ความจริงปืนคู่มือของผมก็มี เป็นปืนเมาเซอร์เหมือนกัน แต่ขนาดเล็ก ๖.๓๕ มม. คุณอาของผมคนหนึ่งท่านให้ไว้ ตั้งแต่ตอนที่ผมออกรับราชการ ให้เอาไว้ใช้งาน เพราะเป็นตำรวจจะต้องมีปืนประจำตัว ผมไม่เคยมีปืนมาก่อน ได้รับปืนกระบอกแรกก็ดีใจกับมัน
ตอนที่มาอยู่เมืองชลฯใหม่ๆ ผมก็เอามันมาติดตัว
ทวิชนี่ซิ เห็นปืนของผมเข้า เขาก็หัวเราะ พูดว่า
ไอ้ปืนกระบอกนี้ ใช้ยิงยุงหรือยังไง
ยังไม่เคยใช้ ผู้ใหญ่ท่านให้มา ผมก็เอาติดตัวมา
เอามาให้ผมเถอะ แล้วผมจะเปลี่ยนให้ใหม่ ผมชอบเก็บปืน สะสมไว้แบบต่างๆ กันอย่างที่คุณถืออยู่นี่ ผมยังไม่มี ผมจะแลกให้คุณสองกระบอก
แล้วเขาก็พาผมไปที่บ้าน
บ้านเขามีตู้เก็บปืนใบใหญ่มีปืนแบบต่างๆ กัน เป็นร้อยเห็นจะได้ วางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ทั้งปืนสั้นและปืนยาว
เขาไม่เคยพาผมมาเข้ามาในห้องนี้ผมจึงเพิ่งจะได้เห็น เป็นพิพิธภัณฑ์ปืนยังได้
ผมเลือกเอาปืนรีวอลเวอร์ .๓๘ รูปร่างสวย กระบอกหนึ่งขนาดของมันกำลังเหมาะมือ
ทวิชเปิดตู้ หยิบเอาปืนกระบอกนั้นส่งมาให้ผม แล้วเขาก็เอื้อมเข้าไปหยิบเอาปืนยาวเล็กๆกระบอกหนึ่งออกมา ส่งให้ผม แล้วว่า
ผมแถมให้คุณสองกระบอก ไอ้รีวอลเวิอร์นี่มันเหมาะที่คุณจะใช้งานส่วนไอ้กระบอกยาวขนาดเล็กนี้ เอาไว้ดูเล่น เป็นปืนเพียงไม่กี่กระบอกที่มีในเมืองไทย เป็นสมบัติตกทอดมาจากคุณพ่อของผม ผมรักมันมาก แต่ผมรักคุณมากกว่ามัน
ปืนยาวกระบอกนั้นเป็นปืนแฝดทางนอน ลำกล้องไม่เท่ากัน
ทางซ้ายเป็นลำกล้องขนาด .๒๒ ส่วนทางขวา นั้น เป็นลำกล้องขนาด.๔๑๐
ลูกปืนเป็นลูกซองขนาดของลูกปืนทำมาพอดีลำกล้อง ผมยังไม่เคยเห็นปืนลูกซองอย่างนั้น
แล้วเขาก็ขนเอาลูกกระสุนทั้งสองขนาดมาอีกหลายกล่อง
เอาไปซ้อมมือให้คุ้น กระสุนมาพอ มาเอาที่ผมได้อีก เขาพูด จะไปซ้อมมือเมื่อไร บอกผม จะได้ไปด้วยกัน
ปืนทั้งสองกระบอกนั้นมีทะเบียนเรียบร้อย การโอนทะเบียนไม่ยุ่งยาก เพราะเป็นข้าราชการและทางอำเภอรู้จักกันดี
ตอนนั้นคุณพี่ ดำริ น้อยมณี ที่เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยนี่แหละ เป็นนายอำเภออยู่ ผมจึงได้เป็นเจ้าของปืนที่ถูกใจสองกระบอก
ไอ้เมาเซอร์กระบอกเล็กนั้น ทวิชก็เอาเข้าพิพิธภัณฑ์ของเขาไป
รีวอลเวอร์กระบอกนั้นแหละครับที่ผมใช้ดวลกับ เซียะ ที่หนองมน
ผมไม่ได้มันไปด้วยวันที่ไปเอาตัว ไอ้เปี๊ยก ตามคำสั่งผู้กำกับการ
ท่านเล่นตลกกับผมเสียแล้วจะเพราะเรื่องที่ผมไปขัดกับท่านเรื่องด่านายตำรวจก็ไม่รู้ท่านเลยลองฝีมือผมเสียยังงั้นเอง