ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 111 เฉียด
ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 111 เฉียด
โจทย์โดยน้องเป็ดสวรรค์ ผู้อำนวยการงานตะพาบของเรานี่เอง
ขอให้ชื่อตอนนี้ว่า เฉียดจะไม่รอด หรือ เฉียดจะรอด
"เฉียดจะไม่รอด หรือ เฉียดจะรอด"
ก่อนอื่นต้องหาความหมายของคำว่าเฉียดเสียก่อน
เฉียดแปลว่า ใกล้, ชิด, เคียง, เกือบถูก, จวน.
พจนานุกรม อ.เปลื้อง ณ.นคร
แต่จากประสบการณ์ชนิดเฉียดหรือร้ายแรงในชีวิตจริงของผม
มีอยู่สองความหมาย...
คือ เฉียดจะไม่รอด หรือ เฉียดจะรอด
ถ้าให้คุณเลือกคุณจะเลือกแบบไหน?
หลายๆคนคงเลือก เฉียดจะรอดเพราะฟังแล้วดูดีนะครับ
แต่ไม่ใช่เลย 555+++^^
เฉียดจะรอดนี่เจอไปแล้วเต็มๆ แต่เฉียดจะไม่รอด
นี่ถือว่าโชคดีนะครับเพราะยังไม่เจอจังๆรอดมาได้
ถึงเพื่อนๆจะชอบบอกว่าผมมองโลกในแง่ดี คงจะไม่เคยเจออะไรร้ายๆ
แต่ที่จริงผมเคยผ่านเรื่องราวร้ายๆมามากโขทีเดียว
ประสบการณ์เฉียดจะรอดผมเคยถูกโกงไปหลายแสนบาท
เคยถูกขโมยเข้าบ้านหลายครั้งเสียทองที่เก็บไว้จนหมด
ไม่เหลือเลย(จนถึงปัจจุบันก็ไม่เคยคิดจะซื้อมาเก็บไว้อีกเลย)
จากสองครั้งนี้ทำให้เกิดความท้อแท้ห่อเหี่ยวในชีวิตและทรัพย์สิน
อย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าทำงานมาแทบตายไม่เหลืออะไรเลย
แต่ก็ปลอบใจตัวเองบ่อยๆว่า
ชาติก่อนเราคงเคยไปเอาของเขามาเมื่อชาติก่อน
ชาตินี้เขาเลยมาเอาคืน
เงินทองเป็นของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ได้
คิดได้สองประโยคนี้แล้วก็รู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆตามวันเวลา
ที่ผ่านเลยไป ตอนนี้ความรู้สึกเสียใจก็ไม่มีเหลือแล้ว
อีกประสบการณ์หนึ่งคือ เกือบจะโดน
หรือ เกือบจะตาย อันนี้ก็มีหลายเรื่องทีเดียว
ตอนเด็กๆบ้านอยู่ติดคลอง เดินไปเดินมา
บนทางไม้ผุๆ ตอนนั้นคงประมาณ 4-5 ขวบเผลอลื่น
ตกลงไปในคลอง สงสัยจะยังไม่ถึงฆาต ยมบาลยังไม่อยากเอาตัวไป
ตกไปเงียบๆแม่เผอิญมองเห็นเข้าพอดีเลยยื่นไม้ไปให้เกาะ
แล้วลากตัวขึ้นมารอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด
เป็นประสบการณ์เฉียดตั้งแต่วัยละอ่อน
ภาพที่เห็นตอนอยู่ในน้ำยังจำขึ้นสมองอยู่
จนถึงทุกวันนี้เลย
แต่พอโตขึ้นมาหน่อยก็มีโรคประจำตัวคือไซนัสอักเสบเรื้อรัง
เป็นมาสามสิบปีตั้งแต่สิบขวบจนถึงอายุสี่สิบ
