1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30 31
TK Reading Club : รัตนโกสินทร์
25 พฤษภาคม 2559
เมื่อวันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปร่วมการสนทนานักอ่าน ที่จัดขึ้นโดยห้องสมุดมีชีวิต TKpark เป็นกิจกรรม TK Reading Club ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน ในวันนี้เป็นการพูดคุยกันถึงนวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่อง รัตนโกสินทร์ ทีเขียนโดย ว.วินิจฉัยกุล โดยเป็นการล้อมวงสนทนาเกี่ยวกับรายละเอียดที่ได้รับจากการอ่านหนังสือเรื่องนี้ ซึ่งมีวิทยากรผู้นำการพูดคุยเพื่อให้ความรู้คืออาจารย์จรูญพร ปรปักษ์ประลัย นักวิจารณ์วรรณกรรมชื่อดังของเมืองไทย กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นในลักษณะกลุ่มสนทนาสำหรับผู้ที่ได้เคยอ่านเรื่อง รัตนโกสินทร์ มาแล้ว โดยมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเป็นหลัก ผมขอรวบรวมรายละเอียดมาเขียนเป็นประเด็นสำหรับนำเสนอให้แก่ท่านที่สนใจและชื่นชอบนวนิยายเรื่องนี้ รวมทั้งมีประเด็นที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่เป็นนักเขียนด้วย (ผมอาจจะเขียนสรุปออกมาไม่ครบถ้วนตามที่ได้คุยกันทั้งหมด เพราะผมเขียนสรุปจากการที่ผมได้จดคำบรรยาย (จดเลคเชอร์)ไม่ได้เขียนแบบการถอดเทปคำบรรยาย แต่ผมก็พยายามที่จะสรุปเป็นประเด็นให้ตรงมากที่สุด ถ้ามีส่วนใดที่ตกหล่นหรือผิดพลาดไปผมก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย )
-อ.จรูญพร ปรปักษ์ประลัย ทำงานด้านการเขียนมาโดยตลอด เขียนบทวิจารณ์วรรณกรรมต่อเนื่องมายาวนานมากกว่า 20 ปี เคยทำงานเขียนบทภาพยนตร์เรื่องก้านกล้วย 2 เขียนบทละครโทรทัศน์เรื่อง Bing Bing และ สารวัตรเถื่อน ทางช่อง 7 ปัจจุบันยังได้รับเกียรติให้เป็นคณะกรรมการคัดเลือกผลงานวรรณกรรมซีไรท์ ประจำปี 2559 นี้ด้วย -อ.จรูญพร บอกว่าในยุคปัจจุบันนี้การประกวดเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับวงการวรรณกรรม เพราะว่าในสมัยนี้คนอ่านหนังสือน้อยลง การประกวดการเขียนจึงเข้ามาทำหน้าที่ตัดสินหนังสือแทน *พิธีกรถามว่า ในเรื่องรัตนโกสินทร์นี้มีกลวิธีการเขียนและใช้ศิลปะในการเขียนอย่างไร? -อ.จรูญพรบอกว่า เรื่องรัตนโกสินทร์นี้เป็นเรื่องบรรพบุรุษของผู้เขียน (ว.วินิจฉัยกุล) นำรายละเอียดมาจากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริง ที่เป็นเรื่องราวของต้นตระกูลวินิจฉัยกุล -เรื่องรัตนโกสินทร์ เป็นการศึกษาย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ ผู้เขียนใช้วิธีการพูดคุยผู้สูงอายุที่เป็นญาติผู้ใหญ่ ประกอบกับการค้นคว้าข้อมูลจากเอกสารต่าง ๆ ซึ่งผู้เขียนใช้เวลานานถึง 10 ปีสำหรับเตรียมการเขียนเรื่องนี้ เพราะการเขียนเรื่องที่อิงประวัติศาสตร์นั้นต้องการข้อมูลที่เยอะมาก -ลักษณะการเขียนเรื่องรัตนโกสินทร์คงคล้ายกับที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนถึงเรื่องญาติผู้ใหญ่ของท่านในชื่อเรื่อง โครงกระดูกในตู้ ที่ใช้ศิลปะการเขียนแบบการเล่าเรื่อง -สำหรับการเขียนเรื่องราวที่อิงประวัติศาสตร์นั้น นักเขียนส่วนใหญ่จะเลือกเขียนประวัติศาสตร์ในช่วงที่กรุงศรีอยุธยาเสียเอกราชครั้งที่ 2 เพราะว่ามีเรื่องราวที่น่าสะเทือนใจและน่าตื่นเต้นมากมาย และในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 8 ที่มีแต่เรื่องราวของการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ -เรื่องรัตนโกสินทร์นี้เป็นเหมือนรอยต่อของประวัติศาสตร์ ในข้างหลังของหนังสือจะมีเชิงอรรถบอกไว้ว่าเป็นการเขียนแบบการทำงานวิจัย เพื่อการสืบค้นข้อมูลนำมาเขียน -เรื่องรัตนโกสินทร์มีลักษณะเป็นชีวะประวัติกึ่งนวนิยาย คือตัวละครสร้างมาจากคนจริง ๆ ที่มีชีวิตอยู่ในอดีต โดยถูกปรุงด้วยจินตนาการ มีการใส่เหตุผลให้ตัวละคร ประกอบกับมีพล็อตเรื่องและมีโครงเรื่องใส่เข้าไปด้วย -อ.จรูญพรเล่าให้ฟังว่า ... อ.ตรีศิลป์ บุญขจร เคยเขียนบทวิจารณ์วรรณกรรมเรื่องรัตนโกสินทร์ว่า มีความเป็นนวนิยายแบบพาฝัน ซึ่งเป็นนวนิยายที่ผู้หญิงเขียน มีตัวละครพระเอกเป็นคนที่ดีเกินไป เป็นพระเอกในฝันที่ยึดมั่นในรักเดียวใจเดียวซึ่งเป็นชายหนุ่มที่ผู้หญิงทุกคนต้องการ ส่วนเนื้อเรื่องนั้นมีตอนจบแบบแฮบปี้เอ็นดิ้ง คือจบแบบหวานอย่างสมหวังและโรแมนติค -ผู้เขียน (ว.วินิจฉัยกุล) เขียนเรื่องรัตนโกสินทร์แบบผสมกันระหว่างเรื่องราวที่เป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ + นวนิยายพาฝัน โดยเอาความเป็นจริงในอดีตมาผูกร้อยกับลักษณะการเขียนแบบนวนิยายพาฝันเพื่อให้ผู้อ่านติดตาม เรื่องรัตนโกสินทร์นี้เขียนครั้งแรกลงเป็นตอน ๆ ในนิตยสารสกุลไทย -เรื่องรัตนโกสินทร์แต่งโดยใช้ประวัติศาสตร์ของบรรพบุรุษ(ของผู้เขียน)มาเขียน +พิธีกรถามถึงเรื่องประเด็นทางวัฒนธรรมในเรื่องรัตนโกสินทร์ มีประเด็นใดที่น่าสนใจบ้าง? -ในเรื่องรัตนโกสินทร์มีการลงรายละเอียดในหลาย ๆ อย่าง เช่นเรื่องศิลปะในการเขียนกวีนิพนธ์ ในเรื่องมีตัวละครสุนทรภู่ถูกกล่าวถึงอยู่ในเรื่องด้วย , เรื่องของคนจีนในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ แสดงให้เห็นว่าในช่วงเวลานั้นมีวัฒนธรรมแบบไทย-จีนแล้ว ในเรื่องพระเอกของเรื่องที่ชื่อฟัก เป็นลูกเจ้าสัวซึ่งเป็นลูกคนจีนที่เกิดในประเทศไทย สำหรับวัฒนธรรมจีนที่ปรากฎในเรื่อง เช่น การนิยมมีลูกผู้ชาย , การแต่งงาน , ไม่อยากให้ลูกชายไปออกรบ , ส่งเสริมให้ลูกชายไปอยู่กับเจ้านายฝ่ายบริหาร (ฝ่ายบุ้น) ฯลฯ -ในเรื่องรัตนโกสินทร์ตัวพระเอกพบรักกับนางเอกอายุ 15 ปี ในเรื่องมีตัวละครหญิงที่เป็นตัวเอก 2 คน คนแรกคือแม่ช้องเป็นคนรักคนแรกของพระเอก คนที่สองคือแม่เพ็งที่เป็นนางเอกตัวจริง -เรื่องของชะตาชีวิตที่พลิกผันไปตามโอกาส