ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 116ชิน
ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 116ชิน โจทย์โดยน้องเป็ดสวรรค์ ผู้อำนวยการงานตะพาบของเรานี่เอง ขอให้ชื่อตอนนี้ว่า ก้าวสู่ชีวิตใหม่ ต้องก้าวพ้นความเคยชิน" ก้าวสู่ชีวิตใหม่ ต้องก้าวพ้นความเคยชิน "เธอจงระวังความคิด เพราะความคิดบ่อยๆก่อให้เกิดการกระทำ เธอจงระวังการกระทำ เพราะการกระทำบ่อยๆ ก่อให้เกิดนิสัย เธอจงระวังนิสัย เพราะนิสัยก่อให้เกิดบุคลิก เธอจงระวังบุคลิก เพราะบุคลิกจะกำหนดชะตากรรมของเธอ (หลวงพ่อชา สุภัทโท) มองในแง่ดี สิ่งที่ทำให้ชีวิตดำรงอยู่ได้อย่างปกติสุขก็คือ ความเคยชิน จากสถานการณ์ร้ายแรงที่สุดในตอนแรกเมื่อผ่านไปสักระยะ ก็กลายเป็นพอยอมรับได้และกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปในที่สุด ถ้าเป็นในเรื่องดีๆเช่นการออกกำลังกาย การลดความอ้วน การนอนแต่หัวค่ำก็คงเป็นเรื่องดีมากๆกับตัวเอง แต่ถ้าเป็นความเคยชินในเรื่องแย่ๆก็คงให้ผลในทางตรงกันข้าม ยิ่งถ้าทำต่อเนื่องเป็นนิสัยแล้วล่ะก็ จะให้ผลรุนแรงมากที่สุดกับชีวิตของตัวเองเลยทีเดียว ความเคยชินก็เหมือนบ้านที่ให้ความอบอุ่น ปลอดภัยกับเรา เราอาจอยู่ในบ้านแห่งความเคยชินนั้นมานาน และปฏิเสธความเปลี่ยนแปลงการพัฒนาตัวเองอย่างสิ้นเชิงก็ได้ คงเหมือนกบในกะลาที่คิดว่าโลกกว้างทั้งหมด นั้นอยู่แค่ในกะลาของตัวเอง ความเคยชินนั้นได้กลายเป็นกับดัก เป็นพันธนาการชีวิตเราไปเสียแล้ว เพราะอาจทำให้เราเป็นคนเอื่อยเฉื่อยน่าเหนื่อยหน่าย ขาดความคิดสร้างสรรค์ ขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน ถ้ามีสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ควรแก้ไข เราจะกล้าพอที่จะออกจากความเคยชิน นี้ไปทำสิ่งที่ดีและมีประโยชน์กับตัวเองได้หรือไม่ "ทฤษฎีกบต้ม เป็นทฤษฎีที่นักวิชาการชาวไอริชผู้หนึ่งชื่อ Tichyand Sherman (1993) ได้เสนอแนวคิดทฤษฎีโดยการทดลองนำกบมาต้มในอ่างน้ำ 2 อ่าง เพื่อ ศึกษาการเปรียบเทียบปฏิกิริยาตอบสนองของกบ อ่างน้ำที่ชาวไอริชนำมาใช้ทดลองนั้น ใส่น้ำต่างกัน ใบแรกเป็นอ่างน้ำร้อนจัด ใบที่สองเป็นอ่างน้ำที่อุ่นสบายๆ และทำให้ค่อยๆ อุ่นขึ้นจนเดือด ได้ทดลองนำกบมา 2 ตัว ตัวแรกใส่ในอ่างน้ำที่ร้อนจัด ส่วนตัวที่สองใส่ในอ่างน้ำอุ่น ที่ทำให้อุ่นขึ้นจนเดือด โดยผู้ทดลองต้องการศึกษาว่า กบตัวไหนจะตายก่อน หรือตัวไหนจะรอดชีวิต ผลการทดลองปรากฏว่า กบในอ่างน้ำเดือดรอดชีวิตเพราะรู้ว่าน้ำร้อนจึงรีบกระโดด ออกมาหลังสัมผัสน้ำเดือดทันที แต่กบที่อยู่ในน้ำอุ่นจะรู้สึกสบาย แม้ว่าน้ำจะค่อย ๆ อุ่นขึ้นก็ไม่ยอมกระโดดออกมา ยังคงอยู่ในอ่างน้ำจนกระทั่งน้ำเดือดจึงตาย ด้วยสัญชาติญาณของการเอาตัวรอด กบจะรอดได้ต้องไวต่อความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น" พบเสมอๆว่าคนที่ทำงานหนักและเครียดติดต่อนานจนเคยชิน