<<<<บ้านอะเดลยินดีต้อนรับจ้า>>>>
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2559
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
16 มีนาคม 2559
 
All Blogs
 
หนี้รักในกรงไฟ (Miracle Bell) บทที่ 7 (2/2)


บทที่ 7 (ท่อนหลัง)

ณ สนามบินสุวรรณภูมิ บรรยากาศภายในอาคารผู้โดยสารดูวุ่นวายผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาด้วยความรีบเร่ง บ้างลากกระเป๋าใบใหญ่ บ้างเข็นรถเข็นสัมภาระต่างไม่มีใครสนใจใครมากนัก จะมีก็แค่ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่ดูโดดเด่นด้วยรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวอมชมพูใบหน้าสะอาดสะอ้าน ชวนมอง

ดวงตาใต้แว่นสายตานั้นกวาดมองป้ายไฟรอบอาคาร ตัวอักษรภาษาไทยที่เห็นบ่งบอกว่านี่คือบ้านที่คิดถึง นี่คือสถานที่พักร้อนอย่างแท้จริงไม่มีที่แห่งไหนที่อยากไปเท่าที่นี่อีกแล้ว การกลับมาครั้งนี้เขามาในฐานะผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่ใช่เจ้าพ่อมาเฟียไม่ใช่คนที่ถือปืนมีลูกน้องเดินประกบหน้าหลังสร้างบารมีให้คนกลัวเกรง ชื่อของเขาในเวลานี้คือ 'กวิน ธาดาโสภณ' ชื่อที่ไม่ได้ใช้มานาน แต่วันนี้ผู้ชายคนนี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์เพราะเอรอนได้จับตัว ‘เควิน รีฟส์’มาสลัดคราบใหม่

อดีต ราวหนึ่งอาทิตย์ก่อน...

‘ถ้านายน้อยจะเป็นเชฟกวินเพื่อไปบ้านริมน้ำก็ต้องมีการเปลี่ยนรูปลักษณ์กันใหม่’

เอรอนเสนอความคิดเห็น โดยต้าฟงสนับสนุนเพราะเป็นประโยชน์สำหรับการรักษาความปลอดภัยเมื่อเควินตกลง เขาถูกพาไปยังสตูดิโอใหญ่โตหรูหราแห่งหนึ่ง ที่นั่นทีมงานสไตลิสต์มืออาชีพรออยู่ พวกนั้นใช้เวลาไม่นานในการเปลี่ยนนักธุรกิจมาเฟียให้กลายเป็นชายหนุ่มคนใหม่ที่ทำเอาคนสนิทอย่างเอรอนและต้าฟงถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นเจ้านายเดินออกมาจากห้องแต่งตัวครั้งแรก

‘มองอย่างนั้นหมายความว่าไง’การมองเอรอนทำให้เป้าสายตาต้องถามอย่างนั้น เริ่มไม่มั่นใจตัวเองทั้งที่ก่อนหน้าเหล่าสไตลิสต์ที่เข้ามารุมเขาต่างยกนิ้วชื่นชมว่าหล่อเนี๊ยบ ดูดีถึงขั้นมีการชวนเข้าวงการนายแบบกันเลยทีเดียว ‘ว่าไง ฉันดูไม่ดีเหรอ’

หันไปถามต้าฟงที่มีอาการเดียวกับเอรอนรอคำตอบครู่หนึ่ง แต่ลูกน้องสองคนยังไม่ว่าอะไร

‘ตอบมาตามตรงฉันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ’

เอรอนส่ายหน้าเนือยๆ แต่ยังไม่พูดอะไรสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดหาคำพูดเหมาะๆ มาบรรยายความรู้สึก ‘ถ้าเดินสวนกันกลางทาง ผมคงไม่รู้ว่านี่คือนายน้อยมิราเคิลฯ’

‘ก็ใช่ไง? นายอยากให้เป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ’เอรอนพยักหน้ารับหงึกๆ ‘ทำไมนายต้องทำหน้าเหมือนมีอะไรติดคออย่างนั้นด้วยมันดูแย่

‘ไม่ครับ ดีมากต่างหากไม่เสียแรงที่จ้างสไตลิสต์แพงๆ มาปรับลุคซ์ให้ใหม่’ บอกพลางเดินหมุนรอบตัวนายมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ‘แต่งแบบนี้ใครก็ดูไม่ออกว่านี่คือนักธุรกิจมาเฟีย...นายน้อยดูเหมือนพวกนายแบบเท่ๆ สไตล์ไอดอลเกาหลี อะไรทำนองนั้น...นายว่ามั้ยต้าฟง’