โดยพระเอกได้ไปอยู่ในบ้านเจ้านายฝ่ายตุลาการที่มีการชำระความในบ้าน เมื่อมีนักโทษคนร้ายหนีไป พระเอกออกร่วมขบวนไปตามจับด้วย ผู้ใหญ่จึงเห็นแววขอตัวไปอยู่ด้วย จนสุดท้ายพระเอกได้รับความดีความชอบในทางราชการ -ในเรื่องมีตัวร้ายคือคุณสน เป็นลูกท่านหลานเธอ เป็นตัวร้ายตามสูตรนวนิยายพาฝันที่มาชอบนางเอก และแข่งขันกับพระเอกเพื่อจะแย่งนางเอกไป -ในเรื่องรัตนโกสินทร์ตอนพระเอกอายุ 18 ได้ไปช่วยชีวิตนางเอกอายุ 8 ขวบให้รอดจากการตกน้ำตาย นางเอกจดจำพระเอกได้จนกระทั่งนางเอกโตเป็นสาวอายุ 15 จึงได้เจอพระเอกอีกครั้ง -ประเด็นเรื่องความเป็นไทย-จีน มีความเชื่อเรื่องการเป็นครอบครัวใหญ่ มีเมียพระราชทานหรือมีเมียเอกซึ่งเป็นใหญ่อยู่ในบ้านคอยดูแลเรื่องราวต่าง ๆ ภายในบ้าน
-อ.จรูญพรเล่าให้ฟังว่า ... อ.ตรีศิลป์ เคยวิจารณ์ต่ออีกว่า เรื่องรัตนโกสินทร์นั้นมีบางอย่างที่สวมเรื่องรักแบบพาฝันเข้าไประหว่างภาพแห่งความสมจริงกับภาพอุดมคติในจินตนาการของผู้เขียน ซึ่งต้องดูว่าในความเป็นจริงแล้วตัวเอกในยุคนั้น(ยุคสมัยก่อน)เป็นอย่างไร? อย่างเช่นตัวเอกของเรื่องมักจะมีเรื่องรบ รัก และมีของวิเศษ เหมือนเรื่องขุนช้างขุนแผนหรือไม่? -ในเรื่องรัตนโกสินทร์ ตอนที่ส้มจีนพี่สาวของฟักแต่งงานนั้น มีการแสดงในเห็นถึงวัฒนธรรมในการแต่งงานของคนในสมัยนั้น เช่นการสร้างเรือนหอ , การที่ให้ว่าที่เจ้าบ่าวไปนอนเฝ้าเรือนหอ , การจัดงานแต่งงาน รวมทั้งเรื่องอาหารการกินต่าง ฯลฯ ซึ่งมีข้อน่าสังเกตว่าวัฒนธรรมการแต่งงานในสมัยก่อนนั้นมีเสน่ห์มากกว่าในสมัยปัจจุบันนี้ -มีวัฒนธรรมเรื่องการกิน การทำอาหาร อาหารบางอย่างต้องทำแล้วกินเลย การสอนลูกสาวให้ทำอาหารเพื่อส่งต่อการทำครัวให้แก่ลูกสาว เพราะถือว่าครัวเป็นอาณาจักรของผู้หญิง -มีวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันในครอบครัว ซึ่งมีวิถีในการจัดการให้มีความสุขอันงดงามในตัวของมันเอง -นางเอกตัวจริงของเรื่องคือแม่เพ็ง ชื่อแปลว่าพระจันทร์วันเพ็ญ นางเอกเคยเป็นนางในอยู่ในวังมาตั้งแต่เล็ก โดยแม่นำเข้ามาถวายตัวอยู่ในวัง จนทำให้นางเอกกลายเป็นสาวชาววัง รู้จักการทำงานฝีมือร้อยดอกไม้ ร้อยมาลัย และรู้จักการทำอาหารตำรับชาววัง -ในยุคนั้นวังเป็นเหมือนสถานที่สร้างคุณค่าให้ผู้หญิง ทำให้ผู้หญิงเป็นกุลสตรี ผู้หญิงคนไหนที่ผ่านเข้ามาอยู่ในวังแล้วจะเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มที่จะขอแต่งงานด้วย -สิ่งที่ผู้เขียน (ว.วินิจฉัยกุล) ทำเสมอคือ การทำให้ผู้หญิงไม่ยอมผู้ชาย ให้ตัวละครหญิงในเรื่องมีการปกป้องสิทธิสตรีของตัวเองเสมอ -การเคลื่อนของวัฒนธรรมคือวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ยกตัวอย่างเช่นพิธีการแต่งงานในเรื่องนั้นแตกต่างกับการแต่งงานในปัจจุบันเป็นอย่างมาก -ในเรื่องรัตนโกสินทร์มีการพูดถึงเรื่องศาสนาด้วย ตามประวัติศาสตร์ที่เคยมีความขัดแย้งในวงการศาสนาในการจัดตั้งนิกายธรรมยุต