bloggang.com mainmenu search
หนังเด่น
กฤษดา







ถึงแม้ไม่มีคำว่าภาคสองต่อท้ายชื่อเรื่อง แต่นักดูหนังก็น่าจะรู้ดีว่าหนังเรื่องนี้เป็นภาคสองของ Olympus Has Fallen ที่ออกฉายไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

Olympus Has Fallen เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการที่ มีกลุ่มก่อการร้ายเกาหลีเหนือได้เข้ายึดทำเนียบขาว เมื่อมาถึง London Has Fallen ฉากหลังเปลี่ยนไปเป็นลอนดอน

โดยผู้ร้ายเป็นพ่อค้าอาวุธรายใหญ่ เป้าหมายยังคงเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา แต่ในภาคต่อนี้ ขยายขอบเขตการโจมตีให้ใหญ่โตมากขึ้นหลายเท่า

ในขณะที่หนังบอกเล่าเรื่องราวการตามไล่ล่าจับตัวประธานาธิบดีสหรัฐ พร้อมการใช้ยานพาหนะและอาวุธนานาชนิดไล่ล่าไล่ยิง

หนังก็ได้บรรยายภาพการถล่มสถานที่สำคัญหลายแห่งในลอนดอน จนเหมือนกับถูกโจมตีจากกองทัพของประเทศที่กำลังทำสงคราม

แน่นอนว่าภาพการทำลายลอนดอนที่ปรากฏในหนัง ทำให้เกิดการสนองตอบต่อความพอใจจากการได้เห็นภาพความพังพินาศ ที่มาพร้อมกับเทคนิคการสร้างภาพพิเศษเป็นชุด แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็อดทำให้ตั้งคำถามไม่ได้ว่า สิ่งที่ผู้ร้ายกระทำมันใหญ่โตเกินกำลังจนเกินความน่าเชื่อไปหรือเปล่า

นอกเหนือจากการถล่มลอนดอนแล้ว การให้บุคคลสำคัญระดับผู้นำประเทศอย่างฝรั่งเศสและเยอรมนี ไปปรากฏตัวต่างสถานที่แล้ว กลายเป็น ?เป้า? นั้น ดูไม่น่าเชื่อ และไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง

คือ ถ้าผู้นำเหล่านั้นมาอยู่รวมกันแล้วตกเป็นเหยื่อการสังหาร อาจพอเป็นไปได้ แต่การจัดการกับผู้นำในสถานที่ต่างๆ นั้น ได้แค่เป็นการบอกให้รู้ว่าเป็นการก่อการร้ายครั้งใหญ่ แต่ไม่ค่อยมีเหตุผลมารองรับ

ที่น่าสงสัยอีกอย่างก็คือ หนังบอกให้รู้ชัดเจนว่าผู้ร้ายต้องการจับตัวประธานาธิบดีสหรัฐ มาเพื่อจะเชือด แล้วถ่ายทอดสดแพร่ภาพไปทั่วโลก แต่ปรากฏว่าบางฉากก่อนหน้านั้น ผู้ร้ายระดับสมุนพยายามใช้จรวดยิงเฮลิคอปเตอร์ของประธานาธิบดีสหรัฐ แบบล็อกเป้าเอาให้ร่วง

ดูแล้วเลยสงสัยปนไม่แน่ใจว่า ตกลงว่าเป้าหมายของพวกผู้ร้ายคืออะไรกันแน่ ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตาย หรือ จับเป็นมาให้ได้ เพื่อเอามาเชือดโชว์ชาวโลก

ทั้งนี้ยังไม่นับการขนอาวุธปืน ระเบิด เครื่องยิงจรวด และกองกำลังติดอาวุธมาอยู่ในลอนดอน จนคิดไปได้ว่าที่เห็นเป็นเหมือนเมืองหลวงของรัฐล้มเหลวที่ไหนสักแห่ง

เข้าใจว่าทางคนทำอยากให้ออกมาดู ยิ่งใหญ่ ตื่นเต้น และต้องมากกว่าใหญ่กว่าภาคแรกหลายเท่า แต่คงไปเน้นตรงนั้นมากจนลืมเรื่องความน่าเชื่อและความสมเหตุสมผล

สุดท้ายจึงเหลือแค่ภาพการต่อสู้ระหว่างตัวละครเอกผู้ปกป้องประธานาธิบดี กับกองทัพผู้ก่อการร้ายที่มีเป็นระยะตั้งแต่ต้นจนจบ

ถึงแม้มีการบรรยายให้เห็นว่าจะเน้นทักษะและความสามารถในการต่อสู้และแก้ปัญหาของตัวละครเอก แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นฉากยิงใส่กันอย่างแทบไม่หยุดมากกว่า (มีฉากยิงกันขนาดที่มีรายชื่อสตันต์เป็นร้อย บนเครดิตท้าย)

คำแนะนำที่นึกออกตอนนี้ก็คือ นี่คือหนังสำหรับผู้ที่ชื่นชอบชมฉากการยิงต่อสู้ และชอบดูภาพความพินาศ โดยไม่ใส่ใจเหตุผลและชั้นเชิงการเล่าเรื่อง

หน้า 20


ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์
หนังเด่น
คุณกฤษดา

ศุกรวารสิริสวัสดิ์ค่ะ
Create Date :11 มีนาคม 2559 Last Update :11 มีนาคม 2559 12:19:04 น. Counter : 1321 Pageviews. Comments :0