bloggang.com mainmenu search






บ่างชนิด Cynocephalus variegatus





ชนิด C. volans





บ่าง หรือ พุงจง หรือ พะจง (อังกฤษ: Colugo, Flying lemurs) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำพวกหนึ่งในอันดับบ่าง (Dermoptera) มีรูปร่างคล้ายกระรอกบินขนาดใหญ่ พบได้แต่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีอยู่ 2 ชนิด ด้วยกัน คือ Cynocephalus variegatus พบในภูมิภาคซุนดาอิคและมลายู และชนิด C. volans

บ่างชนิด C. variegatus มีรูปร่างคล้ายกระรอกบินขนาดใหญ่ ผิวหนังย่น ตามีขนาดใหญ่สีแดง ใบหูเล็ก มีนิ้วทั้งหมด 5 นิ้ว สีขนมีหลากหลายมาก โดยสามารถเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม ทั้งน้ำตาลแดง หรือเทา รวมทั้งอาจมีลายเลอะกระจายไปทั่วตัวด้วย

โดยตัวเมียมีสีอ่อนกว่าตัวผู้ หางมีลักษณะแหลมยาว มีพังผืดเชื่อมติดต่อกันทั่วตัว โดยเชื่อมระหว่างขาหน้าและขาหลัง ขาหลังกับหาง ระหว่างขาหน้ากับคอ และระหว่างนิ้วทุกนิ้ว มีความยาวหัวและลำตัวโตเต็มที่ราว 34-42 เซนติเมตร หาง 22-27 เซนติเมตร น้ำหนัก 1-1.8 กิโลกรัม

บ่างมักอาศัยและหากินอยู่บนต้นไม้สูง และสามารถอาศัยได้ในป่าทุกสภาพ ไม่เว้นแม้กระทั่ง ป่าเสื่อมโทรม หรือตามเรือกสวนไร่นาที่มีการทำเกษตรกรรม ไม่ค่อยลงมาพื้นดิน ออกหากินในเวลากลางคืน โดยตอนกลางวันจะนอนหลับพักผ่อนตามยอดไม้หรือโพรงไม้

กินอาหารจำพวกพืช ได้แก่ ยอดไม้ ดอกไม้ เป็นหลัก สามารถร่อนจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังต้นหนึ่งได้ไกลกว่ากระรอกบินมาก ใช้เวลาตั้งท้องนานประมาณ 60 วัน ออกลูกครั้งละตัว บางครั้งอาจมี 2 ตัว ในพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ แม่บ่างอาจออกลูกมากกว่าหนึ่งครั้งต่อปี

ลูกบ่างแรกเกิดมักมีการพัฒนาไม่มากนัก คล้ายสัตว์ที่มีกระเป๋าหน้าท้อง แม่บ่างจะเลี้ยงลูกไว้โดยให้เกาะที่ท้อง เวลาเกาะอยู่กับต้นไม้ ผังผืดระหว่างขาจึงทำหน้าที่เหมือนเปลเลี้ยงลูกเป็นอย่างดี

แม้ยามมีลูกอ่อน แม่บ่างก็ร่อนหาอาหารได้เหมือนเดิม โดยลูกบ่างจะยึดเกาะขนที่หน้าท้องแม่ไว้แน่น

ส่วนบ่างชนิด C. volans มีลักษณะคล้ายบ่างชนิด C. variegatus แต่มีรูปร่างเล็กกว่า และพบได้ในหมู่เกาะแถบประเทศฟิลิปปินส์ตอนใต้เท่านั้น

บ่าง เป็นสัตว์ที่มีเสียงร้องคล้ายเสียงคนร้องไห้ และความเป็นสัตว์ที่มีหน้าตาน่าเกลียด และหากินในเวลากลางคืน จึงเป็นที่รับรู้กันดีของคนที่อาศัยอยู่ชายป่าหรือผู้ที่นิยมการผจญภัย ว่าเสียงร้องของบ่างน่ากลัวเหมือนผี

เมื่อพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า หรือ ยามโพล้เล้ บ่างจะแสดงพฤติกรรมชวนสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง คือ บ่างจะออกมาจากที่หลบนอน แล้วห้อยตัวลงมาคร้ายค้างคาว โดยใช้เท้าหลังทั้งสองเกาะกิ่งไม้ แล้วทิ้งลำตัวห้อยลงมาในแนวดิ่ง ส่วนหัวและเท้าหน้าจะม้วนงอเข้าหาลำตัว (หากมองผิวเผินจะเหมือนค้างคาวแม่ไก่กำลังห้อยหัวมาก)

พฤติกรรมนี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้ชัดเจน บ่างจะห้อยตัวเช่นนี้ไปจนกว่าแสงสุดท้ายจะลับขอบฟ้าไป แล้วจะปีนป่ายไปหาต้นไม้ต้นประจำในการร่อน มักจะเป็นต้นไม้ที่มีทรงพุ่มสูง ๆ ที่ยืนอยู่เดี่ยว ๆ เพราะจะทำให้มีพื้นที่ในการร่อนมาก

บ่างในบางครั้งอาจจะสับสนกับ กระรอกบิน ซึ่งที่จริงแล้วบ่างกับกระรอกบินเป็นสัตว์คนละอันดับกัน โดยภาษาใต้จะเรียกบ่างว่า พะจง หรือ พุงจง แต่ในภาษาเหนือและภาษาอีสานจะเรียกกระรอกบินว่า บ่าง จึงทำให้อาจเกิดความสับสนกัน

ในสำนวนไทยมีคำที่กล่าวเกี่ยวกับบ่างว่า บ่างช่างยุ มีความหมายเปรียบกับ คนที่ชอบยุแยงให้ผู้อื่นแตกแยกกัน


ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


สิริสวัสดิ์ศุกรวาร ปรีดิ์มานกมลโชตินะคะ
Create Date :24 ธันวาคม 2553 Last Update :24 ธันวาคม 2553 12:40:38 น. Counter : Pageviews. Comments :4