โดยการตั้งธรรมยุติกนิกายนั้นเกิดขึ้นโดยมีสาเหตุมาจากการที่พระสงฆ์มีพระวินัยที่หย่อนหยาน ศาสนาจึงค่อยข้างเสื่อมในความรู้สึกของคนทั่วไป ธรรมยุติกนิกายจึงเกิดขึ้นเพื่อย้อนเอาความเคร่งของพระสงฆ์กลับมาใช้อีกครั้ง โดยเอาแบบอย่างมาจากพระมอญ -การตั้งธรรมยุติกนิกายขึ้นมาเพื่อบอกว่าพระสงฆ์ที่ดียังมีอยู่ แต่ว่ามีคนไม่ชอบในการกระทำดังกล่าวนี้ ซึ่งในเรื่องคนที่ไม่ชอบนิกายธรรมยุตนี้อ.จรูญพร คาดว่าผู้เขียนน่าจะกล่าวถึงหม่อมไกรสร -หม่อมไกรสรเป็นผู้หนึ่งที่มีโอกาสจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ พระยศเทียบเท่ารัชกาลที่ 4 หม่อมไกรสรไม่ชอบธรรมยุติกนิกายจึงได้กลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา ซึ่งในเรื่องรัตนโกสินทร์มีการพูดถึงประเด็นนี้ไว้อย่างระมัดระวังมาก โดยในเรื่องไม่กล่าวระบุเลยว่าคือใครหรือเป็นใคร -ญาติทางฝ่ายแม่พระเอกเป็นมอญ เป็นทหารเก่าที่เก่งทางด้านดาบสองมือ จึงมีข้อสังเกตว่าทหารที่เก่ง ๆ ในสมัยก่อนนั้นมักจะเป็นมอญเป็นส่วนใหญ่ -ตัวพระเอก พ่อฟักทำงานในด้านความยุติธรรม พระเอกจึงไม่ยอมแพ้ในเรื่องการกดขี่ข่ม และไม่ยอมให้ตัวเองเป็นคนโกงกินหรือฉ้อราษฏร์บังหลวงด้วย -อ.จรูญพรเล่าให้ฟังว่า ... อ.ตรีศิลป์ กล่าวไว้ว่า เรื่องรัตนโกสินทร์นี้เป็นประวัติศาสตร์นิยายที่ผ่านจิตนาการของผู้เขียน ซึ่งเขียนนวนิยายพาฝัน ที่มีการประสานกันระหว่างความเป็นจริงในประวัติศาสตร์กับความเป็นนวนิยายในโลกอุดมคติ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ทับซ้อนกันไปมาตลอดเรื่อง จนไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าสิ่งใดจริงหรือสิ่งใดไม่จริง -มีประเด็นที่พระเอกพฤติตนผิดไปจากกรอบค่านิยมในสมัยนั้น ก็คือเรื่องที่ฟักปฎิเสธที่จะมีเมียหลายคน โดยปฎิเสธตั้งแต่แรก ในส่วนนี้ผู้เขียนพยายามจะสร้างบางอย่างขึ้นมาเพื่อบอกว่า คนเรามีทางเลือกเสมอ ไม่จำเป็นต้องเดินไปในทางที่ผิดอย่างที่คนอื่นเขาทำกัน -พระเอกมีทั้งคุณธรรมและความยุติธรรม ซึ่งความยุติธรรมของพระเอกนั้นเป็นเรื่องของมรดก ที่ตัวเองไม่ต้องการได้มรดกที่บิดามอบให้ซึ่งเป็นมรดกได้จากการทำงานของคนอื่น (ของน้องชาย) พระเอกจึงยกมรดกให้แก่น้องชาย -ทุกอย่างที่ตัวละครหลักในเรื่องทำนั้นไม่ได้ผิดประเพณีปฎิบัติเลย เพียงแต่ทำด้วยความฉลาดที่จะหาวิธีหลีกเลี่ยงที่เหมาะสมจนได้ ตัวอย่างเช่น เรื่องที่มีเจ้านายมาขอส้มจีนให้เข้าวัง แต่ตัวส้มจีนไม่อยากเข้าวังจึงหาทางให้มีคนมาสู่ขอตัดหน้าไปก่อน ซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ไม่ได้ขัดกับประเพณีนิยม ในประเด็นนี้ผู้เขียนไม่ได้ทำให้ตัวละครเป็นคนโง่ตลอด -ในเรื่องนั้น ตัวละครร้ายลงเอยไม่ดี เหมือนมีการลงโทษตัวละครให้คนอ่านได้เห็นเช่น คุณสนที่ในตอนท้ายเรื่องเสียคนเพราะติดฝิ่นยาเมา , แม่ช้องที่สุดท้ายต้องเสียใจในการกระทำของตัวเอง