Krisna แนะนำให้พักที่ Pratab Guesthouse ราคาคืนละ 200 รูปี แต่เราขอให้เขา ไปต่อรองราคาลงมาที่ 150 รูปี คุณยายเจ้าของ Guesthouse ใจดี จึงยอมแต่โดยดี Guesthouse แห่งนี้เป็น Guesthouse ขนาดเล็กมีห้องไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวไม่ถึง 10 ห้อง ช่วงที่เรามาพักที่นี่มีแค่เรากลุ่มเพื่อนคนไทย 4 คนแล้วก็ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น 3 คนพ่อแม่ลูกเท่านั้น เก็บกระเป๋าสัมภาระเข้าห้องเรียบร้อยแล้วเพราะความหิวจัด เนื่องจากไม่ได้กินมื้อกลางวัน อาศัยเพียงแค่คุ้กกี้และช็อคโกแลตแบ่งกันกินกับ Krisna กลางทาง เราเลยหยิบมาม่ารสต้มยำกุ้งติดมือมาหนึ่งห่อพร้อมถ้วยที่พกมาจากเมืองไทยกะจะไปขอน้ำร้อนจากยายในครัวเพื่อลวกมาม่ากินซักหน่อย ก็พอดีเจอ Krisna ยืนยิ้มอยู่ข้างล่างเลยนึกขึ้นได้ วิ่งกลับไปเอามาม่าอีกห่อลงมาเผื่อ Krisna ด้วย งานนี้ Krisna ขันอาสาจัดการให้ บอกให้เราไปนั่งรอข้างในห้องรับประทานอาหาร ไม่นานมาม่าร้อน ๆ สองถ้วยก็มาวางบนโต๊ะ พวกเราซดกินม่าม่าร้อน ๆ ด้วยความเอร็ดอร่อย มาม่ารสแซ่บจัดจ้าน เผ็ด ๆ คลายหนาวได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว Krisna รู้สึกติดใจในรสชาติ พอกินเส้นหมดเลยยกชามซดน้ำซะเกลี้ยงไม่มีเหลือ
ได้มาม่ารองท้องแล้วเราเลยขอตัวขึ้นห้องคว้ากล้องปัญญาอ่อนติดมือลงมากะจะเดินเล่นรอบหมู่บ้านซักหน่อยขณะเดียวกันก็ยังอาลัยอาวรณ์กับกล้องตัวเก่าอยู่ เลยหิ้วมันออกมาด้วยเป็นเพื่อนกัน (ท่าทางจะโรคจิตนิด ๆ) หลบหนีออกมาโดยไม่บอก Krisna เดินซอกแซกไปตามบันไดหินผ่านบ้านเรือนของชาวบ้าน ที่ตั้งอยู่ตามไหล่เขา
หมู่บ้าน Ulleri เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนไหล่เขาสูง เป็นหมู่บ้านแรกของเส้นทาง Trekking สู่ Poon Hill ที่นักท่องเที่ยวจะได้ยลโฉมหนึ่งในยอดเขาหิมาลัยนามว่า Annapurna South เสียดแทงยอดขาวโพลนโดดเด่นงดงามอยู่เบื้องหน้า หมู่บ้านแห่งนี้มีจำนวนครัวเรือนไม่กี่สิบหลังคาเรือน บ้านบางหลังถูกดัดแปลงเป็นที่พักสำหรับนักเดินทาง เราเห็นนักท่องเที่ยวบางกลุ่มกำลังจับกลุ่มฉลองความสำเร็จที่เดินทางผ่านความเหนื่อยยากมาทั้งวัน ดูทุกคนมีความสุขเหลือเกิน เราเดินซอกแซกทักทายเพื่อนฝูงสัตว์โลกผู้น่ารักทั้งไก่ ทั้งแพะ ทั้งแกะ และควาย บ้านแต่ละหลังดูเรียบง่ายแต่แฝงความน่ารักอยู่ในที ชาวบ้านอยู่กันแบบพอเพียงจริง ๆ ควันไฟพวยพุ่งออกมาจากปล่องควันของบ้านแต่ละหลังเสียงเด็กน้อยร้องงอแงเพราะแม่ไม่สนใจเนื่องจากกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารมื้อค่ำ เด็ก ๆบางกลุ่มกำลังเล่นกีฬาอยู่บริเวณลานกีฬาของหมู่บ้าน อากาศหนาวมากถึงมากที่สุด เราเดินสำรวจทั่วหมู่บ้านไปปากก็ซีดสั่นเพราะความหนาวยะเยือก (ลืมติดเสื้อกันหนาวออกมาด้วย) แต่ความงดงามและน่ารักของบรรยากาศและภาพที่เห็นดึงดูดให้สองขายังคงก้าวเดินสำรวจไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็เดินครบทั่วหมู่บ้าน
ขากลับเราตัดสินใจเดินกลับอีกเส้นทางหนึ่ง ก็เผอิญเจอเข้ากับ Krisna พอดี Krisna บอกว่าไปตามหาเราที่ลานกีฬากลางหมู่บ้าน เพราะอากาศหนาวเลยนึกว่าเราคงไปเล่นกีฬาเรียกเหงื่ออยู่ที่นั่น พอไม่เจอเขาก็เลยแก้อาการหนาวด้วยการเล่นบาสเก็ตบอลเรียกเหงื่อเสียหน่อย แล้วก็เดินมาเจอเรานี่แหละ พวกเราเดินกลับที่พักกัน ชักเริ่มหิวเสียแล้วซิ วันนี้ใช้พลังงานไปเยอะได้กลิ่นอาหารจากฝีมือคุณยายเจ้าของ Guesthouse ในครัว เราเลยขอเดินเข้าไปดู พลางถาม Krisna ว่าจะสั่งอาหารเลยได้มั๊ย Krisna บอกว่าควรอย่างยิ่ง สั่งไว้ตอนนี้เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จก็ลงมากินพอดี เราคิดเมนูไม่ออก " เอาเป็นข้าวผัดไก่ละกัน " Krisna คุยกับยายด้วยภาษาเนปาลีแล้วหันมาพูดกับเราว่า เนื้อไก่ไม่มี มีแต่เนื้อควายกับไข่เท่านั้น เราเลยลังเลนิดหน่อยเอาว่ะ " ข้าวผัดเนื้อควายใส่ไข่ก็ได้ " |