คนถูกถามพยักหน้า ‘แต่ฉันชอบแบบเดิมมากกว่า’

‘ทำไม’ ทั้งเอรอนและนายน้อยถามเป็นเสียงเดียวกันหันไปจ้องรอคำตอบ

‘ผมไม่อยากเป็นบอดี้การ์ดไอดอล’ต้าฟงบอกหน้าตาย ก่อนจะหันไปพูดกับเอรอน ‘นายนึกภาพฉันเดินตามนายน้อยที่แต่งตัวลุคซ์นี้ดูสิ’

เอรอนนิ่วหน้าคิดตาม ‘นายคงเหมือนพวกเป็นการ์ดซุปตาร์ ส่วนฉันก็คงเป็นทนายซูปตาร์ด้วย’

‘ใช่มั้ยล่ะดูไม่เวิร์คก็ตรงนี้นี่แหล่ะ’

‘นั่นน่ะสิ’ ทั้งสองเออออกันเองก่อนจะหันมามองคนที่ถูกเอ่ยถึงพลางส่ายหน้า ทำเอาคนถูกวิจารณ์ของขึ้นเล็กๆอยากจะต่อว่า แต่เมื่อมองตัวเองในกระจก ก็เลือกที่จะเงียบไปพินิจตัวเองเปรียบเทียบกับอดีต ถามตัวเองอีกครั้งว่าอยากเป็นแบบไหน ผู้ชายภาพลักษณ์อบอุ่น อ่อนโยน ดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่ด้วยแว่นทันสมัยผมที่มักถูกเซตตั้งเข้าทรงเนี๊ยบ วันนี้ถูกเซตต่างไปสิ้นเชิง ทำให้หน้าดูเปลี่ยน

‘พวกนายจะว่ายังไงก็ช่างแต่นี่คือกวิน ธาดาโสภณ...คือฉัน ถ้ายังคิดจะอยู่ด้วยกัน ก็ทำใจไว้ซะ

วันนั้นต้าฟงและเอรอนอาจคิดว่านายแค่พูดประชดแต่ความจริงคือเควินคิดอย่างนั้นจริงๆ เขาเฝ้าฝันมาโดยตลอดว่าอยากเป็นผู้ชายธรรมดาคนนั้นคนที่เหมือนหายตัวไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน คนที่วันนี้เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเพื่อทำตามสัญญา นั่นคือปกป้องเด็กผู้หญิงที่เขาเคยเป็นหนี้ชีวิตคนที่เขากำลังจะเดินทางไปหา คนที่เขาอยากมีตัวตนในสายตาเธออยากใช้ความสามารถที่เฝ้าฝึกฝนมาทำอาหารเพื่อเธอทำในส่วนที่ชรินทร์ตั้งใจแต่ไม่มีโอกาสได้ทำ

“ไปเถอะครับคนของเราเอารถมารอเรียบร้อยแล้ว” ต้าฟงเข้ามารายงานผู้เป็นนาย “มีอะไรรึเปล่าครับ”

เอ่ยถามเมื่อเดินนำไปแต่ผู้เป็นนายยังคงยืนอยู่ที่เดิมแถมยังทำสีหน้าบ่งบอกว่าไม่พอใจชัดเจน ซึ่งถึงแม้ปรับลุคซ์ใหม่แล้วแต่แววตาเอาเรื่องที่มองเขาดูจะยังคงรักษาระดับความดุไว้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง

“ฉันบอกนายแล้วใช่มั้ยว่าครั้งนี้ฉันต้องการความเป็นส่วนตัว”

“ครับ ผมรู้นายน้อยบอกผมเรื่องนี้ตั้งแต่ขึ้นเครื่อง” ต้าฟงยังทำมึนไม่เข้าใจ“ผมกำชับลูกน้องเรียบร้อย รับรองว่าทุกคนจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดถ้าใครขัดคำสั่งผมจะเล่นให้หนัก”

“งั้นก็เล่นงานตัวนายด้วย!เพราะนายยังเดินตามหลังฉัน!”

