(Review) ครัวสุขดี Seafood&Delivery ร้านอาหารซีฟู๊ดเด็ดๆ @ พระรามสอง ซอย28
ชื่อร้าน : ครัวสุขดี Seafood&Delivery
รายการอาหาร : ไทย,ซีฟู้ด,จีน , มีบริการจัดส่งDelivery
เวลาเปิดบริการ : 11.00 - 22.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
ที่ตั้งร้าน : 67/84 ซอยพระราม2 ซอย28 แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กทม. 10150, กรุงเทพมหานคร จอมทอง Thailand
พิกัด GPS : 13° 41' 10.15"N 100° 27' 47.27"E







  สวัสดีครับ

รอบนี้ขอมาแนะนำร้านอาหารซีฟู๊ดร้านที่ชื่อว่า"ครัวสุขดี Seafood&Delivery"


ร้านนี้ตั้งอยู่ในซอยพระราม๒ซอย28ครับ (รูปจากGoogle StreertView)


เข้าซอยมาประมาณ 3-400 เมตร ผ่านสะพานข้ามคลอง(คลองลัดเช็ดหน้า) ก็เตรียมหาที่จอดได้เลยครับผม




ร้านเป้าหมายของเราอยู่ฝั่งตรงข้ามนี้แล้วววว


หน้าร้านครับ


มีป้ายบอกเมนูแนะนำด้วยครับ สั่งอะไรดีๆ




บรรยากาศร้านดูดีกว่าที่คิดไว้อยู่ครับ ขออนุญาตเก็บภาพรวมๆ มาให้ชมก่อนนะครับ


หลบๆ ลูกค้าที่นั่งทางอยู่มาหน่อย... มีศาลาชิลล์ๆสไตล์ ให้เลือกนั่งด้วยนะครับ





มีสนามเด็กเล่นด้วย เพลินน้องๆหนูๆละทีนี้ สมชื่อร้านเอาชื่อของลูกสาวเจ้าของร้านมาตั้งครับเอาใจเด็กๆมากๆร้านนี้


มีโซนห้องแอร์ของร้านด้วยนะครับ ขอเข้าไปเก็บบรรยากาศหน่อยนะครับ




บรรยากาศในร้านตกแต่งได้มุ้งมิ้งน่ารักดีครับ 


ในโซนนี้มีโต๊ะรองรับราวๆ 9 ชุด ครับ


มีน้องหมีไว้ให้อิงกอดเซลล์ฟี่เหมาะอีกตังหากถูกใจสาวๆแน่ๆ


ฝั่งนี้ก็มีโพสท่าสวยเชียว


โมเดลเครื่องบินเยอะเลยเพราะทางเจ้าของร้านเคยเป็นกัปตันขับเครื่องบินมากก่อนด้วยครับ เลยพกความอร่อยจากหลายๆที่มาที่ร้านนี้ด้วย


ส่องเมนูหน่อยครับร้านนี้มีโปร 799.- เลือกสั่งได้ 4 อย่าง
โดยในหนึ่งหมวดสามารถเลือกอาหารได้ 3 รายการครับ แต่ละรายการก็สามารถเลือกได้ว่าจะปรุงแบบไหน
จะทานปลากระพงทอดน้ำปลา กุ้งผัดพริกขี้หนู ห่อหมกทะเล ต้มยำกุ้งน้ำข้น หรืออื่นๆ ก็เลือกได้ตามที่ชอบเลยครับ
นอกจากนี้แล้ว เซ็ทนี้ยังเสิร์ฟข้าวสวยอีก 4 จาน เซ็ทแบบนี้ เหมาะมากๆสำหรับท่านที่มาเป็นครอบครัว อิ่มแบบคุ้มค่าครับ 


หรือเซ็ทเมนูในราคา 599 บาทก็มีให้เลือกครรับ




พูดแล้วก็หิวแล้วอาหารที่สั่งทยอยมาเสิร์ฟละครับ

ต้มยำกุ้ง เป็นต้มยำกุ้งน้ำข้นนะครับ ราคา 180 บาท ใส่กุ้งแชบ๊วยตัวโตๆ 

และความพิเศษคือ ในน้ำต้มยำมีเนื้อมะพร้าวใส่อยู่ด้วย เพื่อเพิ่มรสชาติและความหวานแบบธรรมชาติครับ

กุ้งผัดพริกขี้หนู เมนูนี้ 150 บาทเท่านั้น แต่ใช้กุ้งแชบ๊วยไซส์ใหญ่เลยครับ 


โดยนำกุ้งที่ผ่าหลังเรียบร้อยแล้วไปผัดกับพริกขี้หนูสด จานนี้รสชาติจัดจ้านมากๆ กุ้งก็เนื้อแน่น อร่อยมากครับ 

ถ้าอยากได้แบบเผ็ดๆ จัดจ้านนี่สั่งเพิ่มด้วยนะครับ ผมสั่งแบบเผ็ดน้อยมาถูกใจมาก แนะนำเลยพลาดไม่ได้ครับ


ยกมากันต่อกับ ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน ราคา 180 บาทครับ ถ้าสั่งห่อหมกธรรมดาไม่ใส่ลูกมะพร้าว ราคา 170 บาทครับ


ห่อหมกที่อัดแน่นไปด้วยหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้ง ปลาหมึก และเนื้อปลา เสิร์ฟมาในลูกมะพร้าว 


ทานเผ็ด หรือไม่เผ็ด สามารถรีเควสได้เลยนะครับ ผมว่าห่อหมก ทานพร้อมกับกุ้งทอดอัลมอนด์ อร่อยมากครับ


จานต่อมา มาแบบทูอินวันเลยครับ ชื่อเมนูว่า ปลากะพงสองหน้า
สำหรับเมนูปลา ถ้าทำแค่อย่างเดียว เช่นทอดน้ำปลา สามรส หรือราดพริก จะอยู่ที่ 299 บาท
แต่ถ้าตัวเดียวทำสองอย่าง คิดเพิ่มแค่ 30 บาทเท่านั้นครับ



วันนี้ผมเลือกทำสองอย่าง ด้านนึงเป็นปลากะพงทรงเครื่อง อีกด้านเป็นปลากะพงราดพริกครับ
โดยทางร้านใช้ปลากะพงไซส์ 8-9 ขีด ด้านที่ราดพริกก็เผ็ดหวาน ด้านทรงเครื่องก็อร่อยจัดจ้านครับ


มาต่อกันที่เมนูสุดฮิตครับ ออมเล็ตปูกะหล่ำปลีทอดน้ำปลา เห็นพูนจานแบบนี้ ราคา 120 บาทเท่านั้นครับ!




โดยทางร้านได้นำกะหล่ำปลีที่แกะเรียบร้อยแล้ว ไปฉ่ากับน้ำปลาในกระทะ แล้วรีบนำขึ้นเพื่อไม่ให้เสียความกรอบ
แล้วทำออมเล็ตเนื้อปู ที่ใส่ปูก้อนชิ้นใหญ่ๆ มาราดลงบนกะหล่ำ ตักกะหล่ำปลี แล้วท็อปปิ้งด้วยออมเล็ตปู
ได้รสชาติเข้มข้นจากกะหล่ำปลีและความหอมมันจากออมเล็ตปูอร่อยลงตัวครับ


ต่อกันด้วย โรตีแกงเขียวหวาน ราคา 140 บาทครับ


แผ่นโรตีเนื้อแน่น ทอดจนกรอบหอมเลยครับ


ทานกับแกงเขียวหวาน เป็นแกงหมูนะครับ น้ำแกงเขียวหวานจะข้นๆหน่อยครับ
แต่ผมว่าทานกับโรตีแล้ว อร่อยกว่าทานกับข้าวสวยตามปกติอีกนะครับ จานนี้ชอบเลยครับ


อีกจานที่ยกมา ดูแปลกตามากๆครับ กุ้งทอดอัลมอนด์ ราคา 180 บาทเท่านั้น ได้กุ้งตัวโตขนาดนี้ คุ้มจริงๆครับ


จานนี้ใช้กุ้งแชบ๊วยคัดไซส์พิเศษเช่นเดียวกับจานอื่นๆครับ โดยนำกุ้งสดมาชุบกับแป้งที่ผสมกับอัลมอนด์ฝานบางๆ แล้วลงทอดในน้ำมันจนเหลืองกรอบ
โดยจะได้รสชาติอร่อยจากแป้งที่ผสมไว้ รวมกับความกรุบกรอบของอัลมอนด์ฝาน และเนื้อแน่นๆของกุ้ง แนะนำให้สั่งเลยครับ


เริ่มทานเลยดีกว่า เอาแกงเขียวหวานราดบนโรตีแล้วทานเลยครับ


เมนูกุ้งร้านนี้ตัวใหญ่ถูกใจจริงๆครับ คนชอบกุ้งรับรองเลยว่าไม่ผิดหวัง


ไม่พอเบิ้ลกุ้งทอดอัลมอนด์มาอีกจานครับรอบนี้ให้อัลมอนต์มาสะใจมากฟินเลย


ออส่วนกรอบร้านนี้ก็ทำได้นะครับไม่อมน้ำมัน อร่อยใช้ได้เลยครับ


ร้านนี้เอาใจเด็กกระทั่งมีชุดกล่องข้าวให้เด็กๆ เป็นลายน้องม๋า ขอเพิ่มได้ไม่คิดตังค์สำหรับใช้ในร้านเท่านั้นนะครับ55+
...
..

ทานอาหารคาวเสร็จแล้วมาต่อด้วยของหวานกันดีกว่าครับ


โรรตีนมข้นหวาน แผ่นละ 35 บาทครับ ส่วนไอศกรีมโฮมเมด ลูกละ 25 บาทครับ
ผมสั่งไอศกรีมมาสามลูก มีรสช็อกโกแลต สตรอวเบอร์รี่ และชาเขียวครับ


แป้งโรตีแผ่นนี้เป็นอันเดียวกับที่ใช้ในเมนูโรตีแกงเขียวหวานนะครับ
แต่แบบที่ทานกับแกงเขียวหวานจะทอดมาแบบเนื้อแน่นๆ แต่สำหรับแผ่นนี้จะทอดมาแบบฟูๆครับ


ทานกับไอศกรีมโฮมเมดแล้วอร่อยเข้ากันดีครับ


สรุปแล้วก็พุงตึงอัดแน่นไปด้วยความครบรสไปอีกมื้อครับกับร้านนี้ไม่ผิดหวังสมคำล่ำลือจริงๆ
ซอยนี้เคยผ่านหลายทีแล้วแต่ไม่ได้สังเกตุร้านนี้เลยไปคนละฝั่งกับที่เดินทาง แต่พอได้ลองแล้วเป็นร้านประจำอีกแน่นอนครับ

เพื่อพี่น้องท่านใดสนใจหรืออยากลองแวะไปลองสอบถามได้ที่หน้าเพจของร้านดูได้เลยครับ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและCommentครับ
เจอกันโอกาสหน้าครับ





Create Date : 01 ธันวาคม 2560
Last Update : 3 ธันวาคม 2560 4:14:09 น.
Counter : 7878 Pageviews.

3 comment
(Review) "Chateau de Prim เขาใหญ่" วิลล่าสุดหรู สไตล์ยุโรป
สถานที่ท่องเที่ยว : Chateau de Prim Khao Yai, นครราชสีมา Thailand
พิกัด GPS : 14° 35' 30.67"N 101° 24' 18.98"E







สวัสดีครับ

วันนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้างครับ ใกล้เข้ามาแล้วกับฤดูหนาวที่หลายคนคิดถึง
ขอพาทุกท่านไปพบกับวิลล่าสุดหรู "Chateau de Prim" ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติในหุบเขา
ไม่ไกลจากกรุงเทพเลย แค่ปากช่อง จ.นครราชสีมานี่เองครับ



มาถึงแล้วครับ ขอบอกเลยว่าพื้นที่กว้างจริงๆ


"Chateau de Prim" เป็นวิลล่าสไตล์ยุโรป พร้อมสวนแบบอังกฤษ
เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการมาพักผ่อนแบบสงบๆ หรือจะมาจัดกิจกรรม Outing group ก็สามารถทำได้นะครับ
ทางบ้านพักสามารถรองรับแขกได้ 6-18 ท่านครับ


ด้านในก็กว้างขวางไม่แพ้ด้านนอกครับ และนี่เป็นแค่ห้องนั่งเล่นเท่านั้น


ถัดมาจะเป็นห้องครัว ที่มีเครื่องครัวครบครัน รวมไปถึงบาร์น้ำ และมีโต๊ะทานข้าวขนาดใหญ่ด้วยครับ


มาถึงห้องนอนที่เราจะได้เข้าพักในวันนี้แล้วครับ


เตียงขนาดคิงไซส์ครับ นอนสบายหายห่วง




ด้านนอกเป็นวิวสวนครับ ถ้าห้องนอนอีกฝั่งหนึ่งจะได้วิวสระว่ายน้ำครับ


ประตูด้านขวามือเป็นห้องแต่งตัวครับ ไฮโซมากๆ


มีพร้อมทั้งตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับคุณผู้หญิงครับ




ถัดจากห้องแต่งตัว จะเป็นห้องน้ำและห้องอาบน้ำแบบฝักลัว ที่แยกส่วนแห้งกับส่วนเปียกครับ
ห้องน้ำฝั่งนี้จะไม่มีอ่างอาบน้ำนะครับ แต่อีกฝั่งหนึ่งจะมีอ่างอาบน้ำจากุซซี่ด้วยครับ

เนื่องจากวันนี้มาถึงก็เป็นช่วงเย็นมากแล้ว จัดการเอาข้าวของไปเก็บแล้วขอเดินชมสวนที่เราเห็นจากห้องนอนก่อนแล้วกันครับ




ลองเดินเข้าไปดูในสวนกุหลาบกันครับ






เนื่องจาก host ของ "Chateau de Prim" ชอบดอกกุหลาบมากๆ
เลยขยันหากุหลาบต่างสายพันธุ์มาปลูกและดูแลด้วยตัวเอง ตอนนี้กำลังออกดอกบานสะพรั่งเลยครับ


เดินถัดมาอีกนิด จะเจอน้ำพุ และวิวสวยๆเป็นฉากหลังครับ






ด้านหลังของน้ำพุจะมีสวนกุหลาบอีกหนึ่งสวนครับ สวนฝั่งนี้จะมีวิวภูเขาอยู่ด้านหลังครับ
เดินชมตอนเย็นๆที่พระอาทิตย์ใกล้ตก สวยงามมากๆครับ






นอกจากสวนกุหลาบทั้งสองสวนแล้ว ยังมีสวนกลางแจ้งที่มีพื้นที่กว้างใหญ่
เหมาะสำหรับหมู่คณะที่มาทำกิจกรรมนอกสถานที่ หรือจะกางเต๊นท์นอนในบริเวณนี้ก็ได้นะครับ
"Chateau de Prim" มีเต๊นท์ให้บริการครับ


เดินชมสวนจนหนำใจแล้ว ก็ได้เวลาของอาหารเย็นครับ วันนี้ทานกันที่เฉลียงหลังบ้านนี่เลย












วันนี้ผมรีเควสไปกับ host ว่าอยากทานบาร์บีคิวหมู ส่วนอาหารอื่นๆให้ host จัดเตรียมให้ตามความเหมาะสมครับ
ซึ่งที่ host จัดให้วันนี้ก็จะมีกุ้งเผา ปลานึ่งมะนาว เนื้อย่าง และซี่โครงหมูย่างครับ 

สำหรับมื้อเย็นที่ "Chateau de Prim" นั้น ลูกค้าที่มาพักสามารถเลือกได้นะครับ
ถ้านำของสดมาทำเอง ในบ้านพักจะมีส่วนที่เป็นครัวที่ท่านสามารถปรุงอาหารเองได้เลย รวมถึงมีเตาปิ้งบาร์บีคิวสำหรับท่านที่ชอบอาหารปิ้งย่างด้วยครับ
แต่ถ้าท่านใดไม่สะดวกทำอาหารเอง สามารถรีเควสกับทาง host ได้เลย host จะจัดการเรื่องอาหารให้ครับ
ในส่วนของบาร์บีคิว ก็มีให้เลือกทั้งบาร์บีคิวซีฟู๊ด (ท่านละ 1200 บาท) บาร์บีคิวซีฟู๊ด+หมู+ไก่ (ท่านละ 1600 บาท) และบาร์บีคิวหมูหรือไก่ (ท่านละ 600 บาท)ครับ




เริ่มกันเลยดีกว่าครับ!




เริ่มสุกแล้วครับ ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนมาก
แต่ผมว่าเตาปิ้งบาร์บีคิวนี่ต้องใช้เวลาสักพักนึงเลยกว่าอาหารจะสุก ดังนั้นเผื่อเวลาไว้ซักหน่อย 
หรือมีอาหารเบาๆทานรองท้องไปก่อนน่าจะดีนะครับ ของผม host มีข้าวผัดให้ทานก่อนครับ




เนื้อย่างสุกแล้ววว หอมอร่อยมากเลยครับ ทานร้อนๆ ตอนที่อากาศเย็นๆ แล้วดูวิวเพลินๆ อาหารอร่อยขึ้นมาอีกหลายเท่าเลยครับ


หลังจบอาหารคาวแล้ว host มีเสิร์ฟของหวานเป็นพานาคอตต้าที่ทำเองด้วยครับ


อมเปรี้ยวอมหวาน ทานแล้วสดชื่นดีครับ ใช้วานิลาแท้ๆด้วยนะครับ หอมอร่อยมากๆ

หลังจากอิ่มฟินพุง host ก็ชวนไปผิงไฟที่เตาผิงกลางแจ้งครับ
เนื่องจากว่าอากาศก็เริ่มหนาวแล้ว และผมเองก็ไม่เคยผิงไฟกลางแจ้งมาก่อนเลย (เคยเห็นแต่ใน The Sims ครับ อิอิ) 
ก็เลยขอไปลองดูซักหน่อยครับเขาใหญ่นี่ ขนาดไม่ใช่หน้าหนาว ตอนกลางคืนก็ยังหนาวมากๆเลยครับ




เคยเห็นแต่ในหนัง พอมาเจอจริงๆ ผมชอบมากเลยครับ
อากาศหนาวๆ ได้มาผิงไฟอุ่นๆ แล้วนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระ ชีวิตที่ดำเนินไปช้าๆแบบนี้ก็ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบนะครับ
เสียดายอย่างเดียว ไม่ได้เอามาร์ชเมลโล่วมาปิ้งกินแบบในหนังด้วย ;P
หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนครับ


และแล้วคืนแรกก็กำลังผ่านไปด้วยความสุขกายสบายใจไฮโซสไตล์ครับ
...
..
.

และ...ตื่นเช้ามาเดินชมสถานที่สักหน่อย ปกติช่วงเช้าๆจะมีทะเลหมอกให้ดูด้วยนะครับ
แต่วันที่ผมไป ฝนตก ก็เลยอดดู ไม่เป็นไร รอฝนหยุดแล้วเดินชนสวมเพลินๆแทนดีกว่าครับ








ตรงนี้เป็นเตาผิงกลางแจ้งที่เรานั่งกันเมื่อคืนครับ




วิวสวยมากๆเลยครับ อากาศก็ดีด้วย




เดินมาถึงสระว่ายน้ำแล้วครับ สำหรับที่นี่เป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้ง
มีทั้งสระเด็ก สระผู้ใหญ่ และสระจากุชซี่ครับ มีห้องอาบน้ำให้พร้อม รวมทั้งเตียงผ้าใบครับ








ดอกกุหลาบเยอะจริงๆครับ สวยๆทั้งนั้นเลย ลองดมใกล้ๆก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆด้วยครับ


ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว เดินกลับเข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ


เดินเข้ามาในห้องครัว host จัดเตรียมอาหารเช้าไว้ให้พร้อมแล้วครับ วันนี้เป็น American breakfast ครับ
มีทั้งไข่ดาว ไส้กรอก เบคอน ข้าวต้มซี่โครงหมูกับกุ้งแห้ง มูสลี่กับนม โยเกิร์ต
ขนมปังปิ้งพร้อมแยมและเนย กาแฟ ชา โกโก้ น้ำส้ม น้ำเปล่า และผลไม้สด ครบครันครับ

สำหรับอาหารเช้า สามารถเลือกได้นะครับ Chateau de Prim มีให้บริการทั้งอาหารเช้าแบบอเมริกัน
และอาหารไทย ที่จะเสิร์ฟข้าวต้มกับติ่มซำ หรืออยากทานอย่างอื่น สามารถรีเควสกับ host ได้เช่นเดียวกันกับอาหารเย็นครับ
หรือท่านใดจะปรุงอาหารเองก็ใช้ครัวได้ตามสบายเลยครับ


ไส้กรอกเนื้อแน่นมากครับ เบคอนก็อร่อย






ข้าวต้มกระดูกหมูกับกุ้งแห้งครับ มีต้นหอมผักชี กระเทียมเจียว และเครื่องปรุงให้ใส่ต่างหากนะครับ


สลัดผักสดและผลไม้พร้อมน้ำสลัดครับ


ขนมปังพร้อมเนยและแยม โยเกิร์ต นมสด มูสลี่ และน้ำส้มคั้นครับ
ส่วนน้ำเปล่าจะอยู่ที่บาร์น้ำด้านหลังครับ


สำหรับด้านนี้จะเป็นชา กาแฟ และโกโก้ พร้อมเครื่องปิ้งขนมปัง กาต้มน้ำร้อน และเครื่องทำกาแฟนะครับ
ชอบทานอะไร บริการตัวเองตามสบายเลยครับ


รวมๆอีกซักรูป แล้วทานกันเลยดีกว่าครับ


จัดชุดใหญ่เลย ไข่ดาว ไส้กรอก เบค่อน สลัดอีกนิดหน่อย
ข้าวต้มหนึ่งถ้วย และโกโก้หนึ่งแก้วครับ


ของเพื่อนรวมทริปจัดชุดเล็กครับ เบาๆตอนเช้า

ทานอิ่มแล้ว ขอเดินชมวิลล่าที่เราพักสักหน่อยแล้วกันครับ






จากประตูทางเข้ามาก็จะเจอกับห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่นะครับ
โซฟาขนาดใหญ่พร้อมทีวีจอแบน จะพักผ่อนดูทีวี หรือถ้าเป็นกรุ๊ป outing ก็สามารถใช้ห้องนี้ในการประชุม คุยงาม หรือสังสรรค์กันได้ครับ










นอกจากกุหลาบแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ host ของ "Chateau de Prim" ชอบมากๆก็คือ เครื่องแก้ว Porcelain ครับ
ทุกชิ้นที่มีตกแต่งในบ้านพัก host เป็นคนไปหาซื้อเองจากต่างประเทศ ถ่ายรูปเก็บไว้ได้ แต่ขอความร่วมมือไม่หยิบจับนะครับ




ในห้องนั่งเล่นก็มีเตาผิงด้วยเช่นกันนะครับ เป็นเตาผิงไฟฟ้าครับ






เดินมาทางขวามือของห้องนั่งเล่นจะเป็นห้องน้ำพร้อมส่วนอาบน้ำฝักบัวครับ

เดินถัดมาจากห้องนั่งเล่น ก็จะเจอกับห้องนอนห้องแรกครับ








ด้านในห้องมีเตียงคิงไซส์ ทีวีจอแบน เก้าอี้โซฟา เก้าอี้นั่งเล่นพร้อมโคมไฟครับ




วิวที่เห็นจากห้องนี้เป็นวิวสวนครับ




ความพิเศษของห้องนี่คือ มีห้องแต่งตัวแยกเป็นสัดส่วนด้วยครับ




ส่วนห้องอาบน้ำเป็นห้องอาบฝักบัวครับ

เดินออกมาจากห้องนอนห้องนี้ก็จะเจอห้องนั่งเล่น และเดินต่อมาก็จะเจอห้องครัวครับ




นี่คือส่วนของครัวและมุมทานข้าวที่เรานั่งกันเมื่อตอนเช้าครับ ด้านหลังจะมีประตูทะลุออกไปที่เฉลียงหลังบ้านด้วยครับ
จากตรงห้องครัวจะมีห้องนอนอีกสองห้อง เดี๋ยวเราไปดูห้องแรกก่อนเลยครับ






จริงๆแล้ว facilities ในห้องนอนทุกห้องจะคล้ายๆกัน คือมีเตียงคิงไซส์ ทีวีจอแบน โซฟา
ส่วนห้องนี้จะมีโต๊ะเครื่องแป้งเพิ่มเข้ามา เพราะไม่มีห้องแต่งตัวแยกแบบห้องด้านบนครับ


ความพิเศษของห้องนี้อยู่ที่วิวด้านนอกครับ






เปิดหน้าต่างออกไปด้านนอกจะเห็นวิวของสระว่ายน้ำและภูเขาครับ








สำหรับห้องน้ำและส่วนอาบน้ำของห้องนี้ นอกจากฝักบัวแล้ว ยังมีอ่างอาบน้ำจากุซซี่ด้วยครับ
แต่ห้องน้ำของห้องนอนนี้ จะเชื่อมต่อกับอีกห้องนอนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนะครับ
ตอนเข้ามาใช้ ล็อกประตูไม่ให้อีกฝั่งเข้ามาได้ แต่ใช้เสร็จแล้ว อย่าลืมปลดล็อคด้วยนะครับ เดี๋ยวคนจากห้องนอนอีกฝั่งจะเข้ามาใช้ไม่ได้ครับ


เดินทะลุห้องน้ำไปดูห้องนอนอีกฝั่งเลยดีกว่า









นอกจากในส่วนของวิลล่าหลังใหญ่แล้ว ทาง "Chateau de Prim" กำลังดำเนินการสร้าง French cottage แยกออกมาจากตัววิลล่า
ซึ่งมีสามห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัวเช่นเดียวกันครับ เนื่องจากภายนอกยังเก็บงานไม่เรียบร้อยดี จึงยังไม่เปิดให้เข้าพัก
แต่ด้านในเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เราไปดูกันดีกว่าครับ


















ในส่วนของ French cottage ที่กำลังสร้าง จะมีทั้งหมดสามห้องนอน พร้อมห้องน้ำในตัวครับ
สำหรับกรุ๊ปสัมมนาที่มากันเป็นกรุ๊ปใหญ่ ในวิลล่าอาจจะรองรับสมาชิกได้ไม่หมด ในอนาคตสามารถแบ่งมาพักที่ cottage และกางเต๊นท์เพิ่มในสวนได้ครับ




และแน่นอนใน cottage ก็มีครัวให้บริการเช่นเดียวกับในวิลล่าครับ

เดินสำรวจเสร็จแล้ว กลับมาที่วิลล่า host กำลังจัด High Tea Set ให้เลยครับ




ชุดชาพร้อมน้ำส้มและขนมครับ นั่งทานเพลินๆดูวิวทิวทัศน์เขาใหญ่ชิลล์ดีมากๆ
จากนั้นก็เก็บความประทับใจกลับกรุงเทพฯ ชาร์ทแบตเต็มๆไปลุยงานที่เรารักษ์กันต่อครับ 55+

เพื่อนพี่น้องท่านใดสนใจอยากไปลองพักของติดต่อสอบถามที่เพจ "Chateau de Prim" ได้เลยครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและCOMMENTครับ พบกันโอกาศหน้าครับผม











Create Date : 21 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2560 0:31:09 น.
Counter : 8383 Pageviews.

3 comment
(Review) ร้านอาหารไทยโฮมเมดสไตล์ปักษ์ใต้ อร่อย บรรยากาศเลิศ @ Love Eat Bistro(Central Embassy)
ชื่อร้าน : เลิฟอีท บิสโทร (เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่)
รายการอาหาร : อาหารไทยโฮมเมดสไตล์ปักษ์ใต้
เวลาเปิดบริการ : เปิดบริการทุกวัน 11.00 - 22.00 น.
ที่ตั้งร้าน : เซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ ชั้น5 เลขที่1031 ถ.เพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม 10330, กรุงเทพมหานคร ปทุมวัน Thailand
พิกัด GPS : 13° 44' 38.25"N 100° 32' 38.92"E





สวัสดีครับพี่น้องชาว BLOGGANG
Smiley
วันนี้ขอพาไปร้านอาหารบนห้างหรูใจกลางเมืองอย่าง Central Embassy ครับ




ถ้ามาทางรถไฟฟ้าBTSก็ลงสถานี"เพลินจิต" ครับผมสะดวกเดินสบาย




ร้านที่จะแนะนำวันนี้คือร้าน "Love Eat Bistro Restaurant" ครับอยู่ชั้น5


มาถึงหน้าร้านละครับ บรรยากาศน่าเข้ามากครับ





มีจัดset Promotion ด้วยครับน่าสนใจอยู่ 






ขอส่องเมนูหน้าร้านเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยครับ น่าทานทั้งนั้น ราคาก็โอเคเลยสำหรับระดับEmbassyนี้


ขอเก็บภาพบรรยากาศร้านบางส่วนหลบๆๆ ลุกค้าที่นั่งอยู่มาให้ชมสักหน่อยละกันครับผม



ตกแต่งบรรยากาศร้านได้สวยดีมากๆครับ



เน้นสไตล์ๆเรโทรสบายๆ 


ชมวิวสวยๆในตัวเมืองไปทานอาหารอร่อยๆไป คุ้มค่าเกินราคาละครับ


อาหารที่สั่งไว้เมนูแรกมาถึงละครับ เน้นแซ่บๆเลยวันนี้ ตัดกับบรรยากาศจริงๆ เมนูนี้คือ "ทอดมันเครื่องแกงชาวใต้" 
หรือในชื่อที่ชาวใต้เรียกว่า "ลูกชิ้น" จานนี้ราคา 235 บาทครับ หนึ่งจานมี 5 ลูกด้วยกัน 

ตัวทอดมันนั้นทำจากเนื้อปลากรายล้วน โขลกจนละเอียด แล้วเชฟจะทำการฟาดจนเนื้อเหนียวนุ่ม ผสมกับเครื่องแกงสูตรพิเศษจากใต้ 


ด้านในผสมด้วยมะพร้าวคั่ว เพิ่มความหอมมัน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มอาจาด ผมว่ารสชาติจะออกหวานนิดๆจากมะพร้าวคั่ว 
แต่พอทานรวมกันกับเนื้อทอดมันแล้วเข้ากันดีมากๆครับ


มาต่อกันที่เมนูน้ำๆบ้าง "ต้มยำกุ้ง" ราคา 245 บาท ของทางร้านจะทำเป็นต้มยำกุ้งน้ำข้นนะครับ 


กุ้งที่ใช้เป็นกุ้งแชบ๊วย หรือท่านใดชอบกุ้งแม่น้ำ ก็มีต้มยำกุ้งแม่น้ำให้บริการครับ สำหรับความพิเศษของต้มยำร้านนี้คือ 


น้ำสต็อกที่ใช้ในการทำต้มยำ เป็นน้ำสต็อกสูตรพิเศษที่นำเปลือกกุ้งและหัวกุ้งไปเคี่ยว แล้วกรองนำน้ำมาใช้ 
ต้มยำก็จะมีความหอมและความเข้มข้นของมันกุ้งอยู่ด้วยครับ อร่อยชอบมากๆครับ ห้ามพลาดเลย


มาถึงเมนูร้อนแรงที่พลาดไม่ได้เมื่อมาร้านอาหารใต้นะครับ "คั่วกลิ้งคอหมูกับผักแนม" ราคา 255 บาท 
แค่เห็นสีสันก็น่าจะพอรู้แล้วว่าจัดจ้านขนาดไหน 


ทางร้านจะใช้มันหมูผสมกับเนื้อหมู เพื่อเวลาที่ไปผัดในกระทะจะได้ไม่แห้งจนเกินไปครับ และแน่นอนว่าเครื่องแกงสำหรับคั่วกลิ้งจานนี้ 
เป็นเครื่องแกงจากทางใต้ 100% เช่นเดียวกับอาหารจานอื่นๆครับสำหรับท่านใดที่ไม่ทานหมู สามารถสั่งคั่วกลิ้งไก่ได้นะครับ มีให้บริการครับ


มาต่อกันที่เมนูเบาๆกันบ้าง "แหนมคลุกข้าวทอดกับผักแนม" ราคา 255 บาทครับ 


จานนี้ใช้ข้าวหอมมะลิชั้นดี ผสมกับมะพร้าวคั่ว ปั้นเป็นก้อนแล้วชุบแป้งทอดจนเหลืองกรอบ แล้วนำมาคลุกรวมกับแหนม 
เสริมรสชาติด้วยเครื่องแกงใต้ คงความจัดจ้านเช่นเคยครับ


อีกหนึ่งเมนูแกงรสชาติดีที่ห้ามพลาด "แกงเขียวหวานเนื้อตุ๋น" 285บาท 
(หรือถ้าไม่ทานเนื้อก็สามารถสั่งเป็นแกงเขียวหวานไก่ตุ๋นได้ครับ ราคา 245บาท) 


โดยแกงเขียวหวานจานนี้ นอกจากพริกแกงเขียวหวานตามปกติแล้ว ก็มีเพิ่มเติมเครื่องเทศสูตรลับ ที่ช่วยเพิ่มความหอมของแกง 
และดับกลิ่นคาวของเนื้อ ในส่วนของเนื้อก็ใช้เวลาตุ๋นถึงหกชั่วโมงด้วยกันครับ อร่อยสมคำล่ำลือครับไม่ผิดหวังเลย ชอบมากๆ


มาถึงเมนูสำคัญที่ห้ามพลาดเมื่อมาทานร้าน Love Eat Bistro นะครับ "แกงปูสูตรบ้านพังงา กับกะทิคั้นสดและเครื่องแกงสูตรลับ เสิร์ฟพร้อมเส้นหมี่" 


สำหรับเมนูนี้จะมีให้เลือกสองแบบนะครับ คือ แบบที่ใส่เนื้อปูและตัวปู จะอยู่ที่ 450 บาท หรือใส่เนื้อปูล้วน จะอยู่ที่ 495 บาท 


ในวันนี้ผมสั่งแบบเนื้อปูล้วนครับ น้ำแกงรสชาติเข้มข้นจากกะทิสดเคี่ยวผสมกับเครื่องแกงใต้
เนื้อปูเองก็มาเป็นก้อนๆ ได้ทั้งรสสัมผัสและกลิ่นหอมๆของเนื้อปู
เสิร์ฟพร้อมเส้นหมี่ แนมด้วยสับปะรด ซึ่งสับปะรดนี้มีไว้สำหรับแก้เผ็ด รสชาติก็จะหวานฉ่ำครับ



ตักน้ำมาพร้อมกับเนื้อปูก้อนใหญ่ๆที่มีอยู่เต็มถ้วย แล้วราดลงบนเส้นหมี่ลวก อร่อยฟินครับ ห้ามพลาดอีกเมนูครับ


เบรคความเผ็ดกับสักนิดด้วยเมนู "ปอเปี๊ยะทอดบ้านโคกขนุนกับน้ำจิ้มแดง" ราคา 195 บาทครับ เป็นปอเปี๊ยะทอดกรอบ
ไส้ผักล้วนที่ใส่มันแกวลงไปด้วยเพื่อเพิ่มสัมผัสเวลาเคี้ยว คนทานเจสั่งได้สบายเลย


ส่วนน้ำจิ้มแดงนี้ทำมาจากพริกชี้ฟ้าแดงที่นำไปแช่น้ำจนเปื่อย ปั่นให้เหลวแล้วต้มจนสุกครับ 
ปอเปี๊ยะผมว่าทานเปล่าๆก็อร่อยครับ ทานกับแกงเผ็ดต่างๆก็เข้ากันเพลินอร่อยดีครับ


เมนูถัดมาคือ "ปูนิ่มผัดผงกะหรี่" หนึ่งจานจะมีปูนิ่ม 1ตัวครึ่งครับ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ผัดคลุกเคล้ากันได้ลงตัวมากๆ
อร่อยจนลืมถ่ายรูปราคา 295 บาทเท่านั้นครับคุ้มเลยจานนี้

"ผัดสามเหม็น" ราคา 295 บาทครับ จากชื่อสามเหม็นคิดว่าน่าจะทราบนะครับว่ามาจากอะไรบ้าง ส่วนประกอบของเมนูนี้คือ 
ชะอม สะตอ และกระเทียมโทนดองครับ 


นำเครื่องปรุงสามอย่างนี้ไปผัดให้เข้ากันกับวุ้นเส้นและกุ้งแชบ๊วยตัวโตๆ กลิ่นอาจจะแปลกๆ แต่ไม่ถึงขั้นเหม็นตามชื่อ


ออกหอมด้วยซ้ำ ส่วนตัวผมชอบมาก วุ้นเส้นก็ผัดมาไม่แห้งจนเกินไป อร่อยครับจานนี้


มาดูกันที่เมนูฟิวชั่นกันบ้าง "สปาเกตตี้ไส้อั่ว" ราคา 295 บาทครับ สปาเกตตี้จานนี้ผัดกับน้ำพริกอ่องนะครับ


และเพิ่มมะกอกดำกับไส้อั่วลงไป ไส้อั่วนี้ก็สั่งมาจากเชียงใหม่ครับ


เนื้อนุ่ม หอมกลิ่นเครื่องเทศ จานนี้ฟิวชั่นได้ลงตัว อร่อยเพลินมากครับ


"เคปเปลินี่ผัดเนื้อปู" ราคา 285 บาทครับ เส้นแองเจิ้ลแฮร์ลวกจนสุกได้ที่ ผัดกับพริกแห้ง


 สมุนไพรต่างๆ พริกไทยและพาสลี่ย์ เสริมรสชาติด้วยเนื้อปูก้อนเน้นๆ จานนี้ก็อร่อยครับ


"สปาเกตตี้ต้มยำกุ้ง เสิร์ฟคู่กับกุ้งแม่น้ำ" ราคา 395 บาท สำหรับจานนี้เป็นสปาเกตตี้ที่นำไปผัดกับซอสต้มยำที่โขลกเครื่องต้มยำ
ที่มีทั้งข่า ตะไคร้ พริกไทยดำแล้วเติมน้ำซุปที่ได้จากการต้มหัวกุ้งและเปลือกกุ้งเพิ่มลงไปลงไป 
เติมครีมลงไปอีกนิดเพื่อเพิ่มความหนืดให้ซอสเกาะติดกับเส้น เสิร์ฟพร้อมกุ้งแม่น้ำทั้งตัวครับ ตัวเส้นนี้ก็
จะมีซอสสปาเกตตี้เกาะอยู่รวมไปถึงมีมันกุ้งด้วย กุ้งแม่น้ำที่ให้มาก็ตัวใหญ่ เนื้อนุ่ม ที่หัวกุ้งมีมันกุ้งด้วยนะครับ ฟินกันเลย


น้ำ"โซดาเย็นรสพีชสไตล์อิตาเลี่ยน"(Italian Soda รสพีช)แก้วนี้ 135 บาท ครับ
เวลาจะทานก็คนให้น้ำพีชที่อยู่ด้านล่างผสมเข้ากันดีกับน้ำโซดานะครับ รสชาติอมเปรี้ยวอมหวาน อร่อยสดชื่นครับ


"ชาลิ้นจี่เย็น" 135 บาท เช่นกัน ดูเข้มข้นน่าทานจัง ไม่ได้ลองชิมอีก55+


ส่วนของผมจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบครับ"Sweet Melon" 185 บาทเท่านั้น คุ้มมากๆ


น้ำแตงโมคั้นเข้มข้นหวานหอมธรรมชาติมากๆ มีเหลือรอบปากขวด มาเป็นถังใหญ่ พร้อมเนื้อแตงโมหั่นมาทานเล่นหวานๆดับเผ็ดได้อีกฟินๆ


แน่นพุง(ห่อกลับด้วยอีก)แล้วมาลองของหวานขึ้นชื่อของร้านนี้สักหนน่อยครับ มาเสิร์ฟเร็วมากๆ รีบถ่ายรีบทานละลายหมด


"เต้าทึงกรานิต้า" หรือ "เตาทึงหิมะนมสดใส่แปะก๊วยถั่วแดง" ถ้วยนี้ 175 บาทครับ เป็นของหวานที่ครีเอทดีครับ 
นำน้ำเต้าทึงไปแช่แข็งแล้วนำมาทำเป็นไอศกรีมเนื้อนุ่มเนียน 


เสิร์ฟกับถั่วแดง แปะก๊วย พุทราจีนเชื่อม เฉาก๊วย และน้ำตาลทรายแดง ทานแล้วช่วยคลายความเผ็ดจากอาหารจานหลักได้ดีมากๆครับ
ท่านใดชอบหวานๆ ก็มีน้ำตาลเคี่ยว(มั้ง)เทเพิ่มรสชาติไปได้อีกฟิน สุดๆ ครับถ้วยนี้ไม่ได้สั่งเองแต่แย่งมาทานเกลี้ยงเลยหอมทุกอย่างลงตัวมากๆ


"ลาวาใบเตย" เค้กใบเตยเนื้อนุ่ม ด้านในมีครีมลาวาใบเตยหอมๆ 


ทานคู่กับไอศกรีมวานิลาของทางร้าน อร่อยมากครับ


"กล้วยเชื่อมไอศกรีมมะพร้าวเผา คาราเมลน้ำตาลโตนด" ราคา 185 บาทครับ 
ขอบอกเลยว่าไม่เคยทานไอศกรีมมะพร้าวเผาที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน

ตัวไอศกรีมเนื้อนุ่มเนียน กลิ่นก็หอม รสชาติหวานอ่อนๆ เสริมความอร่อยด้วยคาราเมลเคี่ยวเองที่ทำจากน้ำตาลโตนดแท้ๆ 
เสิร์ฟพร้อมกล้วยเชื่อม ทานไอศกรีมแล้ว ทานกล้วยเชื่อมตาม อร่อยลงตัวมากๆครับ


อิ่มแน่นพุงกันทั้งควาหวานครบอร่อยสะใจสุดๆ ก็นั่งชมวิวสถานทูตอังกฤษที่ถือว่าเป็นสถานทูตที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง
จากมุมร้านนี้ได้สวยๆสบายๆ อาหารร้านนี้สมชื่อสมราคามากครับไม่ผิดหวังเลย เพื่อนพี่น้องพาคนรักพาครอบครัวมาลองทานกันได้ครับ
ที่Central Embassyชั้น 5 ร้าน"Love Eat Bistro" รายละเอียดลองสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เพจของร้านนะครับ

เจอกันโอกาสหน้าครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและCommentครับ









Create Date : 14 กันยายน 2560
Last Update : 26 กันยายน 2560 2:00:05 น.
Counter : 4455 Pageviews.

2 comment
(Review) ร้านShabuแนะนำย่านสี่แยกหนองจอก อร่อย วัตถุดิบเลิศ บริการดี @"Shabu for U"
ชื่อร้าน : Shabu for U ชาบูฟอร์ยู
รายการอาหาร : ร้านชาบู สุกี้ยากี้
เวลาเปิดบริการ : ทุกวัน 11.30 -22.00 น.
ที่ตั้งร้าน : เลขที่ 29/151 หมู่ที่ 3 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร 10530, กรุงเทพมหานคร หนองจอก Thailand
พิกัด GPS : 13° 48' 30.17"N 100° 50' 0.89"E






สวัสดีครับพี่น้องชาว Bloggang

วันนี้ขอมาแนะนำร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูเด็ดๆย่านสุวินทวงศ์ครับ


ถ้ามุ่งหน้าไปแยกหนองจอกพอเห็นปั้มESSOนี่ชะลอเตรียมเลี้ยวได้เลยครับ


ทางเข้าครับเป็นที่เดียวกับตลาดสดสี่แยกหนองจอกครับ


ป้ายร้านครับ


หน้าร้านมีที่จอดรถกว้างขวางครับ สบายๆเลย




เข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ


ร้านกว้างขวางและสะอาดทีเดียว พนักงานยืนประจำจุดคอยบริการลูกค้าครับ


หนึ่งโต๊ะรองรับลูกค้าได้สี่ท่านนะครับ เพราะเตาไฟฟ้าจะฝังอยู่ในโต๊ะเลย หรือถ้ามาคนเดียว ก็มีที่นั่งเดี่ยวๆติดสายพานครับ

ร้านชาบูฟอร์ยู เป็นร้านชาบูบุฟเฟ่ต์ มีให้บริการทั้งหมูและเนื้อ โดยที่จะมีสองราคา คือ...
289 บาท จะมีบริการสันคอหมูคุโรบูตะ สันนอกหมูคุโรบูตะ กุ้งขาว และอาหารทุกอย่างบนสายพาน
ส่วนน้ำซุปจะสามารถเลือกได้สี่แบบคือ น้ำซุปเห็ดหอม น้ำซุปต้มยำน้ำใส น้ำซุปแจ่วฮ้อน และน้ำซุปต้มโคล้งครับ

และอีกราคาคือ 389 บาท จะเพิ่มเนื้อวัวออสเตรเลีย ส่วนไหล่ ใบพาย ริบอายและแองกัส
และมีเพิ่มเติมคือ เบคอนหมูคุโรบูตะและหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ครับ 
ส่วนน้ำซุปจะสามารถเลือกได้หกซุป โดยเพิ่ม ซุปชาบูน้ำดำ และซุปต้มยำมันกุ้งน้ำข้นครับ

โดยบุฟเฟ่ต์สองราคานี้ เป็นราคาที่เน็ทแล้วนะครับ รวมเครื่องดื่มที่มีทั้งน้ำเปล่า น้ำอัดลม ชาเขียว
และอาหารทานเล่นพวกซูชิ ของทอด และของหวานที่มีแพนเค้ก สายไหม ขนมหวาน ผลไม้และไอศกรีมโฮมเมด 
และช่วงนี้ยังสามารถทานได้โดยที่ไม่จำกัดเวลาด้วยครับ


สั่งอาหารไปแล้ว ระหว่างรอ มาเดินดูอาหารในไลน์บุฟเฟ่ต์กันดีกว่าครับ


ซุ้มนี้เป็นอาหารทานเล่นทั้งครับ มีทั้งปอเปี๊ยะไส้วุ้นเส้น ตับหมูทอดกระเทียม (อันนี้แนะนำเลย อร่อยมากๆ ตับสดไม่เหม็นคาวเลยครับ)
ด้านบนเป็นกะหล่ำปลีทอดน้ำปลา และไก่ชุบแป้งทอดครับ


ถัดมาเป็นซุ้มซูชิครับ


มีหน้าต่างๆให้เลือกมากมาย ชิ้นเล็กกำลังดีแบบนี้ไม่ตัดกำลังครับ


อีกด้านนึงเป็นยำสาหร่ายญี่ปุ่น และโควสลอวปูอัดไข่กุ้งครับ


อาหารที่สั่งไปทยอยมาแล้ว มีอะไรมาบ้างมาดูกันเลยครับ เนื่องจากวันนี้พวกเรามากันสี่คน เลยสั่งบุฟเฟ่ต์แบบ 389 บาท
และเลือกน้ำซุปมาคนละหนึ่งแบบครับ ด้านบนสุดซ้ายมือคือ น้ำซุปเห็ดหอม ที่มีรสชาติเบาๆ รสเบาๆ ได้กลิ่นเห็ดหอมและพริกไทย
และหม้อด้านขวาคือ น้ำซุปแจ่วฮ้อน ที่หอมกลิ่นสมุนไพรครับ


ส่วนสองหม้อด้านล่างนี่ขอเน้น เพราะเป็นน้ำซุปที่มีให้ในชุดบุฟเฟ่ต์ 389 บาทเท่านั้น
สำหรับหม้อนี่คือ น้ำซุปต้มยำมันกุ้งน้ำข้นครับ


และหม้อนี้คือ น้ำซุปชาบูน้ำดำแบบญี่ปุ่นครับ


ขอเริ่มจากโปรโมชั่นพิเศษในช่วงนี้กับ เนื้อวากิว ราคาพิเศษถาดละ 99 บาทเท่านั้นครับ
ลายสวยมากๆครับ


ในชุดบุฟเฟ่ต์ 389 บาทนี้ก็จะมีบริการเนื้อวัวนำเข้าจากออสเตรเลียแบบไม่จำกัดด้วยนะครับ สำหรับตัวนี้คือ เนื้อแองกัสครับ
จุ่มในน้ำซุปชาบูน้ำดำแบบญี่ปุ่นประมาณ 10 วินาทีแล้วทาน อร่อยมากๆครับ ส่วนที่เป็นมันๆจะชุ่มฉ่ำเหมือนจะละลายในปากเลย


และถาดนี้คือ เนื้อใบพายครับ เนื้อใบพายจะเป็นส่วนกล้ามอกด้านในของวัวครับ
ไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อทำให้พอลวกเสร็จแล้วนุ่มลิ้นมากๆครับ


มาต่อกันที่ เนื้อริบอายครับ อาจจะคุ้นเคยกับเนื้อริบอายที่มาทำสเต็กนะครับ
แต่พอสไลด์บางในสไตล์ชาบูแล้วจุ่มกับน้ำซุปแจ่วฮ้อนนี่ เข้ากันดีมากๆครับ


และอีกหนึ่งเมนูเนื้อกับ เนื้อไหล่ ครับ ไม่ค่อยมีมันแทรกเท่าไหร่ ได้รสเนื้อเต็มๆ และนุ่มมากครับ


มาต่อที่เมนูหมูในบุฟเฟ่ต์กันบ้าง เริ่มที่ เบคอนคุโรบูตะ ครับ
ผมว่าเนื้อและหมูที่มีมันแทรก ทานกับน้ำซุปชาบูน้ำดำสไตล์ญี่ปุ่นที่มีรสเค็มหวานแบบอ่อนๆ มันเข้ากันดีมากๆครับ


ถาดต่อมาคือ สันนอกหมูคุโรบูตะ ครับ
ส่วนนี้จะมีมันไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ทานกับน้ำซุปเห็ดหอมก็ได้รสชาติเบาๆดีครับ


และอีกหนึ่งเมนูคือ สันคอหมูคุโรบูตะ ครับ แปลกที่สันคอหมูก็ยังไม่ค่อยมีมันเยอะนะครับ ผมว่าน่าจะถูกใจคุณผู้หญิงที่ชอบทานชาบูแต่ไม่ชอบเนื้อและหมูติดมันครับ


มาต่อที่อาหารทะเลกันบ้าง หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ตัวใหญ่ สด
แน่นอนว่าต้องเอาลงหม้อน้ำซุปต้มยำมันกุ้งน้ำข้นครับ จัดจ้านสะใจ


และอีกหนึ่งอย่างคือ กุ้งขาว ครับ สดใหม่ไร้กลิ่นคาว


สำหรับถาดนี้เป็นรวมมิตรครับ มีทั้งปลาหมึกกรอบ ปลาดอลลี่ แมงกะพรุน และปลาหมึกบั้งครับ


และรวมมิตรลูกชิ้น มีทั้งลูกชิ้นเนื้อ ลูกชิ้นปลาหมึก (อร่อยมากครับ ผิวกรุบกรอบ ด้านในเด้งสู้ฟัน) คริสตัลไข่เค็ม เต้าหู้ปลา ลูกชิ้นปลาภูเก็ต และลูกชิ้นชีสครับ


และผักสดนานาชนิด ชอบที่ร้านชาบูฟอร์ยูมี เผือก ให้ด้วยครับ เผือกที่ต้มในน้ำซุปนานๆ จนเนื้อนิ่ม ชุ่มไปด้วยน้ำซุป อร่อยมากๆครับ




และยังมีอีกหลากหลายเมนูบนสายพานให้เลือกหยิบได้ตามใจนะครับ ซึ่งส่วนนี้ไม่ต้องห่วงเลยว่าอาหารบนสายพานจะวนหลายๆรอบจนไม่น่าทาน
เพราะทางร้านชาบูฟอร์ยูจะมีระบบจัดการครับ อาหารบนสายพานจะให้วนแค่ไม่กี่รอบเท่านั้น แล้วจะเก็บ เอาจานใหม่มาเปลี่ยนลงสายพานแทนครับ


เมนูชาบูเรียบร้อยหมดแล้วมาดูในส่วนของน้ำจิ้มกันบ้าง จะมีให้ตักอยู่ตรงซุ้มใกล้ๆกับอาหารทานเล่นนะครับ
มีทั้งน้ำจิ้มสุกี้ น้ำจิ้มซีฟู๊ด น้ำจิ้มแจ่ว และน้ำจิ้มพอนสึ ครับ ส่วนพริก กระเทียม และต้นหอม มีอยู่ในกล่องทางด้านหลังครับ
ขอบอกนิดนึง น้ำจิ้มแจ่วที่นี่รสชาติเข้มข้นมากๆ ทางเจ้าของร้านแจ้งไว้ว่า สำหรับท่านใดที่สั่งน้ำซุปแจ่วฮ้อน 
แล้วชอบรสจัด สามารถเอาน้ำจิ้มแจ่วตัวนี้เติมลงไปได้เลยครับ


มาพร้อมกันหมดแล้ว ขอถ่ายรูปหมู่นิดนึงงง


เอาเบคอนหมูคุโรบูตะลงไปแกว่งในหม้อน้ำซุปชาบูน้ำดำแบบญี่ปุ่นครับ
สำหรับน้ำซุปนี่ จะรสชาติอ่อนๆนะครับ เพื่อให้ทานได้ติดต่อกันโดยที่ไม่รู้สึกว่าเข้มข้นจนเกินไป ซดได้คล่องคอครับ


มาลองน้ำซุปต้มยำมันกุ้งน้ำข้นกันบ้าง อันนี้แนะนำเลยว่าต้องสั่งนะครับ เพราะมันกุ้งนี่ใส่แบบไม่หวงเลย
น้ำซุปก็จัดจ้านสมกับเป็นต้มยำมากๆ เปรี้ยวเค็มเผ็ดลงตัวครับ


ส่วนน้ำซุปเห็ดหอมจะมีรสชาติเบาๆเหมือนกันครับ หอมกลิ่นเห็ดหอมและพริกไทย
ผมว่าน้ำซุปเห็ดหอมเหมาะสำหรับคนที่อยากรับรสและกลิ่นของเนื้อแบบเต็มๆครับ


เอากุ้งไปลวกในน้ำซุปแจ่วฮ้อนครับ ตัวนี้จะเบาๆคล้ายๆน้ำซุปเห็ดหอม แต่จะมีกลิ่นสมุนไพรพวกโหระพาเข้ามาด้วยครับ
แล้วพอลองเอาน้ำจิ้มแจ่วฮ้อนมาเติมลงไป มันเข้ากันได้ดีจริงๆครับ




ทานไปซักพัก บนสายพานมีหมูเด้งผ่านมาด้วยครับ ดูน่าทานดี เอามาจัดซักหน่อย


และเมนูนี้ที่อยู่บนสายพานเหมือนกัน ตอนแรกผมนึกว่าเป็นเส้นปลา แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ มันคือ "ไส้ห่าน" ครับ
แปลกมากๆ ปกติเคยทานแต่ไส้เป็ด พี่เจ้าของร้านแนะนำว่าให้ลวกในน้ำซุปประมาณ 5-10 วินาทีแล้วก็ทานได้เลยครับ
เพราะไส้ห่านจะสุกมาบ้างแล้ว ลวกนานมันจะหดหมดครับ
อันนี้อร่อยมากๆ มันเหนียวนุ่ม แต่ก็หนุบหนับเคี้ยวมัน ชอบมากครับ


หลังจากทานของคาวอิ่มแล้ว มาต่อกันที่ของหวานกันครับ แน่นอนว่าอยู่ในเมนูบุฟเฟ่ต์ด้วย
สำหรับส่วนนี้เป็นซุ้มทำแพนเค้กครับ จะทำเอง หรือขอให้น้องๆพนักงานในร้านทำก็ได้ครับ
คุณหนูๆถ้าอยากทำ ก็จะมีน้องพนักงานในร้านคอยดูแลอยู่ตลอดครับ


อันนี้น้องพนักงานลงมือให้ครับ เป็นตัวอะไรเอ่ย?


เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้ว


ได้ที่แล้วก็พลิกกลับด้าน เป็นไดโนเสาร์นี่เอง... หรือก๊อตซิล่าหว่า???


ลงจานแล้วก็ทานได้เลยครับ สนุกด้วยอร่อยด้วย


น้องเห็ดก็มา


อีกมุมนึงเป็นซุ้มขนมหวาน ส่วนเครื่องมือตรงนั้น คือเครื่องทำสายไหมครับ!


แปลกดีครับ มีแม้กระทั่งเครื่องทำสายไหมในร้าน มีกระดาษบอกวีธีทำไว้พร้อมเลย


เกล็ดน้ำตาลสำหรับทำสายไหมครับ


เอาเกล็ดน้ำตาลใส่ลงไปในช่องตรงกลางนะครับ (อย่าลืมเปิดเครื่องด้วยนะ)


แล้วรอสักพัก เกล็ดน้ำตาลก็จะเริ่มกลายร่างเป็นเส้นๆครับ
เราก็เอาไม้ลูกชิ้นเล็กๆไปค่อยๆพันรอบๆเส้นสายไหมครับ


พันไปเรื่อยๆเลยครับ


เสร็จแล้วก็จะได้สายไหมกลมๆพร้อมทานแบบนี้เลยครับ


นอกจากนี้ยังมีไอศกรีมแบบโฮมเมดด้วยนะครับ ขอย้ำเลยว่าเป็นโฮมเมดจริงๆ รสชาติไม่เหมือนที่ไหนเลยครับ
ด้านนี้มีรสวานิลา เสาวรส และกะทิครับ


ส่วนด้านนี้เป็นรสเผือกและรสเลมอน ผมลองตักรสเผือกมาทาน มีเนื้อเผือกเล็กๆอยู่ด้านในด้วยนะครับ


และอีกหนึ่งรสที่ออกมาตอนหลัง สตรอว์เบอรี่เชอร์เบต ครับ อร่อยมากๆ เปรี้ยวๆหวานๆ มีรสชาติสตรอว์เบอรี่อยู่เต็มๆ
เหมือนเอาเนื้อสตรอว์เบอรี่ไปปั่นแล้วเอาไปแช่แข็งทั้งๆแบบนั้นเลยครับ ทานไปหลายลูกเลย




ขอตบท้ายด้วย ลอดช่องวัดเจษ ครับ หอมหวานมัน





ก็จบกันไปอีกหนึ่งมื้อใหญ่ครับ ฟินสุดๆ คุ้มค่า ไม่เสียแรงเลยที่เพื่อนแนะนำมา ถ้าขึ้นห้างราคาและคุณภาพแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ
เพราะฉะนั้น ขับมายังไงก็คุ้มครับ ชาบูอร่อย วัตถุดิบคุณภาพดี และพนักงานทุกคนใส่ใจลูกค้าเทรนมาดีมากๆ
ท่านใดสนใจ แนะนำให้มาลิ้มลอง ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เพจหลักของร้านดูนะครับ

ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและComment
เจอกันเร็วๆนี้ครับ













Create Date : 31 พฤษภาคม 2560
Last Update : 1 มิถุนายน 2560 17:45:20 น.
Counter : 8766 Pageviews.

