(Review)Openrice Exclusive Dinner@Water Library Brasserie+Godfather
ชื่อร้าน : Water Library Brasserie + Godfather
รายการอาหาร : ไวน์ , อาหารฝรั่งเศส
เวลาเปิดบริการ : Mon.-Sun. 10:00-22:00
ที่ตั้งร้าน : Central Embassy ชั้น 5 และ ชั้น 4, กรุงเทพมหานคร ปทุมวัน Thailand
พิกัด GPS : 13° 44' 38.22"N 100° 32' 47.91"E






สวัสดีครับพี่น้อง

วันนี้ขอมาอัพรีวิวค้างสักหน่อยครับ=w=
มีโอกาสได้ไป Openrice Exclusive Dinner@Water Library ที่ Central Embassy มาครับ 


ถ้ามาจากBTSเพลินจิตก็มาทางออกที่ 5 จะมาทางเชื่อมจากSky-walkเข้าห้างได้เลยครับ


ทางเชื่อมเข้าห้างครับ 
ห้างนี้คนไม่เยอะเน้นกลุ่มลูกค้าโฮโซวว์ =w= ครับ


แต่ร้านนี้ตกเย็นลูกค้าเยอะพอสมควรเลยครับ ร้านอยู่ที่ชั้น5ครับขึ้นบันไดเลื่อนก็จะเจอร้านโดดเด่นเลย 


ร้าน Water Library Brasserie ครับ ที่ Openrice Exclusive Dinner เชิญมาครั้งนี้ครับ


เมนูหน้าร้านสักหน่อยครับ


หน้าร้านมีลูกค้านั่งอยู่ เลยขอมาเก็บบรรยากาศส่วนในร้านสักเล็กน้อยครับ




บรรยากาศของร้านจะธีมออกแนวห้องสมุด(เพราะเจ้าของมีธุกิจเกี่ยวกับห้องสมุดด้วยครับ) มีน้ำแร่จากทั่วโลกและ 
แก้วไวน์เกรดสูงประดับ ตามชื่อร้านออกแนวเรโทรๆวินเทจๆเก๋ๆ ครับ


ผมไม่เคยไปสาขาที่จามจุรีสแควร์เหมือนกันแต่เห็นว่าเด็ดกว่านี้อีกอูววว




เก็บบรยากาศมาได้นิดหน่อยขอไปที่โต๊ะเลยดีกว่าครับ



มาเลทสุดเลยมั้งแหะแหะเริ่มปารตี้กันแล้ววว ไงๆก็ขออภัยทุกท่านในภาพด้วยนะครับ


หลังจากพิธีเปิดงานเรียบร้อยก็ขอสั่งเครื่องดื่มซะหน่อยครับผม


ส่วนเมนูสำหรับ Openrice Exclusive Dinner ครั้งนี้เป็น Course ดังนี้เลยครับเป็นเมนูที่(ตอนนั้น)ยังไม่มีในเมนูเลยครับ


เครื่องดื่มแรกมาเสิร์ฟก่อนเลยครับรวดเร็วมาก [Fresh Orange Juice] นางเอ๊กนางเอกครับ รสชาติดี๊ดีตามสไตล์


เมนูแรกที่มาเสิร์ฟเป็น Complimentary Menu ของทางร้านครับ [Potato Bread] เสิร์ฟพร้อม [Butter Truffle] ครับ


เนยเห็ดTruffleที่แสนแพงเป็นสูตรพิเศษของร้านทำเองเลยครับทำสดๆใหม่ๆทุกวันนี่ขนาดเมนูฟรีของทางร้านนะเนี่ยไม่ธรรมดาเลย


ขนมปังชิ้นกำลังน่ารักน่าทาน ไม่นุ่มไม่แข็งไปกำลังดีทาด้วยเนยเห็ดทรัฟเฟิล หอมหวานมัน เรียกน้ำย่อยได้แบบว่าเกือบอิ่มเลยทีเดียว(อ่าว!?)



