bloggang.com mainmenu search
มาแล้วจ้า ....มาแล้วจ้า ...ต้องขอโทษจริงๆที่ต้องให้รอ ป้ามัวออกไปเที่ยว

ต้นเดือนก็เป็นแบบนี้แหละ รวยอยู่วันสองวัน เดี๋ยวก็นั่งจ๋องอยู่บ้านเหมือนเดิม

มีแฟนคลับหลังไมค์มาตามป้ากัน เกรงใจอีกแล้ว เริ่มกันเลยแล้วกัน




จากตอนที่แล้ว เมื่อสามีกลับมา เราก็มานั่งคุยกันที่คอฟฟี่ชอพของโรงแรม

เขาดูซูบไปมาก หน้าตาอมทุกข์ ไม่มีราศรีเลย ก็คงเหมือนป้า ที่ซูบเซียวพอๆกัน

เราคุยกันด้วยหน้าตาเข้มขรึม เป็นงานเป็นการ

ป้าถามเขาว่าไปอยู่ที่ไหนมา รู้ไหมว่าเป็นห่วงมาก

เขาก็ตอบว่า ไปอยู่แถวแม่สาย พักโรงแรมเล็กๆ

ป้าก็ไม่ได้ซักอะไรมาก เขากลับมานั่งอยู่ตรงหน้าได้แล้ว ก็ถือว่า ดีที่สุดแล้ว

ป้าถามเขาไปว่า ที่ทำไปนี่ รู้ตัวไหม ว่า ทำผิด

เขาตอบว่า รู้ว่าทำผิดไป

ป้าก็บอกว่า ทำผิดแล้ว ต้องทำอย่างไร

เขาก็บอกว่า ขอโทษ

ป้าก็พูดง่าย เมื่อเขายอมรับผิด ขอโทษ ป้าก็ถือว่า แล้วก็แล้วกันไป

เรามาเริ่มชีวิตกันใหม่ เขาก็บอกตกลง ง่ายดีไหม หลังจากหายเตลิดเปิกเปิงไปสองอาทิตย์

กลับมายอมรับผิด ป้ายกโทษให้ เราเหมือนกลับมาเป็นคู่รักกันใหม่

ป้าบอกเขาว่า ระหว่างที่เขาหายไป ป้าได้โทรไปหาเจ้านายเขาที่ญี่ปุ่น

ป้าได้ไปแจ้งความ ป้าได้ไปแจ้งสถานทูต สามีป้าเขาตกใจมากที่ป้าทำไปอย่างนั้น

คืนนั้นเราเข้าพักที่โรงแรมนั้น หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้ว

แต่ต่างก็ยังไว้ท่า ไม่อ่อนหวานเข้าหากัน ต่างคนต่างนอนคนละเตียง

เพราะเขาเหนื่อยมาก ขับรถทางไกลมาทั้งวันจากเชียงราย

เช้าขึ้นมา เมื่อเขาตื่น ป้าก็บอกว่า ป้าจะโทรคุยกับเจ้านายเขาที่ญี่ปุ่น

ขอกลับไปทำงานที่บริษัทเก่าอีก สามีค่อนข้างกลัวเจ้านายแต่ก็ยอมให้ป้าพูดโทรศัพท์

ป้าขอให้ซาโจ้รับสามีกลับไปทำงานอีก ซาโจ้ก็บอกว่าได้

สามีดีใจมาก รีบพูดขอบคุณซาโจ้ ที่ให้โอกาสเขาใหม่อีกครั้ง

เราจึงมีเป้าหมายใหม่ ที่จะกลับญี่ปุ่น อยู่ไม่ได้แล้วเมืองไทย

หลังจากนั้น เราก็เริ่มต้นด้วยการไปโรงพัก เพื่อยกเลิกการแจ้งความ

สารวัตคนเดิม ออกมาต้อนรับอย่างดี สามีก็รู้สึกอายๆ จากโรงพัก ก็ต้องไปสถานทูตญี่ปุ่น

และไปบริษัทขายตั๋วเครื่องบิน ขอเปลี่ยนวันบินใหม่ เพราะสามีต้องกลับไปทำเรื่อง

ต้องไปที่บ้านต่างจังหวัดเพื่อเอาชื่อป้ากลับเข้าสำมโนครัวญี่ปุ่น

แล้วจึงกลับมาขอวีซ่าไปพำนักที่ญี่ปุ่นใหม่ เรามีเวลาเพียงไม่กี่วันระหว่างรอวีซ่า

สามีอยากไปอีสานอีกครั้งก่อนกลับญี่ปุ่น เราเลือกไปอุบล

และเขาขอไปเที่ยวนวดอีกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนกลับ ป้าก็อนุญาต โดยนั่งรอที่ร้านอาหาร

พอดีมีเพื่อนอยู่ที่อุบล เราก็เลยได้นั่งคุยกันรอเวลา เพื่อนป้าบอกว่า

ป้านี้แปลกทำไมปล่อยสามีไปนวดอีก ไม่เข็ดหรือ ป้าก็บอกว่า กลัวเหมือนกัน

แต่คิดว่าเขาคงสำนึกได้แล้วว่า ที่ทำไปมันผิด เขาถึงได้กลับมา

ป้ารอจนเขานวดเสร็จ กลับออกมา ป้าก็ไม่ได้ถามหรือต่อว่าเขา ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

