คอลลาเจน โคเอนไซม์ Q10 และไฮยาลูรอนเป็นสารที่ร่างกายต้องการน้อยมาก เรียกว่า ไมโครนูเทรียน (Micro Nutrian) เพราะสังเคราะห์ได้เองจากอาหารที่เรากิน แต่มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการสังเคราะห์และการลดของสารเหล่านี้ ซึ่งจะนำมาพิจารณาได้ว่า เราต้องการอาหารเสริมสำหรับผิวหรือไม่ -
หากอายุมากกว่า 20 ปี ระบบซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายจะด้อยประสิทธิภาพลง ประกอบกับฮอร์โมนที่ลดลงและภูมิคุ้มกันไม่สมดุลจึงส่งผลต่อผิว -
การรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ หรือการกินอาหารที่มีสารพิษเจือปนทำให้ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์สารที่จำเป็นต่อร่างกายได้ -
เมื่อต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลภาวะ หรือมีความเครียดในการทำงานสูง หากเข้าข่าย 3 ข้อนี้ อาหารเสริมจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก หลักในการรับประทานอาหารเสริมคือต้องพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ สถานที่ผลิต งานวิจัยรับรอง ราคา วันหมดอายุ และคำเตือนหรือผลข้างเคียง เช่น คนท้องต้องระวังปริมาณวิตามินเอที่กินเข้าไป หรือ อาจมีผลกับยาที่มีอยู่เดิม ก้าวใหม่ของสารเสริมสวยในอาหาร คอลลาเจน เป็นโมเลกุลของโปรตีน มีคุณสมบัติกระตุ้นการเจริญเติบโตของผิว รักษาน้ำในผิวและช่วยป้องกันเชื้อโรค จึงถูกนำมาใช้รักษาคนไข้ที่มีแผลไฟไหม้ และลักลอบฉีดเพื่อลดความเหี่ยวย่นซึ่งทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย ปัจจุบันคอลลาเจนถูกนำมาผสมในอาหารหลายชนิด เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นม น้ำผลไม้ ชาเขียว รังนก ซุปสกัด ลูกอม ฯลฯ แต่การกินคอลลาเจนไม่ช่วยให้ผิวสวยได้โดยตรงเพราะสารคอลลาเจนที่สังเคราะห์จากสัตว์และพืชจะถูกทำลายไปส่วนหนึ่งเมื่อถูกความร้อน และคอลลาเจนส่วนที่เหลือจะถูกกรดในกระเพาะอาหารย่อยให้เป็นอะมิโนแอสิดที่ใช้ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และหากมีปริมาณมากเกินความต้องการจะถูกแปลงเป็นไกลโคเจนและสะสมอยู่ในร่างกาย การกินคอลลาเจนจึงไม่แตกต่างกับการกินอาหารที่มีโปรตีนเช่น เนื้อปลา หมู หรือพืชตระกูลถั่ว แต่จะต้องกินร่วมกับวิตามินซีซึ่งเป็นตัวช่วยร่างกายสังเคราะห์คอลลาเจนด้วย ไฮยาลูรอน หรือ ไฮยาลูโรนิคแอสิด (Hyaluronic acid)ไฮยาลูโรเนด(Hyaluronate) ไฮยาลูโลแนน (Hyaluronan) เป็นสารที่ร่างกายสังเคราะห์ได้จากอาหารประเภทโปรตีนทั่วไป ทำหน้าที่เหมือนกาวเชื่อมคอลลาเจน มีคุณสมบัติช่วยอุ้มน้ำและช่วยกันการกระแทก จึงพบมากในกระดูกอ่อน น้ำในลูกตา น้ำในข้อ และผิวหนัง ในทางการแพทย์จะใช้สารไฮยาลูรอนที่สังเคราะห์จากสัตว์ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา มาฉีดรักษาโรคข้อ การผ่าตัดตา และลดริ้วรอยเพราะทำให้ผิวอุ้มน้ำดีขึ้นโดยไม่เกิดการระคายเคือง ส่วนการใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว เหมาะกับคนผิวแห้งและมีริ้วรอยจากการขาดน้ำ แต่ใช้ไม่ได้ผลกับริ้วรอยจากการหดตัวของกล้ามเนื้อหรือริ้วรอยตามวัย นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายไฮยาลูรอนในแบบอื่นๆ อีก เช่น แคปซูล ลูกอม และหมากฝรั่ง เป็นต้น แต่พบว่าการกินไฮยาลูรอนก็ไม่แตกต่างกับการกินอาหารโปรตีนทั่วไป โคเอนไซม์ Q 10 สารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยการแบ่งเซลล์ของผิวหนัง และชะลอการสูญเสียไฮยาลูโรเนด นอกจากนี้ยังทำหน้าที่สร้างพลังงาน จึงพบโคเอนไซม์ Q10 มากในผิวและอวัยวะที่ต้องการพลังงาน เช่น หัวใจ ตับ ปัจจุบันกำลังทดลองใช้โคเอนไซม์ Q 10 รักษาโรคต่างๆ ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคมะเร็ง ไมเกรน โรคเกี่ยวกับความเสื่อม เช่น สมองเสื่อม อัลไซเมอร์ พาร์คินสัน โรคหัวใจ หัวใจขาดเลือด เอดส์ ฯลฯ มีการทดลองมากมายพบว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของโคเอนไซม์ Q 10 อย่างการทาจะป้องกันยูวีเอได้ดี ผลพลอยได้คือช่วยลดการทำลายคอลลาเจนและไฮยาลูโรเนดในผิว ทั้งยังช่วยปรับสภาพผิวให้สวยขึ้นภายใน 6 เดือน ปกติร่างกายจะสังเคราะห์โคเอนไซม์ Q 10 จากอาหารประเภทโปรตีน คือ ปลาและเครื่องในสัตว์ โดยเฉพาะตับและหัวใจ การกินโคเอนไซม์ Q 10 เป็นอาหารเสริมควรบริโภคในปริมาณ 30-50 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะหากกินมากเกินไปจะเกิดอาการ คลื่นไส้อาเจียน ผื่นคัน ปวดหัว ท้องเสีย เจ็บหน้าอก เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ มึนงง หงุดหงิด กระสับกระส่าย ตาแพ้แสง อ่อนเพลีย ครั่นเนื้อครั่นตัว ผู้ที่ต้องระวังคือผู้ป่วยโรคเบาหวานน้ำตาลต่ำเพราะจะทำให้น้ำตาลลด และคนที่เป็นโรคเลือดเพราะโคเอนไซม์ Q 10 จะไปลดประมาณเกล็ดเลือดทำให้เลือดออกง่าย รวมถึงคนที่เป็นความดันต่ำ คนท้อง และแม่ที่ให้นมลูก Health & Cuisine |