“ผมต้องไปส่งนายน้อยที่บ้านริมน้ำดูว่าทุกอย่างเรียบร้อย แล้วพวกผมจะหายตัวไปถ้านายน้อยไม่เรียกจะไม่เข้าใกล้เด็ดขาด พอใจมั้ยครับ”

สีหน้าและแววตาที่มองมาบ่งบอกว่าไม่ได้พอใจสักนิด

“ขอร้องนะครับ อาจารย์เทียนสั่งมาผมไม่ทำตามไม่ได้” ต้าฟงรู้ว่าถ้ายกชื่อของเทียนคงมาอ้าง ผู้เป็นนายจะอ่อนลงแล้วคราวนี้ก็จริง นายน้อยยอมเดินตามเขาไปที่รถอย่างเสียไม่ได้

“อ้อ...เอรอนส่งข้อมูลอัพเดทเรื่องคุณหนูหยางมาแล้วนะครับช่วงนี้เธออยู่ที่เมืองไทย ตอนนี้เธอรู้แล้วว่านายน้อยอยู่ที่เมืองไทย”

“รู้ได้ยังไง?”

“นายใหญ่คงบอกเจ้าสัวหยางน่ะครับ แล้วเจ้าสัวหยางคงอยากได้นายน้อยเป็นเขยไวๆเลยจัดการเป็นพ่อสื่อให้ นัดเดทคุณหนูหยางให้นายน้อยในอีกสามวันข้างหน้า”

“ห๊า...”

“นายน้อยต้องไปเป็นคู่ควงคุณหนูหยางในงานแต่งงานลูกค้าคนสำคัญของเจ้าสัวหยาง”

“ทำไมฉันต้องไป”

“นายใหญ่สั่งมาครับนี่การ์ดเชิญ...” การ์ดสีแดงถูกยื่นออกมา โดยที่คนจะรับยังคงตั้งตัวไม่ทัน“อย่าปฏิเสธเลยครับ นี่เป็นโอกาส ทำให้นายใหญ่อารมณ์ดีไว้จะเป็นประโยชน์กับนายน้อยนะครับนึกถึงคุณหนูเบลล์ไว้ให้มากๆ...ไม่รับผมเก็บการ์ดเชิญไว้ให้ละกัน แต่เรื่องโทร.ไปคอนเฟิร์มกับคุณหนูหยางนายน้อยต้องทำเองนะครับเบอร์โทร.ผมจัดการให้เรียบร้อยแล้ว...โอเคนะครับ?”

การนิ่งคือการตอบรับที่ต้าฟงเคยชินเขาทำเพียงยกไหล่เบาๆ แล้วก็เป็นฝ่ายเปลี่ยนเรื่องคุย

“ส่วนเรื่องนักการเมืองที่ช่วยพี่น้องซินเยียร์ได้ข้อมูลเบื้องต้นมาว่านายวิชัย อินธรณ์ เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ ภาพลักษณ์เป็นนักการเมืองมือสะอาดตอนนี้ทางนั้นยังไม่เคลื่อนไหวหรือประกาศตัวจะเป็นศัตรูกับเรานอกจากตามสืบเรื่องของมิราเคิลฯ เหมือนพยายามจะเจาะหาวิธีเล่นงานพวกเราอยู่”

“พวกนั้นจะไม่ได้อะไรนอกจากทำเรื่องขวางหูขวางตานิค พาตัวเองและครอบครัวไปหาที่ตายโดยไม่รู้ตัวฉันต้องหยุดพวกเขา”

ต้าฟงพยักหน้าเห็นดีด้วย“ตอนนี้ผมสั่งให้คนของเราสืบเรื่องคนรอบตัวของรัฐมนตรีวิชัย ตัวท่านดูมือสะอาดแต่หลังบ้านท่านมีกลิ่นตุๆ โชยมาเหมือนกันครับ ถ้าได้อะไรคืบหน้าผมจะรีบรายงาน”

เควินพยักหน้า“แล้วซินเยียร์สองพี่น้องนั่นล่ะ ตอนนี้เป็นไงบ้าง ใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน”

“อยู่ที่บ้านรัฐมนตรีวิชัยนั่นแหล่ะครับคนพี่ปรับปรุงตัวดีขึ้นเข้าไปช่วยงานเป็นทีมงานติดตามรัฐมนตรีส่วนคนน้องก็เข้าเรียนต่อได้ตามปกติแล้วครับ หลังจากพักไปสองปี”