เป็นวังวนของความท้อแท้และสิ้นหวังในชีวิต
มีชีวิตอยู่ด้วยการกินยาที่ทำลายตับไตไส้พุงของเราเอง
เพิ่งหายเมื่อไม่นานมานี้เอง อันนี้ก็ไม่รอดอีกนะครับ ^^
เจอทุกขั้นตอนตั้งแต่กินยาทุกวันทำให้ง่วงนอน
จนเรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง เจาะล้างไซนัส จนถึงเข้าห้องผ่าตัด
ดมยาสลบเพื่อเปิดล้างทำความสะอาดไซนัสแบบจะๆกันไปเลย
ผมเจอไปสี่ครั้งในช่วงหลายๆปีเรียกว่าน่วมกันไปเลย
หลังผ่าตัดเจ็บปวดทรมานชนิดต้องฉีดยาแก้ปวดอย่างแรงเลยทีเดียว
เรียกว่าเจ็บปวดแบบสุดๆ ทรมานแบบสุดๆ
เฮ้อคิดแล้วก็น่าสงสารตัวเอง
ไม่รู้ว่าชาติก่อนไปฆ่าหรือทำร้ายสัตว์มาอีท่าไหน
ถึงได้รับเคราะห์กรรมขนาดนี้
การที่เรามีโรคประจำตัว บางทีก็รู้สึกว่าทำให้เราเข้มแข็ง
เพราะไม่กลัวต่อความเจ็บปวด ความทรมานของร่างกาย
แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง โรคประจำตัวก็บั่นทอนทำลายสุขภาพจิต
ให้เป็นคนซึมเศร้า ท้อแท้ ไม่สนใจชีวิตของตัวเองเท่าที่ควร
รู้สึกว่าอยู่ไปแบบไร้ค่า ไม่ร่าเริงแจ่มใสเหมือนคนอื่น
แต่ที่แน่ๆทุกครั้งที่ชีวิตผ่านการเฉียดมาได้
ไม่ว่าจะเฉียดจะรอด หรือ เฉียดจะไม่รอด
เราก็จะได้รับบทเรียนที่มีค่าที่สุดพอสรุปได้ก็คือ
ชีวิตนี้ไม่แน่นอนอะไร จะเกิดอะไรขึ้นมาตอนไหนก็ได้
เราจะตายตอนไหนก็ได้ ไม่เลือกว่าเด็ก หนุ่มสาวหรือแก่ชรา
เพียงแค่หายใจเข้าแล้วไม่ออกก็ตาย หรือหายใจออกแล้วไม่เข้าก็ตาย
แค่ไม่กี่นาทีที่หยุดหายใจก็ตายแล้ว
บางคนนอนหลับแล้วก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย รู้อีกทีก็ตายไปเสียแล้ว
ความตายอยู่ใกล้ๆเรานี่เอง
พยายามใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท
ทำให้ทุกๆวันเสมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต
ที่ไม่มีอะไรคาใจที่ยังไม่ได้ทำให้สำเร็จ
ทำดีต่อคนที่เรารักและรักเราให้ดีที่สุด ทำดีต่อทุกๆคนที่เราได้พบอยู่เสมอ
เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมจะเดินทางสู่โลกหน้าอยู่เสมอจะดีที่สุด
เราต้องตั้งสติสัมปชัญญะให้ดีในขณะเกิดเหตุร้ายแรง
เข้ามาในชีวิตของเรา เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา
เพื่อคลายความคิด ความกังวลในใจที่ร้ายแรงไม่แพ้กัน
บางคนพอรู้ว่าเป็นมะเร็งก็ตายเพราะเสียใจไปก่อนก็มีมาก
รักษาใจตัวเองให้ดีอย่าคิดมากจนเกินไป