ฯลฯ -ในเรื่องมีฉากพิสูจน์รักด้วย คือตอนที่พระเอกกำลังจะแต่งงานกับแม่เพ็ง มีแม่ช้องที่เป็นคนรักเก่าของฟักเข้ามาหา ในตอนนั้นพระเอกต้องทำใจแข็งเพื่อพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อนางเอก -แม่ช้องเป็นตัวละครตัวร้ายที่มีจริตจะก้านเป็นอย่างมาก แม่ช้องเต็มไปด้วยมารยาหญิงร้อยเล่มเกวียน ซึ่งในประเด็นนี้ผู้เขียนต้องการแสดงให้เห็นว่า ความงามที่แท้จริงของผู้หญิงนั้นมาจากการอบรมเลี้ยงดูที่ดี แม่ช้องไม่ได้ถูกอบรมเลี้ยงดูที่ดีเพราะว่าพ่อแม่ตายต้องอยู่ตัวคนเดียวในบ้านอา ในขณะที่แม่เพ็งอยู่ในรั้วในวังมาก่อน -ในเรื่องมีประเด็นเรื่องการค้าขายของคนจีน เจ้าสัว (พ่อของฟัก) ทำโรงงานผลิตกระเบื้องขาย มีการจ่ายส่วยให้ทางราชการ การค้าขายทำรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น -ในเรื่องมีประเด็นเรื่องการตั้งแง่ในความเป็นจีน จะเห็นได้ว่าในเรื่องพระเอกถูกดูถูกเรื่องชาติตระกูลที่เกิดมาเป็นลูกจีนอยู่หลายครั้ง -ในเรื่องมีประเด็นเรื่องการแปลสามก๊กด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมไทย-จีนบางอย่าง ส่วนตัวละครสุนทรภู่ ที่อยู่ในเรื่องมีการพูดถึงว่าวรรณคดีเรื่องหนึ่งมีที่มาจากเรื่องจีนคือเรื่องห้องสิน ที่แสดงให้เห็นว่าสุนทรภู่ต้องพูดคุยกับคนจีนเยอะมาก จึงแต่งวรรณคดีเรื่องต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะเรื่องพระอภัยมณี ที่สุนทรภู่รู้ว่ามีเกาะอยู่ตรงไหนจากการคุยกับพวกจีนเดินเรือ จึงเขียนถึงเกาะแก้วพิศดารได้ -ในเรื่องรัตนโกสินทร์นี้แสดงให้เห็นว่า คนจีนไม่ได้ถูกตัดขาดออกจากสังคมชั้นสูงของไทยเลย โดยเฉพาะในรัชกาลที่ 3 ซึ่งคนจีนมีบทบาทในการค้าขายมากขึ้นด้วย -ในเรื่องรัตนโกสินทร์นี้แสดงให้เห็นว่า ความเป็นไทยนั้นประกอบไปด้วยหลากหลายวัฒนธรรม อาจจะประกอบไปด้วยวัฒนธรรมของไทย จีน มอญ ลาว ซึ่งเป็นการประกอบกันอย่างมีการคัดสรร โดยดูว่าสิ่งใดมีประโยชน์ก็นำมาใช้ -จะเห็นได้ว่าวรรณคดีนั้นถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างชัดเจนในหลาย ๆ ประเด็น เช่น รามเกียรติ์สอนถึงเรื่องของความชอบธรรม , ขุนช้างขุนแผนสอนในเรื่องความจงรักภักดี โดยไม่สนใจในเรื่องเจ้าชู้เลย , สามก๊กสอนในเรื่องกลยุทธการสงคราม และสอนให้รู้เท่าทันคนจีนที่มาอยู่ในเมืองไทยด้วย -นวนิยายเป็นภาพสะท้อนของความจริงและความเชื่อ ซึ่งในเรื่องรัตนโกสินทร์นี้มีภาพสะท้อนของวิถีชีวิต , สังคมและวัฒนธรรมอยู่ในเรื่อง โดยผู้เขียนได้ใส่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ลงไปเพื่อทำให้ภาพของชีวิตและสังคมมีความงดงามมากขึ้น -เสน่ห์ของเรื่องรัตนโกสินทร์คือภาพสวย พาฝัน สนุก อ่านแล้วมีความสุขไม่เครียด อ่านแล้วเพลิดเพลินไปกับสภาพสังคมในยุคนั้นซึ่งเป็นภาพสังคมที่งดงามมาก -จึงถือว่าเรื่องรัตนโกสินทร์เป็นประวัติศาสตร์แบบพาฝัน โดยวิธีการเล่ามีทั้งความจริงและจินตนาการ -อ.