ส่วนเครื่องดื่มที่รีเควสไปอีกแก้วคือบูลเกลอโซ่โซดาครับ

ไม่มีในเมนูแบบว่าขอสีสวยๆมาถ่ายเล่นฮ่าๆ บาร์ที่นี่รีเควสได้ครับไม่ต้องเป๊ะๆตามเมนู สดชื่น ฟุดๆ มีกลิ่มส้มแอบมาด้วย


เมนูเริ่มแรกก็คือ [Ravioli of Lobster and Scallops] ครับ เป็นราวิโอลี่ไส้หอยเชลล์และลอบสเตอร์บดรวมกันครับ


ราดด้วยซอสเห็ดทรัฟเฟิล ด้านบนมี Artichokesอบมาด้วยทานแล้วอร่อยกรุบๆกรอบๆหอมซอสเห็ดทรัฟเฟิลสี่ผ่านเลยค๊าบ


มาต่อกันด้วย Main Course ครับ ผมเลือกเป็น [Crispy Tasmanian Salmon] ครับ




เป็นสเต็กปลาแซลมอน ซูวีแล้วย่างมาสวยสดงดงามมากครับ หนังปลากริลมาได้กรอบอร่อยหอมฟินสุดๆ เสิร์ฟพร้อมครีมผักโขม
มันฝรั่งบดผสมเนื้อปู คู่กับครีมซอสมะเขือเทศ ฟินสุดๆครับชิ้นใหญ่จุใจมากครับสมเป็น Main Course มากครับ


อย่างเพลินเลยครับ หงับ ๆ ๆ


ส่วนนี่เป็นMain Course ของท่านข้างเคียงครับยืมถ่ายรูปฮ่าๆ [Rack of Australian Lamb] ครับ ชิมไปนิดนึงเนื้อนุ่มไม่เหนียวแทบไม่มีกลิ่นสาปเลยครับ


ส่วนนี่ก็ Main Course ของท่านเยื้องๆอีกละ55+ [Lobster Pasta]ครับ เส้นCapellinisoหนุบหนับอร่อยมากๆLobsterแน่นๆซอสก็อร่อยมากครับชิมไปนิดนึง

อิ่มอร่อยกำลังดีแล้วก็มาต่อด้วยของหวาน [Chocolate Coupe] ครับ


เป็นไอศครีมช็อกโกแลตและกล้วยสไลด์ ข้าวพองอบกรอบเคลือบคาราเมล บราวนี่ เมอแรงค์ราดผงช็อคโกแลต
หวานๆกรอบๆ ฟินตรงข้าวพองเคลือบคาราเมลมาก รวมๆหวานจัดจ้าน แต่ไม่ถึงกับแสบคอครับ แอบชอบอยู่


และยังมีเมนูพิเศษปิดท้ายมาอีก [Apple Tart Tatin] ครับ เสิร์ฟพร้อมไอศครีมวนิลา


แอปเปิ้ลทาร์ท ชิ้นเบ้อเริ่ม ฟูกรอบอร่อยมากๆ ราดด้วยคาราเมลและอัลมอนด์


ทานควบคู่กันทั้งหมดอร่อยลงตัวหวาน มีเปรี้ยวจากแอปเปิ้ลแซมนิดๆหอมกรอบลงตัว โอเคเลยครับ


จบมื้อนี้แบบฟินๆกันน่าจะทุกท่านครับก็เปิดตัว Chef หน่อยครับ (ขออภัยผู้ร่วมทริปอีกครั้งนะครับ :P)


Chef ประพันธ์ สากลปัญญา ครับ


ขอบคุณที่รังสรรคอาหารมื้อนี้ได้ประทับใจกันทั่วหน้าครับ และก็กล่าวปิดมื้อนี้ไปอย่างฟินๆ กับOpenrice Exclusive Dinner
ในส่วนของ ร้านWater Library Brasserieครับ...
..
.
และทริปนี้ยังไม่จบครับ
ทาง 
Openrice Thailand ก็พาพวกเราไป Wine tasting กันต่อ...


กับร้านในเครือเดียวกันชื่อร้านว่า "GODFATHER"


ร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 4 ครับ




ร้านGodfatherเป็นร้านที่นำเข้าไวน์ วิสกี้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชั้นดำระดับพรีเมียมมทั่วทุกมุมโลกทั้งหายากๆมาไว้ที่นี้ครับ


ธีมของร้านจะออกไปในทางเจ้าพ่อๆ มาเฟียๆสมกับชื่อร้านครับ





ราคาอะไรยังไงแอบส่องๆกันเองเลยนะครับ XD หรือติดต่อสอบถามทางร้านได้เลยครับ


มากมายหลฃายยี่ห้อละลานตาครับ + + ยังมีห้องลับอีก..เดี๋ยวพาไปชมครับ



ออกตัวก่อนส่วนตัวไม่ถนัดสายนี้อย่างแรงครับแต่เป็นExclusive Dinnerต่อเนื่องครับ แอบขอสละสิทธิ์ให้ท่านชำนาญๆก่อนแล้ว

ขอเข้าไปในกิจกรรมเลยครับเริ่มกันไปแล้ว คุณเอ จากGodfatherกำลังบรรยายเกี่ยวกับแก้วคริสตัลของทางร้าน

แก้วระดับพรีเมียมของทางร้านราคาไม่แน่ใจครับน่าจะราวๆ2500-3000เลยทีเดียว เทสโชว์กระทบกันเสียงอย่างเพราะพริ้ง(และเสียวเสียหายมาก55+)


ปกติห้องนี้เป็นห้องพิเศษเฟอนิเจอร์ทั้งร้านทำจากไม้โอ๊คแท้ๆทั้งหมดเพื่อให้ได้ดื่มด่ำบรรยากาศและความเป็นส่วนตัว
ลูกค้าที่ขอให้เพียงมียอดซื้อ 10,000 บาทและจองล่วงหน้า1วันขึ้นไปครับ


หน้าตาเหล่าหนุ่มๆที่จะมาให้เรา Tasting กันรอบนี้ครับ มี 5 แบบ โดยแบ่งเป็น Sparkling Wine, White Wine และ Red Wine


และมีคุณต้น ระดับ Sommelier มาคอยให้ความรู้และบรรยายเกี่วกับกิจกรรมWine Tasting ของ Godfater วันนี้ครับ

เริ่มกันเลยครับ




เริ่มจาก Sparkling Wine ครับ Giusti Prosecco Millesimato 2012, Italy ส่วนรสชาติใดๆผมไม่ฝืนเขียนละกันครับ55+



ส่วนแก้วสองนี้เป็นไวน์ขาวครับ Shaky Ground Marlborough Sauvignon Blanc 2013, New Zealand


ตัวนี้แอบชอบครับกลิ่นฝรั่งนำมาเลย ทานง่ายดีครับ


ส่วนถัดมายังเป็น White Wine อยู่ครับ Layer Cake Virgin Chardonney – Central Coast 2009, America ครับ



ทุกคนดูครื้นเครงแฮปปี้กันรัวๆ


ถัดมาก็เข้าสู่Red Wine ครับ Casas Patronaies ‘Chucaro’ Carmenere 2012, Chile


ตัวนี้ก็อร่อยดีครับกลิ่นผลไม้ กลื่นองุ่นหอม ดื่มแล้วยังกรุ่นๆอยู่ในปาก

เริ่มมึนจนถ่ายผิดๆ ถูกๆ 


ตัวนี้คือ Peppercorn Lane Shiraz 2010, Australia ครับ ถูกปากครับไวน์แดงนี่ทานง่ายอร่อยดีจริงๆ


