เริ่มต้นวันแรก กับ การฝึกเปลี่ยน นิสัย

จุดเริ่มต้นของการเชียนบล๊อก ของผม ก็คือ การมีชีวิตที่ยุ่งเหยิง ไม่สามารถ manage ได้อย่างใจคิด ซึ่งผมคิดว่าส่วนหนึ่ง นั้นมาจากนิสัยประจำวัน ของเรานั้นเอง คนทุกคนต่างก็มีนิสัย ที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก ยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อสองปีที่แล้ว ผมได้ลองอ่านหนังสือ เล่มหนึ่ง ชือ่ว่า How to save an Hour Every Day มีเนื่้อหา เกี่ยวกับ หลักการในการ จัดการเวลา ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็ ให้ข้อคิดดีๆ หลายๆอย่างกับผม ผมก็วางแพลน ตามภาษาคนขี้เห่อไว้มากมาย วาดฝันไว้เพียบว่า เราก็ต้องเป็นอย่างโง้นงี้งั้น แต่ปัญหา ก็คือ ผมนำหลักการไปใช้ได้แค่ไม่กี่วัน ก็ เลิกละ ประมาณว่า ขี้เกียจ เบื่อหน่าย หรือ ไม่ก็ ไม่มีเวลา งานยุ่ง อยากนอน 9ล9... แล้วแผนการทุกอย่างก็พังพาบ ตามเดิม คล้ายๆกับเป้าหมาย ตอนขึ้นปีใหม่ ทุกปี ผ่านไปแล้วกว่า 30 ปีก็ไม่มีปีไหนสำเร็จซ้าากปี...
จนมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ไปเจอหนังสืออีกเล่มหนึ่ง เกี่ยวกับการเปลี่ยนนิสัยชื่อว่า The Power of Less ผมก็เลยคิดว่า จะนำมาปฏิบัติดูครับ โดย หลักการในการเปลี่ยนนิสัย ตัวเองอย่างนึกก็คือ ประกาศให้โลกรู้ว่าเรากำลังทำ อะไรอยู่ เวลาคิดว่า จะไม่ทำ จะได้กลัวว่าคนอื่นจะเห็นว่าเราดีแต่ ปากประมาณนั้น ผมถึงได้เริ่มต้นที่จะเขียน blog นี้ขึ้นครับ

หลักการง่ายๆ มีอยู่ ก็คือ
1.เลือกนิสัย มา 1 อย่าง (ใครอยากเปลี่ยนอะไร ก็เลือกนิสัยนั้นนะครับ)
2.เขียนแผนการขึ้นมา (ทำอะไรเมื่อไหร่ ที่ไหน นานเท่าไหร่) อย่างเช่น ถ้าอยากฝึกนิสัย ออกกำลังกายให้ ได้วันละ กี่ นาที อะไรอย่างนี้เป็นต้นครับ
3.ประกาศเป้าหมายให้โลกรับรู้ (เขียนบล๊อก, โพสลงเฟส, หรือไม่ก็ ประกาศ หน้าเสาธง, ส่งเมล์ CC ทั้วบริษัท) 2 ข้อหลังผมล้อเล่นนะครับ
4.รายงานความคืบหน้าไปในแต่ละวัน
5.ฉลองให้กับนิสัยใหม่ ของคุณ(เย้ชั้นทำสำเร็จแล้วนะ)
ซึ่ง หนังสือได้แนะนำว่า การตั้งต้นสร้างนิสัยนั้นควรจะเริ่มจากสิ่งง่ายๆ ที่สามารถ รับรู้ผลได้ง่าย แล้วให้ทำสิ่งนั้นต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 เดือน เราก็จะสามารถ สร้างนิสัยที่ดีให้กับเราได้ เพิ่มมาอีก 1 อย่างครับ