วันรุ่งขึ้นเราเดินทางกลับกรุงเทพฯ เพื่อรับวีซ่า เมื่อไดวีซ่ามาแล้ว

เราก็กำหนดวันเดินทางกลับญี่ปุ่น ป้าก็ต้องออกเดินสายล่ำลาญาติมิตร

และหนึ่งท่านที่ป้าจะลืมไปบอกลา ก็คือ คุณดำรง พุฒตาล แห่งคู่สร้าง คู่สม



คุณดำรงก็ได้ถามความเป็นไปเป็นมาของเรื่องที่เกิดขึ้น ป้าก็ได้เล่าให้ฟังจนหมด

คุณดำรงสนใจมาก จึงให้บก.ปลา มาอัดเทปเรื่องราวของป้า

เพราะคุณดำรงก็คิดไม่ถึงเลยว่า สามีป้าจะกลายมาเป็นคนแบบนั้น

ป้าก็เล่าไปทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ประสบมาตลอดเวลาสองเดือน

และได้บอกว่า ได้อ่านคำพยากรณ์จากหนังสือ ว่าให้ใจเย็นๆเมื่อเขากลับมา

ป้าได้ปฎิบัติตามและก็เป็นผลดี คือเรากลับมารักกันเหมือนเดิม



ฝันร้ายผ่านพ้นไปแล้ว เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่ที่ประเทศญี่ปุ่น

เรื่องของป้าอาจจะเป็นบทเรียนหนึ่ง ที่จะได้ไว้สอนใจน้องๆหลานๆ

สามีภรรยา เมื่อตัดสินใจมาใช้ชีวิตคู่กัน หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน

ถ้าเขายังเห็นความสำคัญของเราอยู่บ้าง เขาก็คงกลับมาหาเรา

แต่เมื่อเขาหมดรักเราแล้ว ก็อย่าไม่ยื้อยุดเอาไว้ เพราะคุณจะไม่ได้ใจเขากลับมา

สามีป้าเขากลับมาเพราะเขาคิดแล้วว่า ป้าดีต่อเขา ด้วยความจริงใจ

เขาผ่านการมีภรรยามาแล้วหลายคน แต่ก็ไม่ผูกพันกันมากเท่าป้า เลิกแล้วก็เป็นคนอื่น

สิ่งที่เขาพอใจก็คือ ป้าเป็นคนไม่เรียกร้องเรื่องเงินทอง ให้ใช้เท่าไหร่ก็เท่านั้น

เขาจะเกิดความเครียด ถ้าเจอผู้หญิงที่ขอแต่เงิน ป้าต้องอดทนมาหลายปี

กว่าเขาจะไว้ใจ ว่าเราไม่ได้แต่งงานกับเขาเพื่อหวังกอบโกย

ป้าเคยเตือนตัวเองเสมอๆ ว่าให้อดเปรี้ยวไว้กินหวาน

คงรู้จักคำนี้กันดี เป็นสุภาษิตไทยๆที่ป้าใช้กับตัวเองมา เราทนลำบากไปก่อน

อีกหน่อยเมื่อเขาเห็นความดีของเรา เขาก็จะให้เราเอง สุภาษิตนี้ใช้ได้กับสามีป้า

ป้าไม่ได้โอ้อวดว่าสามีรัก เพราะมันผ่านเหตุการณ์ร้ายนั้นมาแล้ว

ความรักมันจืดจางลงได้ มันเพิ่มพูนได้ ความรักมันมีชีวิต ขึ้นอยู่ที่ตัวเราจะต้องการให้เป็นอย่างไร

ถ้าต้องการให้สามีรัก เราก็มอบความรักและซื่อสัตย์ต่อสามี

ตั้งใจปรนนิบัติดูแลข้าวปลาอาหารอย่าให้เขาอนาทรร้อนใจ
ถ้าสามีเรายังมีสามัญสำนึกอยู่ เขาคงไม่ทอดทิ้งเราไป

แต่ถ้าเราดีแล้ว เป็นแม่ศรีเรือน เป็นแม่บ้านแม่เรือนแต่สามีไม่เห็นคุณค่า

ก็ปล่อยเขาไป ไม่จำเป็นต้องทน ยามที่เขารักก็เก็บเงินเก็บทองเป็นทุนรอนเอาไว้

วันใดที่ไม่มีเขา เราจะได้ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน

ป้าผ่านเรื่องร้ายๆมาชนิดที่แทบเอาตัวไม่รอด ก็อยากจะฝากน้องๆหลานๆ

ที่เข้ามอ่านเรื่องของป้า จำไว้ปรับเข้ากับชีวิต ถ้าวันหนึ่งวันใดสามีที่ดีเปลี่ยนไป

ตอนนี้ป้ามีความสุขดี คิดว่าคงเป็นเช่นนี้ตลอดไป ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง

ที่สนใจติดตามอ่านเรื่องของป้าพนอจัน จนมาถึงตอนที่12

ซึ่งตอนนี้อาจจะไม่สนุกสนานเร้าใจเท่าที่ผ่านมา แต่ก็ถือว่าเราได้มาพูดคุยกัน

ป้าคงมีเรื่องอื่นมาเล่าให้ฟังอีกในโอกาสต่อไป ขอขอบคุณอีกครั้ง ด้วยความจริงใจ

Create Date :03 สิงหาคม 2550 Last Update :26 พฤศจิกายน 2555 10:53:17 น. Counter : Pageviews. Comments :214