กระทู้ดอกทอง
7 มีนาคม 2558
หนังสือที่ผมอ่านในวันนี้เห็นชื่อเรื่องแล้วก็ต้องตกใจแน่ ๆ เพราะว่าในครั้งแรกที่ผมเห็นหนังสือชื่อนี้ผมยังไม่กล้าหยิบขึ้นมาดูเลย ด้วยความหนาขนาดนวนิยายและชื่อเรื่องที่แรง ๆ ทำให้ผมต้องมองข้ามไปก่อน แต่เมื่อไม่นานมานี้พอผมมาเจอหนังสือเล่มนี้วางอยู่ในหมวดวรรณกรรมแล้วผมกลับสนใจขึ้นมาทันที จนผมต้องรีบอ่านและแนะนำให้เพื่อนได้ทราบกัน
หนังสือชื่อ กระทู้ดอกทอง นี้เป็นบทวิจารณ์วรรณกรรมที่มีคำโปรยหลังปกว่า รวมบทวิจารณ์วรรณกรรมและภาพยนตร์ ว่าด้วยอุดมคติของความรัก เพศ และความเป็นหญิง ซึ่งบทวิจารณ์วรรณกรรมทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้นำมาจากคอลัมน์ชื่อ กระทู้ดอกทอง ที่คำ ผกา ได้เขียนลงในหนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ในช่วงปี 2544-2546 เป็นบทความที่พูดถึงเรื่องราวจากหนังสือนวนิยายและภาพยนตร์ของไทย โดยพยายามยกตัวละครหญิงจากนวนิยายออกมาวิจารณ์และตีแผ่ในประเด็นที่เชื่อมโยงไปถึงลัทธิสตรีนิยม หรือที่เรียกกันว่า แฟมินิสต์ ซึ่งตัวละครแต่ละตัวที่ คำ ผกา ยกมานำเสนอนั้นล้วนแต่เป็นตัวละครหญิงที่เป็นทั้งนางเอกและนางร้ายจากนวนิยายเรื่องเด่น ๆ ของไทยทั้งสิ้น
สำหรับเนื้อหาในการเขียนนั้น คำ ผกา ผู้เขียนอ้างว่าไม่ใช่บทวิจารณ์วรรณกรรม แต่เป็นบทความที่เขียนถึงตัวละครหญิงจากนวนิยายน้ำเน่าเป็นหลัก โดย คำ ผกา ผู้เขียนอ้างตัวว่าตัวเองก็เป็นผู้หญิงดอกทองคนหนึ่ง เลยอยากจะรู้ว่าตัวละครหญิงในนวนิยายน้ำเน่าเรื่องไหนบ้างที่จะดอกทองมากน้อยเหนือไปกว่าตัวเธอหรือไม่ (ในหลายบทมีการยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับพฤติกรรมของตัวผู้เขียนเอง) ด้วยสำนวนและลีลาการเขียนที่เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวซึ่งไม่เกรงใจใคร การเขียนแบบพูดตรง ๆ ด้วยภาษาที่เห็นชัดเจนโดยไม่ต้องตีความเพิ่ม จึงทำให้บทวิจารณ์วรรณกรรมของเธอดูโดดเด่นและแปลกแยกออกมาจากบทวิจารณ์วรรณกรรมทั่วไป ด้วยการเน้นถึงประเด็นของเพศและความเป็นหญิงตามหลักแฟมินิสต์ยิ่งทำให้บทวิจารณ์วรรณกรรมนี้ดูเหมือนจะเน้นวิเคราะห์เจาะลึกถึงตัวละครหญิงเป็นหลัก ซึงทำให้ผู้อ่านได้ประโยชน์ในแง่ของการเห็นภาพของตัวละครหญิงนั้นชัดเจนมากขึ้น
ผมขอยกตัวอย่างบางตอนจากในหนังสือชื่อ กระทู้ดอกทอง นี้ มาแสดงให้เห็นถึงลีลาและสำนวนการเขียนของ คำ ผกา ว่าแรงอย่างหนักแน่นแบบตรงไปตรงมาขนาดไหน
แต่คำตอบต่อกรณีสามีเจ้าชู้หรือปัญหาอันเกิดจากความบกพร่องต่าง ๆ นานาของสามีนั้น ส่วนใหญ่จะแนะนำผู้หญิงที่เป็นภรรยาว่า ต้องอดทน , คนเป็นเมียนั้น น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอก , ผู้หญิงที่ฉลาดจริงคือผู้หญิงที่แกล้งโง่เป็น สรุปแล้วส่วนใหญ่จะแนะนำให้รอมชอม เอาความดีเข้าสู้ สักวันหนึ่งเขาต้องเห็น ในกรณีที่สามีเจ้าชู้หรือมีเมียน้อย มักแนะนำให้เมียหลวงทำเงียบ ๆ ไม่กระโตกกระตาก ห้ามด่า ห้ามหยาบคาย ห้ามวีนเมียน้อย ห้ามท้าตบ เสร็จแล้วไปแปลงโฉม ลดความอ้วน พูดให้น้อยลง ใส่ชุดนอนโป๊ ๆ ใส่น้ำหอม พูดอ่อนหวาน คะขา อ้อนผัวให้เป็น สามีกลับบ้านให้กุลีกุจอรินน้ำเย็น คุกเข่าถอดถุงเท้าให้ อาหารเย็นเตรียมพร้อมหอมกรุ่น พอเข้านอนก็แปลงร่างจากนางแจ๋วเป็นนางแมวยั่วสวาท เลียตั้งแต่หัวยันหัวแม่ตีนได้ก็ควรเลีย อย่างนี้รับรองว่าผัวไม่ไปไหน
(จากบทวิจารณ์วรรณกรรมเรื่อง เนื้อใน หน้า 266)
สำหรับผมอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก็ถือว่าเป็นงานวิจารณ์วรรณกรรมที่มีเอกลักษณ์เล่มหนึ่ง แน่นอนว่าผมไม่เคยอ่านงานวิจารณ์ในประเด็นและสำนวนแรง ๆ ในลักษณะแบบนี้มาก่อน สำหรับการวิจารณ์วรรณกรรมทั่วไปนั้นส่วนใหญ่จะวิเคราะห์ถึงกลวิธีทางการเขียนวรรณกรรมเป็นหลัก โดยบทวิจารณ์วรรณกรรมทั่วไปมักจะทำหน้าที่ค้นหาสัญลักษณ์ที่แฝงอยู่ในเรื่องเพื่อนำออกมาเสนอให้แก่ผู้อ่าน หรือไม่ก็เน้นที่จะวิเคราะห์ไปถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ระหว่างบรรทัดของนวนิยายเรื่องนั้น ๆ ซึ่งบทวิจารณ์ของคำ ผกา นี้ก็ทำหน้าหลักนี้ด้วยเช่นกัน แต่ภาษาการเขียนที่ใช้วิจารณ์ดูเหมือนว่าจะพูดตรง ๆ แรงแบบไม่แคร์สื่อ และไม่เกรงใจใครเลย ผมเชื่อว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบงานของคำ ผกา แน่ ๆ เพราะว่าการวิจารณ์ของเธอนั้นถ้าไม่ชอบนวนิยายเรื่องไหนก็จะบอกออกมาตรง ๆ เลย แต่ถ้าเธอชอบนวนิยายเรื่องไหนเธอจะไม่บอกตรง ๆ ว่าชอบแต่จะพยายามพูดและยกตัวอย่างที่ดี ๆ จากเนื้อเรื่องมาให้ผู้อ่านทราบ จึงถือว่าเป็นการวิจารณ์ที่แสดงความเอนเอียง(ชอบ/ไม่ชอบ)ได้อย่างชัดเจน
นอกจากนั้น คำ ผกา ยังพูดถึงนวนิยายแนวพาฝันประโลมโลกของไทย ที่ใคร ๆ เรียกว่านิยายน้ำเน่านั้น จริง ๆ แล้วถือว่ามีประโยชน์เป็นอย่างมากแก่ผู้อ่าน เพราะนอกจากจะให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่านแล้ว นวนิยายเหล่านั้นยังทำหน้าที่สะท้อนสังคมในแต่ละช่วงเวลาได้เป็นอย่างดี ตัวละครที่เป็นทั้งนางเอกและพระเอกนั้นยังทำหน้าที่เป็นตัวตนในอุดมคติของคนในสังคมนั้น ๆ ด้วย จึงทำให้เรื่องราวของนวนิยายแต่ละเรื่องเข้าไปอยู่ในใจของผู้อ่านได้ นวนิยายเรื่องนั้นจึงมีความผูกพันกับผู้อ่านมากยิ่งขึ้นด้วย
สำหรับท่านใดที่ชอบอ่านงานวิจารณ์วรรณกรรมแล้วก็น่าจะลองหาหนังสือเล่มนี้มาลองอ่านดูนะครับ ถ้าท่านได้อ่านแล้วคงจะมีความรู้สึกว่างานวิจารณ์วรรณกรรมนั้นไม่ได้มีอยู่แค่รูปแบบเดิม ๆ เท่านั้น ยังมีงานวิจารณ์วรรณกรรมที่พยายามเจาะลึกในด้านอื่น ๆ (เช่น ด้านตัวละคร) อีกด้วย งานวิจารณ์วรรณกรรมในหนังสือ กระทู้ดอกทอง นี้ นอกจากจะทำหน้าที่ของนักวิจารณ์แล้ว คำ ผกา ยังทำหน้าที่ช่วยคนเขียนสะท้อนสังคมให้มากขึ้น ด้วยการยกประเด็นตัวอย่างเอามาตั้งเป็นคำถามเพิ่มให้แก่ทั้งผู้อ่านและสังคมด้วย ดังจะเห็นในตอนท้ายของบทในแต่ละตอนที่ คำ ผกา มักจะโยนคำถาม(ที่นอกเหนือจากในเรื่อง)ทิ้งไว้ให้ขบคิดต่อเสมอ
สำหรับหนังสือชื่อ กระทู้ดอกทอง ในมือผมเล่มนี้เป็นของสำนักพิมพ์อ่าน ซึ่งเป็นการพิมพ์รวมเล่มเป็นครั้งที่สอง ในเดือนมีนาคม 2556 (พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกเป็นของแพรวสำนักพิมพ์ เดือนตุลาคม 2546) ขนาดความหนาเท่า ๆ กับนวนิยายเรื่องยาวเล่มหนึ่งที่มีจำนวนหน้า 478 หน้า รวมบทวิจารณ์วรรณกรรมเกือบ 70 ตอน ด้วยราคาปก 350 บาท ท่านผู้สนใจถ้าเจอที่ไหนก็ลองหาซื้อมาอ่านกันดูนะครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านรีวิวหนังสือของผม ขอให้ท่านมีความสุขกับการอ่านหนังสือนะครับ
Create Date : 07 มีนาคม 2558 |
Last Update : 7 มีนาคม 2558 0:09:21 น. |
|
14 comments
|
Counter : 4677 Pageviews. |
|
|
เพราะว่าต้องเอาไปคืนก่อนน่ะ่ะ แต่ว่าชอบเลยล่ะค่ะ
เพราะว่าเค้าใช้คำตรงและแรงดีเลยค่ะ