“สองปี...งั้นคงเรียนรุ่นเดียวกับน้องเบลล์”เควินจำรายละเอียดของครอบครัวนี้ได้แม่นไม่เปลี่ยน“หวังว่าคงไม่มีเหตุบังเอิญมาเซอร์ไพร์สพวกเราหรอกนะ”

“โลกคงไม่กลมอย่างนั้นหรอกครับแล้วเด็กคนนั้นไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกับคุณหนูเบลล์”

“นั่นสินะ...” ต่อให้พูดอย่างนั้นแต่ความกังวลก็สะท้อนผ่านสีหน้า

“ผมว่านายน้อยยังไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกครับที่นายน้อยต้องคิดให้มากตอนนี้คือเรื่องของคุณหนูหยางมากกว่าต่อให้เจ้าสัวหยางจะช่วย ก็ยังวางใจไม่ได้ ผมดูข้อมูลที่เอเจย์ส่งมาให้อย่างละเอียดแล้ว การเอาชนะใจเธอคงไม่ง่ายเธอไม่เคยมีข่าวว่าคบกับผู้ชายคนไหน ทั้งที่มีคนมากมายหมายปอง ไม่แม้แต่จะมีข่าวออกเดทกับใครที่ไหนว่ากันว่าเธอเป็นผู้หญิงหัวโบราณ ค่อนข้างหวงเนื้อหวงตัว ห่วงความเป็นส่วนตัวด้วย”

“เท่าที่ฉันเจอ ก็ดูเธอปกติดีนี่”เควินเคยเจอเหมยฮัวบ้างสองสามครั้งตามงาน ทักทายกันตามมารยาทเธอเป็นผู้หญิงที่สวยสง่า มาดแบบนางพญา ตามงานต่างๆ เธอจะตกเป็นเป้าสายตาของแขกนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่อยากอยู่ใกล้เธอจะเป็นชาคริตเสียมากกว่าที่เข้าไปพูดคุยจนสนิทสนมล่าสุดถึงขั้นชวนมาเป็นแขกในงานวันเกิดพัชรินทร์ ท่าทางสนิทสนมนั่นทำให้เขาคิดว่าพี่ชายบุญธรรมกำลังพูดคุยคบหากับเหมยฮัว

“ฉันดูไม่ผิด ชาคริตรู้สึกดีๆกับเหมยฮัว กำลังพยายามสานสัมพันธ์” เควินมั่นใจสิ่งที่ตัวเองเห็น“แต่ปฏิเสธเพราะนั่นคือสิ่งที่นิคอยากได้ยิน”

“นายน้อยน่าจะชินได้แล้วนะครับก็รู้อยู่ว่าคุณชาคริตพร้อมจะทำทุกอย่างให้นายใหญ่พอใจแถมยังออกตัวว่าจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้นายน้อยด้วยนี่ครับ คราวนี้ก็อยู่ที่นายน้อยแล้วล่ะว่าจะเอายังไงหรือต้องรอให้คุณหนูเบลล์อนุญาตก่อน”

คนถูกถามหันมองควับกลับมามองเพราะถูกจี้ใจดำแล้วนั่นทำให้เขาเห็น คู่รักทอมดี้กำลังโผเข้ากอดกันกลมก่อนจะผละออกแล้วจุ๊บปากกันโดยไม่สนใจสายตาชาวบ้านสาวดี้หุ่นนางแบบแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดดูแพงด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนมในขณะที่สาวมาดทอมแต่งตัวสไตล์ผู้ชายสำอาง แต่ดูเอวบางร่างน้อย ตัดผมซอยสั้นท่าทางกระฉับกระเฉงคล่องแคล้วจากภาพที่เห็นประเมินได้ว่าสาวทอมคงมารับคู่รักดี้ที่เพิ่งลงเครื่องมา

“เหมยฮัว?” นั่นคือสิ่งที่เควินหลุดปากเมื่อเห็นหน้าสาวทอม

“ครับ?” ต้าฟงหันมาถาม แต่ไม่ได้รับคำตอบจึงหันมองตามสายตาผู้เป็นนายตรงจุดนั้นมีคนอยู่เป็นจำนวนมาก บ้างโผกอดกัน บ้างเดินไปมาเขาไม่แน่ใจผู้เป็นนายกำลังมองดูอะไร “เมื่อกี้นายว่าอะไรนะครับผมได้ยินนายเรียกชื่อคุณหนูหยาง?”

