย่างอ่าน