และขวดนี้เป็น Special Red Wine ถึงขนาดคุณต้นยังดีใจที่ได้เปิดชิมกันเลยทีเดียว


Reference Book ครับมีพิเศษที่ร้าน Godfather ที่เดียวครับ


พรีเมียมฟินๆสมชื่อคอไวน์แท้ๆชมกันระนาว ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ ราคาทั้งหมดแอบไม่ชัวร์ไว้ติดต่อสอบถามทางร้านดีกว่าครับ


น่าจะเป้นระดับผู้บริหารมาเยี่ยมชมครับตอนนั้นกริ่มๆละฟังชื่อไม่ทัน55+

คุณต้นกำลังบรรยายประวัติความเป็นมาของไวน์ทุกๆขวดครับ ทุกผลิตภัณฑ์นี่มีสตอรี่เรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดเลย ฟังเพลินเลยครับ


จากนั้นก็คุยแลกเปลี่ยนกันเฮฮาครับผมไม่ค่อยรู้เรื่องออกมาเก็บภาพต่อดีกว่า :P เห้นว่ามุมนี้เป้นเครื่องดื่มสำหรับสาวๆครับ




เป็นแบบแอลกอฮอลล์ไม่เยอะครับ แอบอยากลอง55+


และก็ขอเยี่ยมชมห้องนี้หน่อยครับ อลังกาลงานสร้างมากๆ


และที่เด่นเป็นสง่า คือ Johnnie Walker BLUE LABEL ที่ถูกนำมารีดีไซน์เพื่อความเป็นสิริมงคล 
“THE THREE GODS OF WEALTH, THE THREE ROADS TO PROSPERITY” เทพเจ้านำโชคของจีน “ฮก” “ลก” “ซิ่ว” 
ตัวแทนแห่งความเจริญรุ่งเรือง โชคลาภ และ อายุยืน มีแค่ 118 ชุดในโลกครับ ในไทยน่าจะมีไม่กี่ชุดครับ




เห็นว่ากรีนด้วยทองคำแท้ครับ กี่เคจำไม่ได้ละ55+


ราคาครับ สวยง๊ามมม





บรรยากาศรวมๆนะครับ ยั่วน้ำลายสายนี้กัน


ในตู้แช่นี่เปิดมาตกใจ(ราคา)เลยครับ รสชาติเป็นไงเนี่ยยย


ส่วน 2008 Amuse Bouche, Napa Valley ขวดนี้อยู่ในลังไม้สวยงาม ทางร้านแจ้งว่าโดนจองหมดแล้ว


หมุนดูราคาเบาๆ ^^


ก็จบกันไปสำหรับกิจกรรมพิเศษๆ OpenRice Exclusive Dinner ครั้งนี้ครับขอขอบคุณที่เชิญมานะครับ แอบไม่ใช่สายนี้ตรงๆ 
ขออภัยในหลายๆเรื่องครับ อัพช้าด้วย55+ มาเปิดไหรูปก็ปั่นสองวันจบเลย แอบลืมๆ รสชาติไปเยอะอยู่ ><  
และขอขอบคุณผู้ร่วมทริปทุกท่านด้วยครับ

สำหรับเพื่อนพี่น้องท่านใดอยากลองไปลิ้มรสระดับPremiumๆ บริการดีทั้ง Water Library Brasserie และ Godfather ลองติดต่อสอบถามกับทางร้านดูเลยนะครับ

ขอบคุณทุกท่านสำหรับCommentนะครับ
เจอกันโอกาสถัดไปครับผม




Create Date : 07 สิงหาคม 2558
Last Update : 10 สิงหาคม 2558 22:57:11 น.
Counter : 3269 Pageviews.

1 comments
  
ร้านแรกน่าหม่ำจุงเบยยย หรูหราสมอยู่ในห้างไฮโซ
โดย: Miinnii IP: 49.230.237.194 วันที่: 9 สิงหาคม 2558 เวลา:13:17:40 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

akuchan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]







Group Blog
All Blog