ไม่ใช่ความทุกข์ที่ทำให้เราคิดมาก
แต่เป็นความคิดมากที่ทำให้เราเป็นทุกข์
อย่าท้อแท้สิ้นหวังถ้ายังวนเวียนอยู่ในความทุกข์นั้น
เพราะถ้าเราสิ้นหวังชีวิตเราก็เหมือนตายไปแล้ว
เหมือนคนที่ลอยไปตามกระแสน้ำเชี่ยว
ไม่ช่วยเหลือตัวเองเพราะสิ้นหวัง ปล่อยชีวิตให้ลอยไปตามกระแสน้ำ
ย่อมไม่มีโอกาสรอด ต้องพยายามให้ถึงที่สุดเท่านั้นจึงจะพอมีโอกาสบ้าง
แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในร้อยหรือหนึ่งในพันที่จะรอดก็ต้องอดทนจนถึงที่สุด
สมดังคำพระที่ว่า"คนที่มีความพยายามขึ้นชื่อว่ามิได้เป็นหนี้ใคร"
เพราะเมื่อพยายามเต็มที่แล้วล้มเหลว ไม่มีใครมาตำหนิเราลับหลังได้นั่นเอง
เมื่อมีทุกข์หนักมีข้อดีก็คือ เราจะไม่อยากอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป
โลกนี้ไม่ใช่ที่ที่จะมาตักตวงความสุขหลงระเริงไปวันๆ
เพื่อรอความทุกข์ระดับซึนามิมาถล่มใส่ลูกแล้วลูกเล่าอีกแล้ว
เราโชคดีที่ได้รู้ ความจริงของชีวิต ตั้งแต่อายุไม่มากนัก
ว่า"แท้จริงแล้วชีวิตนี้มีทุกข์มากกว่าสุข"
สุขอื่นใดเหนือกว่าความสงบไม่มี
นี่คือความรู้สึกลึกๆจริงๆในใจของคนที่ทุกข์หนักแรมปีอย่างผม
ไม่ได้อยากหนีโลกไปดาวอังคารหรือดวงจันทร์แต่อย่างไร
แต่อยากหนีความทุกข์ทั้งหมดที่เกิดกับชีวิต สังขารร่างกายนี้ไปเสียที
ไม่อยากแสวงหาความสุข เราจะไม่อยากแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับใคร
เราจะมองคนทุกๆคนว่าเป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายกับเราเหมือนกัน
ควรอยู่กันด้วยความรักเมตตาต่อกันมากกว่าที่จะทะเลาะกัน
ไม่รู้หรือว่าชีวิตนี้ทุกข์หนักกันแค่ไหน
หรือยังมองไม่เห็นความจริงกันมากพอ
ที่พึ่งเดียวในใจที่ดีที่สุดยามมีความทุกข์ก็คือธรรมะนี่เอง
มาปฏิบัติธรรมเพื่ออยู่ในโลกของสัจธรรม
ดีกว่าปล่อยชีวิตให้หลงระเริงไปกับวัยหนุ่มสาว
และหลงเพลินแสวงหาความสุขจนล่วงเข้าวัยชรา
ที่สังขารล่วงโรย พบเจอแต่ความทุกข์และความพลัดพราก
แล้วเพิ่งมาฉุกคิดได้ว่าชีวิตนี้ควรจะหาที่พึ่งทางใจเสียบ้าง
กว่าจะคิดเช่นนั้นก็อาจจะไม่ทันการเสียแล้ว
ทุกๆความทุกข์ที่เข้ามานั้นนำปัญญามาให้เราทุกข์ครั้ง
ถ้าเรารู้จักมองให้เห็นและใช้ปัญญานั้นเพื่อเปลี่ยนแปลง
ความคิดและการกระทำของเราไปในทางที่ถูกต้อง
ยิ่งมีปัญญา...
ก็ยิ่งมีสติระมัดระวังตัวมากขึ้น
ยิ่งมีปัญญา...