ย่อมไม่ทราบสภาวะที่แท้จริงของร่างกายว่าทรุดโทรมเพียงใดคิดแต่ว่า"ยังไหวอยู่" เมื่อพบอีกทีก็พบว่าเป็น ความดัน โรคหัวใจ จนเส้นเลือดในสมองตีบ หรือ หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ที่ดีหน่อยพอทำใจได้ก็อาจเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ต้องจบชีวิตในช่วงที่ชีวิตกำลังรุ่งโรจน์มีชื่อเสียงก็พบได้เสมอๆ เราอาจเคยชินกับสิ่งสำคัญในชีวิตของเราจนมองไม่เห็นคุณค่าของมัน ครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง บุตรภรรยา คุณเห็นความสำคัญของบุคลเหล่านี้หรือไม่หรือให้เวลากับงาน และเงินทองธุรกิจ ความสุขส่วนตัวมากกว่า กว่าจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อได้สูญเสียพ่อแม่ คนรัก หรือครอบครัวที่รักไปแล้ว "เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต"เพราะไม่มีชีวิตก็ไม่มีสิ่งใดที่มีค่าอีกต่อไป แต่ด้วยความเคยชินเราอาจหมดเวลาหลงเพลินไปวันๆ กับ"สิ่งที่ไม่มีค่า"เลยก็ได้ นี่คือสิ่งที่ควรระวังมากที่สุด เพราะไม่มีใครรู้ว่าชีวิตเราจะยังมีอยู่อีกกี่วันจงอย่าประมาทในการใช้ชีวิต เหตุการณ์ไม่คาดคิดแม้เสี้ยววินาทีเดียว ก็อาจจะจบชีวิตของเราได้ทันที เมื่อมีคนร้องขอความช่วยเหลือ เราอาจปฏิเสธคนเหล่านั้น "ด้วยความเคยชิน" ด้วยความรู้สึกว่าธุระไม่ใช่ หรือถ้าเกิดสถานการณ์ที่วิกฤติที่ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกคน เราก็อาจจะนิ่งดูดาย เกี่ยงว่าใครมีหน้าที่ก็ทำไปเพราะฉันไม่เกี่ยว ความนิ่งเฉยอาจเป็นที่มาของอาชญากรรม การค้ามนุษย์ ความรุนแรงทางเพศ ซึ่งหลีกเลี่ยงได้ด้วยการไม่นิ่งเฉยเข้าช่วยเหลืออย่างมีสตินั่นเอง ขอยกตัวอย่างบทความที่เจาะลึกถึงความเคยชินและ การแก้ไขมาให้อ่านกันสักนิดนะครับ ^^ .....................................................................................ที่มาของความเคยชินคือความกลัว ความเกียจคร้านและการหลอกลวงตนเอง ทั้งหมดนี้ซ้อนเร้นอยู่ในความนึกคิด ในจิตใจของเรา นั่นเองความกลัว เป็นพลังชีวิตทางอารมณ์ความรู้สึก มันทำงานโดยตอบสนองกับความคิดนึกต่างๆ ที่ทำงานอยู่ในหัว เพื่อขับเคลื่อนเป็นพฤติกรรมออกมา ความกลัวเป็น สัญชาตญาณของความรักชีวิต ที่ทำให้เราทุกคนมีความรักตัวกลัวตาย ไม่กล้าเผชิญหรือมักหลีกเลี่ยงภัยอันตราย ความมั่นคง ปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญของชีวิต ดังนั้นแง่หนึ่ง ความกลัวช่วยให้เราเรียนรู้ที่จะต้องระมัดระวัง สร้างสรรค์ความมั่นคง ปลอดภัยให้กับชีวิต แต่ความกลัวก็เป็นกรงขังให้เจ้าของชีวิตไม่กล้าเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลง การท้าทายใดๆ ความกลัวขังจมตัวเราให้อยู่กับสภาพแวดล้อมเดิมๆ เราจึงมักพบหลายคนที่แม้จะอึดอัดคับข้องกับสภาพแวดล้อม สังคมรอบตัว เช่น