จรูญพรเล่าให้ฟังว่า ... ผู้เขียน (ว.วินิจฉัยกุล) เคยบอกไว้ว่า การเขียนนวนิยายอิงประวัติศาสตร์นั้น ควรจะเขียนเรื่องประวัติศาสตร์ที่เกิน 100 ปีขึ้นไป เพราะไม่มีลูกหลานหลงเหลืออยู่ที่จะมาฟ้องร้องเราได้ และวิธีการเขียนนั้นจะเขียนอย่างไรก็ได้แต่ต้องไม่ขัดกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ เช่น ท่านขุนคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่จริงในประวัติศาสตร์ เวลาเขียนเราก็จินตนาการต่อว่าแล้วท่านขุนอยู่อย่างไร? บ้านของท่านขุนเป็นอย่างไร? ท่านขุนทำอะไรบ้างที่ในสมัยนั้นเขาทำกัน ฯลฯ -สิ่งที่ทำให้เรื่องรัตนโกสินทร์เป็นมากกว่าหนังสือประวัติศาสตร์ทั่วไปก็คือบรรยากาศ ในนวนิยายจะมีบทบรรยายบรรยากาศ รวมทั้งอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลงไปด้วย ซึ่งมากกว่าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บอกเพียงว่าใครทำอะไร? ที่ไหน? อย่างไร? เพียงเท่านั้น -ในเรื่องรัตนโกสินทร์นี้นอกจากจะมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มากมายแล้ว เราอ่านแล้วทำให้เราอยากรู้เรื่องราวต่าง ๆ เพิ่มเติมต่ออีกด้วย เช่นในเรื่องของวรรณคดี , เรื่องของคนจีนในยุคนั้น ฯลฯ -สรุปว่า นวนิยายเรื่องรัตนโกสินทร์ให้ข้อคิดของการอยู่รวมกันของตัวละครทั้งหมด ซึ่งเป็นวิถีชีวิตอันงดงามแบบดั้งเดิมของไทย เช่นการอยู่รวมกันระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก หรือพ่อกับลูก , การอยู่ร่วมกันระหว่างพี่กับน้อง หรือระหว่างสามีกับภรรยา , ระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง ฯลฯ ซึ่งจะเห็นได้ว่าชีวิตแต่ละชีวิตที่อยู่ร่วมกันนั้นต่างก็พึ่งพาซึ่งกันและกัน เป็นวิถีชีวิตการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข สำหรับกิจกรรม TK Reading Club ครั้งต่อไปจะเป็นการพูดคุยกันจากนวนิยายเรื่อง จดหมายจากเมืองไทย ของโบตั๋น ซึ่งอาจารย์สุภา สิริสิงห เจ้าของนามปากกาโบตั๋นจะมาพูดคุยเกี่ยวกับนวนิยายเรื่องแรกของท่านด้วยตัวเอง โดยจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน 2559 ตั้งแต่เวลา 14.00 16.00 น. ท่านใดที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ งานจะจัดขึ้น ที่ห้องสมุด TKpark ชั้น 8 Dazzle Zone ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ท่านสามารถไปลงทะเบียนได้ที่หน้างานเลย ท้ายสุดนี้ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เนื้อหาในบล็อกนี้น่าจะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจในวรรณกรรมบ้าง โดยเฉพาะสำหรับท่านที่เป็นนักอ่านและเป็นนักเขียน ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ขอให้ท่านมีความสุขมาก ๆ ครับ
Create Date : 25 พฤษภาคม 2559
Last Update : 25 พฤษภาคม 2559 0:38:21 น.
