bloggang.com mainmenu search








ธานินทร์ กรัยวิเชียร และคณะผู้จัดการ




เป็นเวลานานเกินกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงงานหนัก เพื่อความร่มเย็นของประชาชนชาวไทย แต่น้อยครั้งนักที่จะได้ยินผู้ใกล้ชิดที่ถวายงานใต้เบื้องพระยุคลบาท อย่าง "คณะองคมนตรี" ออกมาบอกเล่า ถึงพระมหากรุณาธิคุณและความประทับใจที่มีต่อพ่อหลวงของแผ่นดิน

เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนไทยได้ซาบซึ้งถึงพระมหากรุณาธิคุณ สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้รับอนุญาตให้จัดพิมพ์หนังสือ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับคณะองคมนตรี" โดยจัดงานเปิดตัว ณ ไลฟ์สไตล์ฮอลล์ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

สัก กอแสงเรือง ประธานโครงการแปลและจัดพิมพ์หนังสือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับคณะองคมนตรี เผยถึงแนวคิดในการจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ว่า

อยากให้ประชาชนทุกคนได้รู้ว่า "ในหลวงทรงทำอะไร ทรงทำเพื่อใคร และทรงทำอย่างไร" สภาทนายความฯ จึงได้นำหนังสือเล่มนี้ ที่คณะองคมนตรีได้จัดพิมพ์มาก่อนแล้ว เพื่อให้ผู้นำชาติต่างๆ ได้อ่านนั้น มาจัดพิมพ์ให้แพร่หลายมากขึ้น เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ ปลุกขวัญ กำลังใจให้คนไทยได้หมั่นสร้างคุณงามความดีแก่ประเทศ

"หนังสือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับคณะองคมนตรี ถือเป็นบทบันทึกประวัติศาสตร์ ที่กล่าวถึงที่มาของคณะองคมนตรีที่เริ่มตั้งแต่รัชกาลที่ 5 จนถึงบทบาทหน้าที่ขององคมนตรีตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

รวมถึงประวัติองคมนตรีทั้ง 19 ท่านและได้อัญเชิญพระราชดำรัสที่พระราชทานแก่คณะองคมนตรี ถึงบทบาทหน้าที่ในการทำงาน มาจัดพิมพ์เป็นครั้งแรกอีกด้วย"

หากได้เปิดหนังสือเล่มนี้อ่านแล้ว เนื้อหาในเล่ม อัดแน่นไปด้วยความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการทรงงานผ่านคณะองคมนตรี อาทิ

นพ.เกษม วัฒนชัย เผยว่า "ที่ประทับใจผมมาก คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมองทุกเรื่องว่า จะปรับปรุง ต่อยอด แล้วจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไร

นอกจากนี้พระองค์ยังสอนว่า ให้ระวังใจของตนให้ดี หากอ่อนแอ ไม่คำนึงถึงผิดชอบชั่วดี ก็จะสร้างความเสียหายแก่ตนเองและแก่ส่วนรวม เป็นหลักที่ยึดอยู่ในใจในการทำงานถวายพระองค์เสมอ"

ส่วน นายสวัสดิ์ วัฒนายากร ที่ถึงแก่อนิจกรรมแล้วนั้น ได้เล่าถึง พระมหากษัตริย์ผู้ทรงงานหนักที่สุดในโลกไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า สมัยที่ได้ทำงานเป็นอธิบดีกรมชลประทาน เคยได้ทำงานถวายพระองค์ท่าน

ซึ่งทุกคนทราบดีว่าพระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถ เรื่องชลประทานมาก ตอกย้ำว่า ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่กราบบังคมทูลรายงานว่า ห้ามเดาเด็ดขาด ถ้าเรื่องใดไม่รู้ให้กราบบังคมทูลไปตรงๆ จะดีกว่า

"สมัยได้ทำงานที่มูลนิธิชัยพัฒนา ผมได้ร่วมโต๊ะเสวย หลังจากพระองค์เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรในถิ่นทุรกันดารแห่งหนึ่ง มีพระราชดำรัสหนึ่งที่ดังก้องอยู่ในหูผมจนกระทั่งทุกวันนี้ คือ

ที่เขายากจนต้องมาทำมาหากินในพื้นที่แห้งแล้งเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะมา แต่เพราะเขาไม่มีที่อื่นจะไป ที่ฉันช่วยเขาไม่ใช่ว่าจะช่วยตลอดไป แต่ช่วยเพื่อให้เขาได้มีโอกาสช่วยเหลือตัวเองต่อไป"

นับเป็นบทบันทึกประวัติศาสตร์หน้าสำคัญอีกบทหนึ่ง

ที่มา:มติชนรายวัน 16 ต.ค.2556



ขอบคุณ มติชนออนไลน์
มติชนรายวัน

สวัสดิ์สิริชีววารค่ะ
Create Date :17 ตุลาคม 2556 Last Update :17 ตุลาคม 2556 11:00:56 น. Counter : 5313 Pageviews. Comments :0