“นายว่านั่นใช่เหมยฮัวมั้ย”ต้าฟงหันมองตาม “ผู้หญิงสองคนที่ยืนกอดกันอยู่นั่นน่ะ”

“คุณหนูหยาง? ไม่ใช่มั้งครับนาย เธอไม่ได้ดูเปรี้ยวขนาดนั้น”

“ฉันไม่ได้หมายถึงผู้หญิงชุดแดง...อีกคนน่ะ”

“ทอม?” ต้าฟงหันมาถามย้ำ เมื่อผู้เป็นนายพยักหน้า “เป็นไปไม่ได้!? แล้วไกลขนาดนี้นายแน่ใจได้ยังไงครับ”

“ฉันเห็นตั้งแต่เธอเดินผ่านหน้าไปเมื่อกี้”

“งั้นนายรอตรงนี้สักครู่นะครับ”เพื่อความแน่ใจต้าฟงจะเข้าไปดูให้แน่ใจซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คู่ทอมดี้ก็เดินออกจากจุดนั้น ไปที่ทางออก

“ขอโทษครับ ขอทางหน่อยครับ”ความที่รีบจะตามให้ทัน ทำให้ไปชนผู้หญิงคนหนึ่งจนข้าวของที่เธอถือมาตกพื้น“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ...”

กว่าจะช่วยเก็บของขึ้นมาได้เงยหน้ามาอีกทีก็ไม่เห็นหลังคู่รักทอมดี้นั่นแล้ว

เควินเองก็มองไม่ทัน นึกเสียดายคลาดกันจนได้ “หรืออาจจะแค่คนหน้าเหมือน”

“แต่นายเป็นคนที่ค่อนข้างจำหน้าคนได้แม่นนะครับ”ต้าฟงมั่นใจเรื่องนี้

“คนทอมนั่นไม่ได้แต่งหน้าฉันเองก็ไม่เคยเห็นเหมยฮัวตอนไร้เครื่องสำอาง แต่ดูคล้ายมาก”

“เป็นไปได้มั้ยครับว่าอาจจะเป็นญาติคุณหนูหยางมีแม่เป็นคนไทยด้วย”

“ก็เป็นไปได้หรือไม่อาจจะไม่เกี่ยวอะไรกันเลย ฉันอาจจะคิดเรื่องเหมยฮัวมากเกินไปเห็นใครหน้าคล้ายหน่อยก็คิดว่าเป็นเธอ”

“แต่มันแย่ก็ตรงดันไปเห็นทอมเป็นคุณหนูหยางนี่สิผมว่ามันเหมือนลางร้ายยังไงไม่รู้...”

เควินนิ่วหน้าคิดไม่ต่างกับต้าฟงแต่ก็รู้ว่าป่วยการที่จะไปคิดถึงเรื่องนี้เพราะเขามีเรื่องอื่นให้ต้องคิดให้ต้องกังวลมากกว่ายิ่งเมื่อรถเคลื่อนออกไปจากสนามบิน มุ่งหน้าสู่บ้านริมน้ำใจเขาก็จดจ่ออยู่แต่กับเรื่องของ ‘ชลิตา’ ครั้นจะโทรศัพท์ไปหาพิมพ์พรก็เช้าเกินไปได้แต่บอกตัวเองให้ใจเย็น...






Create Date : 16 มีนาคม 2559
Last Update : 16 มีนาคม 2559 12:04:10 น. 3 comments
Counter : 783 Pageviews.

 
คุณsakeena:
ใกล้มากแล้วค่ะ นายน้อยมาแล้วนะ

คุณglodensun:
พอดีรีไรท์เก็บรายละเอียด เก็บช่วงเวลาใหม่ค่ะ เลยหยุดไป ^^


โดย: adel_ew วันที่: 16 มีนาคม 2559 เวลา:12:06:48 น.  

 
พรุ่งนี้มาอ่านนะ งานยุ่งมากกกก


โดย: sakeena IP: 125.25.181.64 วันที่: 16 มีนาคม 2559 เวลา:17:16:33 น.  

 
เปลี่ยนลุคซะด้วย จะทำให้เบลล์จำได้รึเปล่า
รออ่านฉากเจอกันค่ะ ใกล้แล้วววว


โดย: goldensun IP: 61.91.4.2 วันที่: 16 มีนาคม 2559 เวลา:18:25:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

adel_ew
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [?]




ความกลัวที่สุดคือ...กลัวที่ต้องอยู่โดยไม่เหลือใคร
Friends' blogs
[Add adel_ew's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.