ก็ยิ่งปล่อยวางอะไรในชีวิตได้ง่ายขึ้น
ไม่มี ไม่เอา ไม่เป็นอะไร ไม่คิด ไม่หวัง ไม่อยาก ไม่ทุกข์
จงทำตัวเหมือนนกมีเพียงปีกบินไป
ไม่ว่าเรื่องร้ายหรือเรื่องดีในชีวิตก็ตามถือคติที่ว่า
"เรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้นล้วนสมควรแก่เหตุทั้งนั้น"
ไม่ต้องไปโทษใคร ไม่ต้องมานั่งเสียใจคร่ำครวญถึงความลำบากในชีวิต
บางคนชอบเล่าพรรณนาถึงความทุกข์ยากลำบากในวัยเยาว์
บางคนก็เล่าว่าพ่อแม่ไม่รักตัวเอง พี่น้องสุขสบายตัวเองลำบากอยู่คนเดียว
บางคนก็ชอบเล่าถึงความเลวของคู่ของตน ญาติพี่น้อง ลูกหลานของตน
ยอมรับความจริงนั้นให้ได้ ไม่ว่ามันจะทุกข์ร้ายแรงเพียงใดมันเกิดขึ้น
และผ่านไปเป็นอดีตนานมาแล้ว ป่วยการที่จะไปคิดถึงมันอีก
ความสุขและความทุกข์อยู่กับการกระทำในปัจจุบันของเรา
ไม่ได้เกิดจากการกระทำของใครทั้งนั้น มีสติและใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดี
ชีวิตข้างหน้าก็จะพบแต่ความสุขอย่างแน่นอน
ไม่มีใครรู้ดีไปเสียทุกเรื่อง นี่คือสิ่งที่เราควรระวังตัวไว้เสมอ
ความไม่รู้และความประมาทล้วนนำเราไปสู่ประสบการณ์เฉียดได้ทุกรูปแบบ
บางครั้งเราอาจหลีกเลี่ยง ประสบการณ์เฉียด ไม่ได้
แต่เราใช้ประโยชน์จากมันเพื่อความสุข
และความสำเร็จในชีวิตของเราได้เสมอ
ต้นทุนชนิดนี้ถ้าเกิดกับใครในช่วงต้นๆ หรือช่วงกลางๆของชีวิต
ยิ่งเกิดขึ้นรุนแรงและเกิดเยอะๆบ่อยๆต้องถือว่าโชคดีมากว่าโชคร้าย
เมื่อวันเวลาผ่านไปเหตุการณ์"เฉียด"ทั้งหลายก็คล้ายเป็นแค่ความฝัน
เหลือไว้แต่ความฉลาดรู้เท่าทัน เข้าใจโลกและปล่อยวางได้
ชีวิตที่เหลือก็คือความสุขจากความเข้าใจชีวิตในแง่ที่เป็นสัจธรรม
คุณคิดแบบผมบ้างไหมครับ ^^
ตอนนี้มีงานเขียนร่วมกิจกรรมวันแม่ รักแม่ให้โลกรู้
ให้อ่านกันในเทศกาลวันแม่ด้วย คลิ๊กที่ลิงค์ข้างล่างได้เลยครับ ^^
แม่คำนี้มีความหมาย
ขอบคุณเพื่อนๆทุกๆคนที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจติชม
ขอบคุณเพื่อนประจำบล็อกที่ยังไม่ลืมกันและมาให้กำลังใจกันเสมอๆ
ขอบคุณหัวข้อดีๆจากน้องเป็ดสวรรค์รักคุณเท่าฟ้า
ขอบคุณทุกๆเหตุการณ์ในชีวิตที่ทำให้ชีวิตมีรสชาติขมขื่น
แต่หอมหวลเหมือนกาแฟชั้นดี
ขอบคุณบล็อกแก๊งค์ที่มีบ้านที่อบอุ่นให้เราอยู่
และยังมีกิจกรรมดีๆให้เราได้ร่วมกันทำอีกด้วย ^^
Create Date : 10 สิงหาคม 2557 |
Last Update : 15 สิงหาคม 2557 16:01:37 น. |
|
52 comments
|
Counter : 1677 Pageviews. |
|
|
|
พี่มองโลกในแง่ดีมากๆค่ะ ไม่มีบ่นว่าถามหาว่าใคร ทำไม อะไร ถึงต้องมาเฉียดเจอวิกฤติแบบนี้
บางที ความเรื่ิองเจ็บๆก็สอนให้เราเข้มแข็งได้เหมือนกัน