bloggang.com mainmenu search

 

 

ชีวิตคู่รอบ 3 ส่อแววล่ม! “ปุ๊กกี้” เปิดใจ สามีป่วย “โรคหลงตัวเอง”

   “ปุ๊กกี้ ปริศนา” ความอดทนถึงขีดสุด! เปิดใจชีวิตคู่รอบที่ 3 ส่อแววล่ม หลังสามีป่วยเป็นโรคหลงตัวเองระหองระแหงหนัก พ้อเหมือนถูกหวย ประกาศลั่นสิทธิ์ในตัวลูกต้องเป็นของแม่
       
       เงียบหายไปพักใหญ่ สำหรับอดีตนักร้องสาว “ปุ๊กกี้ ปริศนา พรายแสง” หลังจากมีข่าวแต่งงานกับสามี (คนที่ 3) ใช้ชีวิตคู่มา 8 ปี แต่ไม่ยอมเปิดตัว

ล่าสุดสาวปุ๊กกี้เปิดใจครั้งแรกในรายการเปิดโปง ทางช่อง 2 ถึงการประคับประคองชีวิตคู่เหตุสามีเป็นโรคนาซีซัส หรือโรคหลงตัวเอง ทำให้ครอบครัวระหองระแหงหนัก  
       
       “คือสุดท้ายเราก็ต้องไปหาข้อมูลเอง เหมือนไปรักษาตัวเอง มันเกิดอะไรที่ไม่เข้าใจ ทำไมคนคนนี้ถึงเป็นแบบนั้นทำไมปฏิบัติกับเราแบบนั้น มันมีหลายเหตุการณ์มากเลย

มันเป็นอะไรที่เหนือการคาดหมายมาก มันมีหนึ่งในล้านหรือเปล่าคนแบบนี้ เพื่อน ๆ เขาก็แบบเธอความอดทนสูงมากนะ อย่างเช่นเรารู้ว่าเขาผิด เรามีหลักฐาน แต่พอเราไปถาม คุยไปคุยมาทำไมกลายเป็นว่าเราผิด จนงงว่าประเด็นคืออะไรที่เราทะเลาะกัน”
       
       “ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าเป็นโรคอะไร ก็คือตามสันดาน ตอนแรกคิดอย่างนั้นไว้ก่อน คงแบบสันดานผู้ชาย แต่พอมาถึงจุดหนึ่ง คือเราชอบอ่านเกี่ยวกับจิตวิทยา พออ่านเจอมันใช่ มันถูกทุกข้อเลย ชื่อว่าโรคนาซีซัส

เป็นโรคที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก แปลเป็นไทยคือเป็นโรคหลงตัวเอง ไม่ใช่ว่าผมหล่อเท่อะไรแบบนั้นนะคะ คนใกล้ตัวถึงจะเจอ คือปิดประตูจะเป็นอีกคนหนึ่ง แต่พอมานั่งคุณกันแฟนเธอก็เป็นเหมือนกันเหรอ โรคนี้เป็นกันเยอะมากแต่แค่ไม่ได้เปิดเผย ต่อหน้าสาธารณะคนหมู่มากเขาก็จะเป็นอีกคนหนึ่ง”
       
       เผยสามีไม่เคยยอมรับความผิด ไม่มีทางรักษา ดิสเครดิตคนรอบข้างว่าเป็นฝ่ายถูกตนกระทำ
       “แค่อ่านเราก็รู้ อันนี้ก็ใช่ ใช่หมดเลย แถมเพิ่มข้อให้ด้วย(หัวเราะ) ก็คิดว่าเขาไม่สบายนี่เอง ถ้ามองในเชิงแบบหลักวิทยาศาสตร์ว่ามันไม่ใช่เรื่องการเลี้ยงดูแค่นั้น แต่มันเป็นโรคหนึ่ง โรคภาวะทางจิตชนิดหนึ่ง”
       
       “อาการก็อย่างที่บอกไปในตอนแรกนะคะ คนที่เป็นโรคนี้คือไม่เคยผิด ไม่ยอมรับความผิด แล้วโรคนี้ไม่สามารถรักษาได้ด้วย เพราะเขาไม่ยอมรับว่าเขาเป็น ไอ้คนที่ไม่ปกติคือเรา(ยิ้ม) แล้วก็คือจะมีการดิสเครดิตเราต่อคนรอบตัวเราว่าจริง ๆ แล้วเขาเป็นคนถูกกระทำ”
       
       “ก็คิดว่าหลาย ๆ ครอบครัวก็คงประสบปัญหานี้ แต่ว่ามันไม่ได้เปิดเผยออกมาในที่สาธารณะ ก็มีคู่หนึ่งที่อยู่ในกระแส ก็ค่อนข้างจะดังอยู่ เป็นดารา ซึ่งปุ๊กกี้มองวิเคราะห์คร่าว ๆ ขนาดไม่ได้ไปอยู่ในบ้านของเขา แต่ดูจากที่เขาประสบแล้วปุ๊กกี้ก็เคยเหมือนผ่านตรงนั้นมาแล้วว่ามันเข้าข่ายเหมือนกัน”
       
       พ้อชีวิตเหมือนถูกหวย ไม่มีความจำเป็นต้องทนอยู่
       “คือปุ๊กกี้เพิ่งรู้จักโรคนี้มาได้ปีกว่าเอง แต่คือก่อนหน้านั้น 7 ปีเนี่ย เราคิดว่านี่เป็นตัวเขา เหมือนถูกหวย(หัวเราะ) เรามาเจอโจทย์ยากมาก เป็นอะไรที่แบบเราจะทำยังไงที่จะประคองให้มันอยู่รอด”
       