โดยส่วนตัว ผม แล้ว ผมเป็นคน อ้วนน้ำหนักเยอะ ลดน้ำหนักไม่เคยสำเร็จซักที มัน เพิ่มเป็นอย่างเดียวครับ ตอนเรียนจบ 70 ใปต่อนอก 80 กลับมาทำงานที่ไทย 90....ตอนนี้ 95kg....ดีอย่างที่ผมเป็นคนชอบออกกำลังกาย แต่ด้วยความที่งานเยอะมากๆๆๆเลยทำให้มีเวลาออกกำลังแค่เสาร์อาทิตย์ครับ
การลดน้ำหนักสำหรับผม แล้วมันดูไกลเกินเอื้อมเสียเหลือเกิน ด้วยข้อจำกัด ด้านเวลา สถาที่ แล้ว ก็ energy ที่ผมมี ดังนั้นผมจะเริ่มจาก การสร้างนิสัย ง่ายๆครับ นั้นคือการเคี้ยวนั่นเอง โดยแผนการของผมคือก็ยังกินเหมือนเดิม แต่เคี้ยวให้นานขึ้น ให้สมองสั่งงาน รับรู้ว่า อิ่มแล้วนะ จะได้ไม่ตะบี้ตะบันกินต่อไป ผมเป็นคน กินเร็วครับ ตอนเด็กๆ เพื่อนผมเคยจับเวลาเล่นๆ ราดหน้าจานหนึ่งใช้เวลา 40 วินาทีในการกิน จากพรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมจะลองเคี้ยวให้ได้ 50 ครั้งต่อคำครับแล้วจะคอยบันทึกผล ทุกวันลงบล๊อกนี้นะครับ แล้วมาดูกัน ว่าผมจะสามารถทำทุกอย่างได้จนครบ หนึ่งเดือน ได้หรือไม่ แล้วก็ ผลลัพท์จะเป็นเช่นไรกันครับ
ฝากข้อดีของการเคี้ยวช้าลงก็ มีดังต่อไปนี้(ลอกเค้ามานะครับ)จาก mthai

-30 ครั้ง ต่อ 1 คำ ถ้าหากว่าคุณสาวๆ อยากมีเหงือกและฟันที่แข็งแรง ก็ให้ใช้จังหวะในการเคี้ยวอาหาร 30 ครั้ง ต่อ 1 คำ ไม่ช้าไม่เร็วเกินไป

-50 ครั้ง ต่อ 1 คำ อาจจะนานไปสักนิด แต่รับรองว่าถูกใจสาวๆ ที่กำลังไดเอตแน่นอนค่ะ เพราะการเคี้ยวอาหารในจังหวะนี้ จะช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำ ที่มากเกินความจำเป็นดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย แถมยังช่วยลดความตึงเครียด ความกังวลต่างๆ ได้อีกด้วยล่ะค่ะ

-60 ครั้ง ต่อ 1 คำ อาการท้องผูกจะลดลงได้ ถ้าคุณสาวๆ เริ่มการเคี้ยวอาหารให้ช้าลงถึง 60 ครั้งต่อ 1 คำ ยิ่งถ้าคุณสาวๆ เลือกทานอาหารที่มีกากใยมากๆ ด้วยล่ะก็ จะยิ่งช่วยทำให้ระบบการย่อยทำงานได้ดีขึ้นค่ะ

-80 ครั้ง ต่อ 1 คำ การเคี้ยวอาหารในลักษณะนี้ จะช่วยให้มีประสาทสัมผัสที่ไวขึ้น ความจำดี ที่สำคัญ ยังสามารถช่วยให้จำแนกรสชาติของอาหารได้อย่างแม่นยำ

-100 ครั้ง ต่อ 1 คำ ส่งผลทำให้สมองของคุณ มีระบบการจัดการที่เป็นระบบ มีแบบแผนดีขึ้น ลดอารมณ์ที่เกิดจากความตึงเครียดได้มาก แถมยังช่วยให้เกิดความอยากอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ลดน้อยลงอีกด้วยล่ะค่ะ

-150 ครั้ง ต่อ 1 คำ เหมาะมากๆ สำหรับสาวๆ ที่มีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้เมื่อเกิดความโกรธ หรือโมโห เพราะการเคี้ยวอาหารช้ามากแบบนี้ จะช่วยให้อารมณ์เย็นลงได้ อีกทั้งยังช่วยให้ระบบการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้ดีขึ้นได้

-200 ครั้ง ต่อ 1 คำ ช่วยให้สมองขบคิดกระบวนการคาดการณ์และวินิจฉัยปัญหาต่างๆ ได้แม่นยำมากขึ้น ยิ่งเคี้ยวช้า สมองของคุณก็จะยิ่งทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเองค่ะ

Create Date : 12 ตุลาคม 2557 Last Update : 12 ตุลาคม 2557 16:09:23 น. Counter : 589 Pageviews.		1 comments
Share Tweet