22 comments
Counter : 2095 Pageviews.
โดย: sawkitty วันที่: 25 พฤษภาคม 2559 เวลา:7:37:14 น.
โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 26 พฤษภาคม 2559 เวลา:8:26:09 น.
โดย: Jim-793009 วันที่: 26 พฤษภาคม 2559 เวลา:17:44:39 น.
โดย: จี๊ดจ๊าด (บ้านต้นคูน ) วันที่: 29 พฤษภาคม 2559 เวลา:8:11:15 น.
โดย: หอมกร วันที่: 2 มิถุนายน 2559 เวลา:7:50:47 น.
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 3 มิถุนายน 2559 เวลา:22:45:23 น.
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 4 มิถุนายน 2559 เวลา:21:24:57 น.
โดย: ตุ๊กจ้ะ วันที่: 5 มิถุนายน 2559 เวลา:22:08:07 น.
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 7 มิถุนายน 2559 เวลา:8:31:34 น.
โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 7 มิถุนายน 2559 เวลา:11:42:23 น.
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 10 มิถุนายน 2559 เวลา:9:19:05 น.
โดย: **mp5** วันที่: 10 มิถุนายน 2559 เวลา:21:45:55 น.
โดย: sawkitty วันที่: 17 มิถุนายน 2559 เวลา:17:46:53 น.
โดย: พรไม้หอม วันที่: 17 มิถุนายน 2559 เวลา:20:19:06 น.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 62 คน [? ]
อาคุงกล่องเป็นชายไทยนิสัยดีมีความฝัน ผู้ผันตัวมาเป็นทาสวรรณกรรมอย่างแท้จริง ใช้ชื่อกำหนดตัวตนว่า อาคุงกล่อง เป็นนามปากกาสร้างสรรค์ผลงานในเชิงหัสนิยาย และงานเขียนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น เรื่องสั้น นวนิยาย สารคดี ความเรียง บทกลอน ไดอารี่เพ้อเจ้อละเมอเพ้อฝันต่างๆ ฯลฯ ปัจจุบัน อาคุงกล่อง เป็นนักอ่าน นักคิดและนักเขียน รวมทั้งเป็นนักจินตนาการออกมาเป็นตัวอักษรด้วย ผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่คือการเป็นนักเขียนมีคุณภาพที่สรรค์สร้างผลงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ คาดว่าในเวลาอันใกล้นี้นาม อาคุงกล่อง จะเกิดปรากฎชัดในโลกวรรณกรรม จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่หนอนนักอ่านทั่วไทย "ในชีวิตจริงของคนเรา มีอะไรอีกมากมายที่จะต้องรับรู้และรับผิดชอบ ในแต่ละวันเรามีโอกาสที่จะหัวเราะได้สักกี่ครั้ง? แต่ถ้าเราได้มีโอกาสหัวเราะเสียบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายหรือคลายเครียด ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ" ถ้าคุณเข้ามาในบล็อคของผมแล้ว คุณสามารถอมยิ้มหรือหัวเราะได้ ผมก็คงจะดีใจแล้วครับ (กรุณาช่วยทิ้งคอมเม้นท์วิจารณ์ไว้ให้ผมด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมากเลยครับ) akungklong@gmail.com
กิจกรรม TK Reading Club
น่าสนใจค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
praewa cute Parenting Blog ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog