องค์เทพที่รักษาประตูท่าแพ มีทั้งหมด 5 องค์ พร้อมทั้งบริวารอีก 5000 โดยมีเจ้าต๋นเก๊าชื่อว่า เจ้าพ่อแสนสะหลี เป็นเจ้าอารักษ์ประตูท่าแพ ปัจจุบันท่านมีร่างประทับทรงอยู่ที่ อ.สันป่าตอง เชียงใหม่ โดยมีเจ้าสะหลีจ๋ำป๋า (เจ้าโอรส หรือ บุตรชายของเจ้าพ่อแสนสะหลี) ประทับทรงแทน

แต่เดิมเมื่อจะทำพิธีบูชาเสาหลักเมืองอินทขิลจะมีการทำพิธีอันเชิญเจ้าพ่อเสาหลักเมืองอินทขิลประทับร่างทรงแล้วบอกกล่าวให้ประชาชนที่
มากราบไหว้บูชา ได้รับรู้ว่าเหตุบ้านการเมืองในปีนั้นๆ จะดี - ร้าย อย่างไร และควรจะแก้ไขอย่างไร เมื่อเสร็จพิธีแล้วจะทำพิธีอันเชิญ 12 เจ้าอารักษ์เมืองเชียงใหม่ประทับร่างทรง เมื่อองค์ทั้ง 12 ประทับร่างแล้วจะนั้งประทับที่อันควรแห่งตน (ตามยศตำแหน่ง) โดยมีเจ้า 12 อารักษ์ประทับเรียงกันดังนี้. 1. เจ้าหลักเมืองอินทขิล 2. เจ้าหลักเมืองศรีภูมิ 3. เจ้าประตูท่าแพ 4. เจ้าประตูช้างเผือก 5. เจ้าประตูเชียงใหม่
6. เจ้าแจ่งกะต๋ำ 7. เจ้าแจ่งกู่เฮือง 8. เจ้าประตูสวนดอก 9. เจ้าแจ่งหัวริน 10. เจ้าประตูหายยา 11. เจ้าประตูระแกง 12. เจ้าประตูแสนปุง

แต่ที่หน้าแปลกคือ เมือเจ้าประตูท่าแพ ประทับร่างทรงแล้ว เจ้าแต่ละองค์ตั้งแต่ลำดับที่ 4 - 12 จำนำอาภรณ์ และเครื่องบรรณาการมาถวายให้ใส่(คือชุดของเจ้าประตูท่าแพจะถูกแบ่งไว้) สาเหตุคือ เจ้าประตูท่าแพเป็นเจ้าครูดาบของ เจ้าอารักษ์เมือง
เชียงใหม่นั้นเอง ดังนั้นเจ้าอารักษ์เมืองลำดับที่ 4 - 12 จะต้องเก็บอาภรณ์ของท่านๆไว้บูชา เมื่อถึงเวลาอันควรจะนำผ้าเหล่านั้นมาถวาย
ให้ท่านสวมใส่ แต่เมื่อเสร็จพิธีแล้วก็จะนำไปเก็บไว้บูชาเหมือนเดิม และถ้าหากเจ้า 12 อารักษ์เมืองเชียงใหม่ตั้งแต่ลำดับที่ 4 - 12 ประทับ
ร่างทรงใหม่แล้วจริง ๆ จะต้องมาขอเอาครูจากเจ้าพ่อประตูท่าแพดังเดิม ตามจารีตประเพณีแต่ก่อน
ข้อมูลจาก //www.chiangmai-guideline.com



เหลือบมองหงายหน้าดู ประตูบานซะขนาดนี้ ต้องใช้กี่คนเปิดวะ
หรือยุคนี้จะเป็นประตูแบบหน้าเซเว่น
แล้วกุญแจสมัยก่อน ดอกคงเท่าบ้าน



ท่าแพที่นี่ กะ ท่าพระจันทร์ ต่างกันมากเลย
ระหว่างการเดินทางมีคำถามที่เกิดขึ้นในใจตลอดการเดินทาง......
รัก..ไม่รัก
รัก....ไม่รัก
รัก......ไม่รัก

ความรักทำให้คนตาบอด ความรักที่ต้องเข้าตามตรอกออกตามประตู
เราเองก็เช่นกัน รักเชียงใหม่ก็ต้องเข้าทางประตูท่าแพ ^_^
ขอพักใจ หลบหนีเมือง หลบหนีความวุ่นวาย หนีความจริง
ทนไม่ไหวจริงๆ ยอมรับจริงๆ ขอสารภาพตรงนี้เลยก็แล้วกัน "ว่า"

"เราแอบหลงฮักหลินปิงจนหัวปักหัวปำ"

ไม่มีอะไรมาก คริ..คริ แค่มาเยี่ยมหลาน..หลินปิง ไหว้พระล้านนาเชียงใหม่่จ้าว!
เห็นในตำนานบ่งบอกไว้ว่า ใครมาเชียงใหม่ไม่ได้กินแค็บหมูเหมือนมาไม่ถึง
เกี่ยวกันไหมเนี๊ย...



เลาะไปตามทางเลื่อยๆ อุ้มๆ จะพากระเป๋าไปนอนที่ห้องก่อน
แล้วค่อยออกมาสูดอากาศเมืองเชียงใหม่กันใ่ห้เต็มปอด
ฝรั่งถามว่าทำไมฟุตบาตเมืองไทยบ้านยูแคบจัง ตอบไปเลยว่าที่ดินบ้านไอมันแพง

เห็นกำแพงแล้วนึกถึงบ้านตัวเอง เห็นกำแพงแล้วอย่าทำแบบนี้เลยนะจ๊ะ
คิดซะว่าหนูขอพี่ก็แล้วกัน เพราะ.....ยังเคลืองไม่หาย....เลย


อืม! นั่นล่ะ กำแพงที่บ้านเราเจอแต่จิตกรขาประจำ สร้างสรรค์ให้ทาสีใหม่ทุกปี เอออ!
ลบให้แล้ว แบบนี้สะอาดตากว่าเยอะเลยจ๊ะ อนุรักษ์ไว้คงอยู่เป็นของดีเชียงใหม่ต่อไปดีกว่านะจ๊ะ



ดูจากซากอิฐแล้วเหมือนเป็นของใหม่เลย ของเก่ืาคงเสื่อมสภาพตามกาลเวลา
เหลือไว้ร่องลอยอดีตที่ใ้ห้ลูกหลานได้ระลึกถึงกัน มีหลายคนเคยกล่าวไว้ว่า
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์ความแก่
มองเห็นแต่ไกล โน้นไงตรงไฟเขียวอ่ะ ที่พักที่สนันสนุนการเดินทางครั้งนี้ ติดกับประตูท่าแพเลย



วันนี้อาณาจักรล้านนา เปลี่ยนไปเป็นเมืองศิวิลัย
มีพาหนะสองแถวสีแดงวิ่งพ่นควันกันให้ขวักไขว่ นี่มันเมืองชัดๆๆๆๆ
แล้วหลินปิงจะอยู่ตรงไหน ไหนบอกว่าอยู่เชียงใหม่ไง
หลอกกันชัดๆๆๆๆ
วันนี้ฟ้าขรู่เราตลอดกาลเดินทางเลย ฮึ่ม..ฮึ่ม เมื่อไหร่จะเทลงมาหว๋า

เี๋ดี๋ยวค่อยมาพาเี่ที่ยวกันต่อ ขอติดไว้ก่อน เดี๋ยวมาใหม่

Create Date : 21 กรกฎาคม 2554
Last Update : 21 กรกฎาคม 2554 9:11:28 น.		14 comments
Counter : 8542 Pageviews.
Share Tweet