การเอารัดเอาเปรียบ การใช้ความรุนแรง ฯลฯ หรือกับอุปนิสัยของตนเอง บางอย่าง แต่คนเหล่านี้ก็เลือกที่จะยอมทน นิ่งเงียบ ยอมรับ และยอมจำนนกับการพ่ายแพ้ตนเอง ไม่คิดเปลี่ยนแปลงใดๆ ในส่วนของความเกียจคร้าน เราจะพบว่าสำหรับสังคมที่อุดมไปด้วยลัทธิบริโภคนิยม ซึ่งเน้นการแข่งขัน ความรวดเร็ว การมีภาพลักษณ์ของความร่ำรวย โดยที่ผู้คนในสังคมก็ต้องดิ้นรน ทำงานเพื่ออยู่รอดและเพื่อบริโภค ความเหนื่อยล้าจากชีวิตประจำวันก็ยิ่งเสริมสร้าง ให้ความเกียจคร้านมีพลังมากขึ้น การปรับเปลี่ยนตนเอง เรียนรู้ หรือลงมือกระทำสิ่ง ใหม่ๆ ซึ่งต้องใช้ความตั้งใจ ความอดทน และพลังชีวิตที่ต้องใช้ออก จึงเกิดขึ้นได้ ยาก เพราะความเหนื่อยล้า ความจำกัดในเรื่องของเวลา และพลังงาน แน่นอนว่าความต้องการการพักผ่อนทางร่างกายและจิตใจย่อมไม่ใช่ความเกียจคร้าน แต่การเลือกที่จะปล่อยให้ตัวเองจ่อมจมอยู่กับพฤติกรรมที่สร้างความเพลิดเพลิน ชั่วครั้งชั่วคราว เช่น ดูทีวี เล่นการพนัน ดื่มสุรา หรือแม้แต่ปล่อยตัวเองให้จมจ่อมกับการนึกคิด จินตนาการฟุ้งซ่าน หรือเล่นกับอารมณ์ ความรู้สึกบางอย่าง เพื่อให้ตนเองหนีห่างจากการพัฒนาฝึกฝนตนเอง นี่คือ ความเกียจคร้าน มันเป็นความเกียจคร้านต่อการเอาธุระในเรื่องสำคัญต่อชีวิต ต่อการพัฒนาฝึกฝน ตนเอง โดยเฉพาะการเจริญภาวนาด้านจิตใจ รูปธรรมง่ายๆ คือ กรณีการดิ้นรนเพื่อให้ได้มาซึ่งอาหารทางร่างกาย ผู้คนในสังคมถือ เป็นเรื่องใหญ่ แต่อาหารทางด้านจิตใจ เช่น การฝึกฝนด้านสมาธิภาวนา การฝึกปฏิบัติธรรม หลายมักคนมักทอดธุระ ผัดวันประกันพรุ่ง เพราะความเกียจคร้านการหลอกลวงตนเอง คืออีกลักษณะของอุปสรรคที่ทำให้เราไม่อาจก้าวข้ามความเคยชิน จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม เราหลอกลวงตนเองว่า ความตายซึ่งเป็น ฉากจบของ ชีวิตนั้น ยังเป็นสิ่งที่อยู่ห่างไกลจากตัวเรา (ความประมาท) เราทำให้ตัวเองเชื่อว่า ในวันพรุ่งนี้ ในวันเวลาข้างหน้า และในอนาคตอีกยาวไกล จะ ยังคงมีตัวเรา ดำรงชีวิตอยู่ ดังนั้น เราน่าจะมีเวลาหาความสนุก ความเพลิดเพลินให้ กับตนเอง ทั้งที่ความจริงคือ ความตายสามารถเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ และเกิดขึ้นอย่างไร ก็ได้ กับตัวเรา เราหลอกลวงตนเองด้วยลักษณะเช่นนี้ ขอให้ทุกท่านได้พบกับชีวิตใหม่ ซึ่งมีอยู่ทุกขณะ โดยการเอาชนะ ก้าวข้ามความ เคยชิน นิสัยเดิมๆ ที่คอยก่อทุกข์ และกัดข่วนชีวิตของเราให้ไร้สุขเสมอๆ โดยการ ฝึกฝนปฏิบัติจากการสังเกตความนึกคิด ความรู้สึกของตนเองว่า มันทำงานอย่างไร คิดนึก รู้สึกอะไร อย่างไร เราอาจเผลอ หลงลืม แต่หัวใจสำคัญในการเอาชนะความเคยชิน ก็คือ การไม่ยอมแพ้ นั่นเอง (ขอบพระคุณข้อมูลการพัฒนาตนเองจากเว็ป//www.novabizz.com/) .......................................................................................... ถึงแม้บางคนอาจจะคิดว่าตัวเองดีอยู่แล้วจะแก้ไขไปทำไม แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระองค์ไม่สรรเสริญการหยุดอยู่ในกุศลธรรมสรุปคร่าวๆดังนี้ เมื่อบุคลใดมีพื้นเพแค่ไร เกี่ยวกับเกี่ยวกับศรัทธา(ความเชื่อ) ศีล(ความเป็นปกติทาง กาย วาจา) สุตะ(ความสดับตรับฟัง) จาคะ(ความสละกิเลส) ปัญญา(ความรู้) ปฏิภาณ(ความมีไหวพริบ) ทรงสรรเสริญความเจริญยิ่งๆขึ้น มิใช่หยุดอยู่เพียงเท่าหรือเสื่อมถอยกว่าเดิม ขอให้ทุกคนมีความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว มีความเพียรพยายาม และมีไม่ประมาทในชีวิต ที่จะเอาชนะความเคยชินเดิมๆ ไม่ว่าเราจะอยู่ในช่วงใด เวลาวัยใดของชีวิต ชีวิตที่เหลือเรามาทำให้มันมีค่า มีความหมายผิดแผกแตกต่างจากเดิม ด้วยการออกจากกับดักพันธนาการความเคยชิน ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยกำลังใจไม่ยอมแพ้กันนะครับ ^^ ที่มาเนื้อหาเพิ่มเติมมากมายจากอินเตอร์เน็ต เรื่องและภาพประกอบ วนารักษ์ ขอบคุณเพื่อนๆทุกๆคนที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจติชม ขอบคุณเพื่อนประจำบล็อกที่ไม่เคยลืมเลือนกัน ขอบคุณโจทย์ดีๆจากน้องเป็ดสวรรค์ ขอบคุณบล็อกแก๊งค์ที่ให้พื้นที่ในการเสนอเรื่องราวดีๆแบบฟรีๆ ขอบคุณความเคยชินทั้งดีและไม่ดีที่ทำให้เรามีสิ่งที่ต้องเรียนรู้ และแก้ไขตลอดชีวิตของเรา ^^
Create Date : 20 ตุลาคม 2557
Last Update : 27 ตุลาคม 2557 16:31:56 น.
57 comments
Counter : 2503 Pageviews.
โดย: วนารักษ์ วันที่: 21 ตุลาคม 2557 เวลา:22:27:08 น.
โดย: multiple วันที่: 21 ตุลาคม 2557 เวลา:23:02:32 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 ตุลาคม 2557 เวลา:5:52:40 น.
โดย: multiple วันที่: 22 ตุลาคม 2557 เวลา:8:23:17 น.
โดย: วนารักษ์ วันที่: 22 ตุลาคม 2557 เวลา:16:34:32 น.
โดย: Mir & deS วันที่: 22 ตุลาคม 2557 เวลา:18:49:29 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 ตุลาคม 2557 เวลา:23:08:35 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 22 ตุลาคม 2557 เวลา:23:54:07 น.
โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 22 ตุลาคม 2557 เวลา:23:59:42 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 ตุลาคม 2557 เวลา:6:28:16 น.
โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 23 ตุลาคม 2557 เวลา:9:31:58 น.
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 23 ตุลาคม 2557 เวลา:16:03:20 น.
โดย: mastana วันที่: 23 ตุลาคม 2557 เวลา:18:31:32 น.
โดย: Mir & deS วันที่: 23 ตุลาคม 2557 เวลา:19:45:39 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 23 ตุลาคม 2557 เวลา:22:50:03 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 ตุลาคม 2557 เวลา:23:07:00 น.