       “ตอนนี้เหมือนกับว่าเราเข้าใจ พยายามจะเข้าใจความเป็นเขา ทุกวันนี้ก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่ต้องอดทนอยู่ เพราะว่าหนึ่งเราสามารถดูแลตัวเองได้ เราทำงาน มีเงิน แล้วลูกเราก็เลี้ยงเอง คุณแม่ญาติพี่น้องเราก็มี เราจะอยู่ตรงนี้ที่มันบั่นทอนชีวิตเพื่ออะไร

แต่คือ 8 ปีมันก็นาน ปุ๊กกี้ไม่ชอบที่จะแบบคบใครแป๊บ ๆ เลิก อย่างครอบครัวครั้งแรกก็ 7 ปี ครั้งที่สอง ก็ 5 ปี เนี่ย 8 ปียังตกใจเลยว่าคนนี้ 8 ปี ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องที่มีเหตุการณ์มากมายที่เราต้องประสบมาด้วยกัน”
       
       “บอกตรง ๆ ว่าไม่เคยบอกค่ะ แล้วก็คงสงสัยใช่ไหมว่ามาออกรายการแบบนี้ไม่กลัวเหรอ มาถึงจุดนี้ไม่กลัวแล้วค่ะ เนี่ยถ้าเราไปบอกว่าคุณเป็นโรคนี้นะ ไปปรึกษาแพทย์มั้ย ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ ก็คงพลิก

คงเป็นเราที่ต้องไปหาหมอ ก็เลยไม่คิดที่จะบอก ถ้าเขาดูอยู่ก็คงยอมรับสภาพ เพราะมันมีอะไรมากมายที่ทำให้ไม่จำเป็นต้องทนอะไรทั้งนั้นแล้ว”
       
       เผยอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัด ไม่รู้อีกฝ่ายจะยอมรับในสิ่งที่เป็นหรือเปล่า
       “ความรู้สึกว่าไม่ทนแล้วมันก็มี มันเหมือนกับว่าโรคที่ว่านี้ อันนี้ตามในตำรานะคะ คือเราจะเป็นเหยื่อของคนคนนี้ แล้วพอเหยื่อเริ่มมีปากเสียง หรือเริ่มมี เริ่มไม่เชื่อในตัวของเขา เราก็จะหมดอายุ เขาเรียกว่าหมดอายุ

พอเราเริ่มที่จะปีกกล้าขาแข็งที่แบบ ทำไม อะไร ยังไง มีการต่อสู้ด้วยวาจาเริ่มหมดอายุแล้ว ก็คือจะถูกกระทำด้วยการไม่สนใจ เขาเรียกว่าโดนทำโทษด้วยการเงียบ ซึ่งเป็นอะไรที่อึดอัดมาก

คือนั่งอยู่ในห้องเดียวกันแต่ไม่พูดกับเรา บางทีเราถามอะไรก็ไม่ตอบ สรุปเราเป็นวิญญาณหรือเปล่า เขาเห็นเราไหม คนปกติก็งงทำไมอยู่ดี ๆ ไม่พูด แล้วเราก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ซึ่งนั่นเป็นการทำโทษ ตามตำราที่เราอ่านมา ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ”
       
       “คือในเมื่อป่วย เขาก็คงไม่อยากจะป่วยหรือเปล่า ไม่แน่ใจ(ยิ้ม) เพราะว่าเขาไม่ยอมรับในสิ่งที่มันเกิดขึ้น อย่างคนที่เป็นโรคซึมเศร้าก็ไม่อยากจะซึมเศร้า ไม่อยากฆ่าตัวตาย ไม่อยากจะทุกข์ทรมาน เราก็ไม่รู้เขาอยากเป็นโรคนี้รึเปล่า แฮปปี้กับการเป็นตัวตนแบบนี้มั้ย แต่โรคนี้คุณหมอเขาไม่รับรักษา แต่คนที่จะต้องไปรักษาคือคน(หัวเราะ)”
       
       สิทธิ์ในตัว “น้องซิดนีย์” ลูกชายคนเล็กอายุ 2 ขวบต้องเป็นของแม่
       “2 ขวบแล้วค่ะ ไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องครอบครัวเพราะรู้สึกว่าไม่ค่อยจำเป็น เพราะว่าที่ผ่านมาความรักของปุ๊กกี้ก็คือเป็นที่รู้จัก ซึ่งมันก็ไม่ได้น่าสนใจอะไรหนักหนา เพราะเดี๋ยวก็เลิกกัน ตามสถิติ (ยิ้ม) เดี๋ยวก็เลิกกัน อารมณ์นั้น

ซึ่งเราก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าจะเลิกกันหรือเปล่า อย่างที่ผ่านมา ณ วันที่เราแถลงข่าวเราคบกันกับคนนี้ เราก็ไม่ได้คิดว่าสุดท้ายเราจะเลิกกัน ถ้าเขาไม่ดูแลเราไม่ดูแลลูก เพราะทะเบียนสมรสไม่มีก็ไม่เป็นไร ลูกเป็นของฉัน จบ เราก็ไม่ต้องร้องขอจากเขา เพราะตามกฎหมายลูกเป็นของแม่”

 

 

ขอบคุณ MGR Online  

อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ    

Create Date :29 พฤศจิกายน 2558 Last Update :29 พฤศจิกายน 2558 9:58:39 น. Counter : 1049 Pageviews. Comments :0