1 comment
(Review) ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์Homemade คุ้มค่า วัตถุดิบดี @"Kyu Taro"แยกลาดพร้าววังหิน
ชื่อร้าน : Kyutaro (คิวทาโร่)
รายการอาหาร : ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมด
เวลาเปิดบริการ : เปิดทุกวัน 12.00 - 24.00 น.
ที่ตั้งร้าน : 1008 ม.14 ซอยโชคชัย4 ซอย84 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว 10230, กรุงเทพมหานคร ลาดพร้าว Thailand
พิกัด GPS : 3° 49' 26.33"N 100° 35' 33.10"E





สวัสดีครับพี่น้องชาว Bloggang

วันนี้ขอมาแนะนำร้านอาหารญี่ปุ่นแถวลาดพร้าววังหินร้านเด็ดร้านนึงครับ


มาถึงแยกโลตัสวังหินนะครับ


เลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลยครับ ทางนี้จะไปโชคชัย4 ครับ


ขับตรงเข้าไปเลยนะครับ ขวามือจะเป็น Makro ครับ


ขับเข้ามาเพียง 100 เมตรจากถนนใหญ่ก็จะเจอกับร้าน Kyutaro ครับ


อยู่ถัดจากร้านลุงใหญ่มานะครับ
จอดรถหน้าร้านได้ 5-6 คัน หรือสามารถไปจอดฝั่งตรงข้าม ห้าง Makro วังหิน ก็ได้ครับ


หน้าร้านเป้าหมายของเราครับ >ร้าน KyuTaro<>พิกัดนี้เลยครับ




ร้านเปิดตั้งแต่ 12.00 - 00.00 ทุกวันครับ




เข้ามาข้างในกันดีกว่า ร้านไม่ใหญ่มากนะครับ มีประมาณ 5 โต๊ะครับ





ตกแต่งร้านได้แปลกดีครับ







มีให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยนะครับ




สำหรับคอเบียร์โดยเฉพาะ


หรือท่านไหนชอบอุเมะชู ทางร้านก็มีแช่เย็นๆไว้เลยครับ




มาดูเมนูกันดีกว่า มีน่าสนใจหลายอย่างเลยครับ










ทุกรายการมีราคาบอกไว้หมดแล้วครับ สั่งอาหารไปบางส่วนแล้ว นั่งรอซักครู่ครับ


หลังจากสั่งอาหารไปแล้ว ก็มีออเดิร์ฟมาเสิร์ฟให้ครับ สำหรับวันนี้เป็น "ผักกวางตุ้งคลุกน้ำมันงา"
ตัวผักลวกมาได้สดกรอบ คลุกกับน้ำมันงามาหอมมากๆครับ
สำหรับออเดิร์ฟทางร้านก็จะเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆนะครับ บางท่านมาทานก็อาจจะเจอเมนูอื่น แต่มีเสิร์ฟให้ทุกโต๊ะแน่นอนครับ


ชาเขียวเย็นมาเสิร์ฟแล้วครับ เหยือกนี้ราคา 39 บาทเท่านั้น
เนื่องจากว่าทางร้าน Kyutaro เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแบบโฮมเมดนะครับ อาหารทุกจานจะทำสดใหม่ ดังนั้นอาจจะต้องรอนิดนึง แต่ไม่นานครับ


อาหารจานแรกยกมาแล้ว ขอเริ่มด้วยเมนูเบาๆ "สลัดปูนิ่ม" ครับ


ตอนนี้มีโปรโมชั่นจาก 359 บาท เหลือเพียง 199 บาทเท่านั้นครับ


โดยจานนี้จะเป็นปูนิ่มทั้งตัวชุบแป้งทอดกรอบ แล้วนำมาวางบนผักสลัดนานาชนิดทั้ง ผักกรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค บีทรูท มะเขือเทศ
แล้วท๊อปปิ้งด้านบนด้วยสาหร่ายญี่ปุ่นและไข่กุ้งครับ

ส่วนน้ำสลัด จะเป็นน้ำซีซ่าร์สลัดสูตรพิเศษนะครับ เข้ากันได้ดีกับผักสดกรอบและปูนิ่มทอดครับ
น้ำสลัดอร่อยมากๆ ท่านใดถูกใจสามารถขอเพิ่มได้นะครับ


เมนูต่อมา เป็นด้งหรือข้าวหน้าต่างๆแบบญี่ปุ่นนะครับ "ข้าวหน้าเนื้อไข่ออนเซ็น"


ราคา 165 บาท เสิร์ฟพร้อมซุปมิโสะ และกิมจิครับ


โดยนำเนื้อสามชั้น หมักด้วยเครื่องเทศแล้วนำไปผัดกับซอสหวาน แล้วเสิร์ฟพร้อมกับไข่ออนเซ็นครับ


จานนี้รสชาติใช้ได้เลย เนื้อผัดมาได้หอมมากๆ ได้ทั้งกลิ่นกระเทียมและกลิ่นหวานๆจากซอสปรุง
เนื้อก็ให้มาชิ้นใหญ่ด้วยครับ เสียดายที่เหนียวไปนิดนึง แต่ทานคู่กับไข่ออนเซ็นแล้วก็เข้ากันดีครับ


เนื้อสามชั้นนำเข้าจากอเมริกานะครับ อร่อยฟินมากๆ


แล้วก็มาต่อกันที่ "ชาชูราเมง " ครับ ราเมงชามใหญ่ที่มีราคาเพียง 145 บาทเท่านั้น


นอกจากหน้าตาจะน่าทานแล้วเครื่องที่ให้มาก็ยังแน่นสมกับที่เป็นชาชูราเมง โดยให้หมูชาชูชิ้นใหญ่หนานุ่มมาถึง 5 ชิ้นด้วยกันครับ
ตัวน้ำซุปเป็นซุปมิโสะที่ทำจากมิโสะ ปลาแห้ง และเห็ดหอมครับ เส้นราเมงก็เหนียวนุ่มครับ


ชาชูนี่เด็ดมากๆ เพราะใช้เวลาเคี่ยวถึงเจ็ดชั่วโมง แล้วยังแช่ไว้ในน้ำซอสอีกหนึ่งวันเพื่อให้ซอสซึมเข้าเนื้อหมู
นอกจากนี้ยังเลาะเอามันออก ให้มีแต่เนื้อๆ เพื่อรสความเลี่ยนด้วยครับ พิถีพิถันมากจริงๆ


ถ่ายรวมนิดหน่อยระหว่างรอเมนูถัดไปครับ


มาเสิร์ฟแล้วครับ "เทมปุระโรลมากิ" ราคา 250 บาท


เป็นมากิซูชิที่มีไส้ในเป็นกุ้งเทมปุระครับ นอกจากกุ้งแล้วก็เสริมรสชาติด้วยปูอัด ไข่หวาน และแตงกวาญี่ปุ่นครับ
ด้านนอกก็คลุกด้วยไข่กุ้งเพื่อเพิ่มความสนุกในการเคี้ยว จานนึงให้มาถึงแปดชิ้นครับ


อร่อยครับจานนี้ มากิก็ชิ้นใหญ่ กุ้งก็เนื้อแน่น แป้งที่โรยรอบๆก็อร่อยกรุบกรอบครับ


แน่นอนว่ามาทานอาหารญี่ปุ่น จะขาดซาชิมิไปก็คงไม่ได้ "ซาชิมิรวม" ชุดนี้ราคา 395 บาทครับ


โดยในชุดนี้จะประกอบ ปลาแซลมอนสด ปลาโอสด ปลาซาบะดอง ไข่หวาน ปูอัด และแตงกวาญี่ปุ่นครับ
โดยปลาซาบะ จะใช้ปลาซาบะนำเข้าจากนอร์เวย์นำมาดองเองด้วยกรรมวิธีพิเศษของทางร้าน
ซึ่งต้องขอบอกว่าประทับใจมากๆ เพราะปกติไม่ค่อยชอบทานปลาซาบะครับ แต่ของที่นี่ อร่อยไม่คาวเลย


ส่วนปลาแซลมอนสดนั้น ทางร้านจะใช้ปลาแซลมอนแทสมาเนียน ที่เนื้อแน่น และมันไม่ค่อยเยอะครับ สด อร่อย ตามมาตรฐานครับ


เมนูสุดท้าย ติดใจกุ้งเทมปุระจากเทมปุระโรลมากิ เลยขอสั่งจานนี้มาทานครับ "กุ้งเทมปุระ" 120 บาท

ซึ่งทางร้านใช้กุ้งแชบ๊วยไซส์ใหญ่สุด นำมาชุบด้วยแป้งชุบสูตรพิเศษที่คิดค้นขึ้นเองครับ
ทอดจนกรอบเหลือง ในชุดจะมีกุ้งเทมปุระ 3 ตัว แครอทเทมปุระ หอมใหญ่เทมปุระ โซบะเทมปุระ และใบโอบะเทมปุระครับ


พอได้ลองทานจริงๆแล้ว เปลือกด้านนอกของตัวกุ้งนี่บางมากๆเลยครับ สมกับที่เป็นสูตรพิเศษไม่เหมือนร้านไหนๆ
กัดลงไปเลยได้รสชาติน้ำหวานของกุ้งเต็มๆคำเลย ประทับใจมากครับ






อิ่มแน่นพุงไปอีกมื้อกับอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมด อาหารอร่อย ราคาไม่แพงสุดคุ้มค่ากับ
ร้าน Kyutaro ซอยโชคชัย4 แยกโลตัสวังหิน เปิดตั้งแต่ 12.00-00.00 ทุกวันครับ
ท่านใดสนใจอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สอบถามทางเพจของร้านได้เลยนะครับ

เจอกันมื้อหน้า ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและ Comment ครับผม









Create Date : 09 พฤษภาคม 2560
Last Update : 12 พฤษภาคม 2560 20:21:52 น.
Counter : 6931 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

akuchan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]







Group Blog
All Blog