โดย: lovereason วันที่: 23 ตุลาคม 2557 เวลา:23:31:07 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 23 ตุลาคม 2557 เวลา:23:34:47 น.
โดย: pantawan วันที่: 23 ตุลาคม 2557 เวลา:23:36:45 น.
โดย: multiple วันที่: 24 ตุลาคม 2557 เวลา:3:20:17 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 ตุลาคม 2557 เวลา:6:36:18 น.
โดย: เนินน้ำ วันที่: 24 ตุลาคม 2557 เวลา:8:27:53 น.
โดย: กาปอมซ่า วันที่: 24 ตุลาคม 2557 เวลา:15:34:12 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 ตุลาคม 2557 เวลา:16:00:34 น.
โดย: tanjira วันที่: 24 ตุลาคม 2557 เวลา:16:33:27 น.
โดย: anigia วันที่: 24 ตุลาคม 2557 เวลา:21:22:31 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 24 ตุลาคม 2557 เวลา:22:14:27 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 24 ตุลาคม 2557 เวลา:22:20:44 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 ตุลาคม 2557 เวลา:6:40:25 น.
โดย: multiple วันที่: 25 ตุลาคม 2557 เวลา:8:25:12 น.
โดย: **mp5** วันที่: 25 ตุลาคม 2557 เวลา:10:16:30 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 ตุลาคม 2557 เวลา:12:43:15 น.
โดย: multiple วันที่: 25 ตุลาคม 2557 เวลา:13:28:37 น.
โดย: กาปอมซ่า วันที่: 25 ตุลาคม 2557 เวลา:20:19:24 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 ตุลาคม 2557 เวลา:6:56:47 น.
โดย: mambymam วันที่: 26 ตุลาคม 2557 เวลา:19:17:14 น.
โดย: กาปอมซ่า วันที่: 26 ตุลาคม 2557 เวลา:19:43:08 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 ตุลาคม 2557 เวลา:23:12:57 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 27 ตุลาคม 2557 เวลา:0:19:26 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 ตุลาคม 2557 เวลา:6:05:41 น.
โดย: multiple วันที่: 27 ตุลาคม 2557 เวลา:8:35:49 น.
โดย: multiple วันที่: 27 ตุลาคม 2557 เวลา:8:38:40 น.
โดย: พรไม้หอม วันที่: 27 ตุลาคม 2557 เวลา:11:49:36 น.
โดย: multiple วันที่: 27 ตุลาคม 2557 เวลา:12:34:59 น.
โดย: วนารักษ์ วันที่: 27 ตุลาคม 2557 เวลา:16:31:09 น.
Location :
ปราจีนบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [? ]
ขอต้อนรับสู่บล็อกเล็กๆแห่งนี้มีมิตรภาพและความจริงใจให้กับเพื่อนๆทุกท่านที่แวะเข้ามาทักทายกัน ^^ บทความและรูปภาพนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน พร้อมทั้งขอมอบเป็นน้ำใจกับเพื่อนๆทุกคนที่แวะเข้ามา สามารถคัดลอกนำไปเผยแพร่ได้ ยกเว้นเพื่อประโยชน์ทางการค้าซึ่งต้องขออนุญาตก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่ เพื่อนบางคนมาครั้งเดียว นานๆมาที มาไม่บ่อย มาบ่อยๆ บางคนมาเยี่ยมทุกวันให้ชื่นใจ บางคนเคยมาทุกวัน บางคนเคยมานานแล้ว บางคนหายไปจากบล็อก บางคนก็จะไม่แวะมาทักทายกันอีก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะขอเก็บความรู้สึกดีๆที่มีให้กันไว้ตราบนานเท่านาน เพราะเมื่อรักกันแล้วย่อมเข้าใจกันได้ไม่ยาก จขบ.เป็นคนซื่อๆง่ายๆจริงใจ ไม่มีเจตนาแอบแฝงในการทำบล็อก แต่บทความหรือรูปภาพก็อาจทำให้ผู้อ่านขัดใจได้ เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการของ จขบ.หรืออาจเป็นเพราะเราไม่เคยรู้จักดีพอ จึงกราบขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วย และขอขอบพระคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียนด้วยความจริงใจนะครับ ^^ ฝากข้อความหลังไมค์
1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 31
ขอตัวไปนอนก่อนแล้ว ^^