สถานที่ที่ครองแชมป์การจรจรติดขัดสูงที่สุดในโลก คงหนีไม่พ้นเมืองใหญ่อย่างลอนดอน กรุงเทพ และนิวเดลี แต่วันนี้เราไม่ได้พูดถึงเรื่องของการจราจรติดขัดมากที่สุดในโลก แต่เป็นสถานที่ที่สูงที่สุดในโลกที่เกิดปัญหาการจราจรติดขัด นั่นก็คือยอดเขาเอเวอร์เรสต์


สถานที่ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 9 กิโลเมตรอย่างยอดเขาเอเวอเรสต์ ไม่น่าจะมีคนบุกบั่นขึ้นไปมากถึงขนาดทำให้เกิดการจราจรติดขัดได้ แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว โดยในโอกาสที่วันที่ 29 พฤษภาคม 1953 เป็นวันที่เอ็ดมุนด์ ฮิลลารี นักปีนเขาชาวนิวซีแลนด์ และเทนซิง นอร์เกย์ ไกด์คู่ใจชาวเผ่าเชอร์ปา ได้ขึ้นไปยืนเคียงข้างกันบนยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์มนุษย์โลก หลายๆ สำนักข่าวก็เลยหยิบยกเรื่องของการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ขึ้นมาพูด


และปัญหาที่เป็นที่พูดถึงกันมากที่สุดก็คือเรื่องของความหนาแน่นของจำนวนนักปีนเขาที่อยากจะพิชิตจุดที่สูงที่สุดในโลก ต้องขอบคุณเทคโนโลยีล้ำหน้าในการพัฒนาอุปกรณ์การปีนเขา ที่ทำให้จำนวนนักปีนเขาที่ขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดของเอเวอเรสต์ที่เคยได้ชื่อว่าไม่มีใครพิชิตได้ เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว



จากสถิติของ National Geographic ในปี 1983 วันที่มีผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้มากที่สุดของปี มีผู้พิชิตเพียง 8 คน แต่ 10 ปีถัดมา จำนวนนี้เพิ่มเป็น 40 คน และสถิติล่าสุดในปี 2012 ปรากฏว่าวันที่มีผู้พิชิตยอดเอเวอเรสต์มากที่สุด มีนักปีนเขาไปกระจุกตัวกันมากถึง 234 คน จนทำให้ทุกวันนี้มีผู้ได้ชื่อว่าพิชิตยอดเขาปราบเซียนแห่งนี้ มีกว่า 3,000 คนแล้ว ตั้งแต่เด็กวัย 13 ไปจนถึงชายชราวัย 80 ปี


จำนวนนักเสี่ยงภัยที่เพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้เส้นทางพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ที่ยากลำบากอยู่แล้ว ยิ่งลำบากขึ้นไปอีกจากการจราจรที่ติดขัดยิ่งกว่าถนนในช่วงวันหยุด นักปีนเขาต้องเสียเวลาและเสี่ยงชีวิตมากขึ้นจากการรอหลีกทางให้กันและกัน โดยเฉพาะในวันที่มีพยากรณ์อากาศว่าอากาศจะปลอดโปร่ง ซึ่งในรอบ 1 ปีจะมีเพียงไม่กี่ครั้ง ทำให้นักปีนเขาหนาแน่นเป็นพิเศษ


จุดที่เสี่ยงอันตรายที่สุดและการจราจรติดขัดมากที่สุด ก็คือบริเวณที่เรียกว่า Hillary Steps ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายก่อนขึ้นสู่ยอดเอเวอเรสต์ ที่เป็นหน้าผาสูงชัน นักปีนเขาต้องไต่ขึ้นลงละคนเท่านั้น ทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่อคิวขึ้นยอดเอเวอเรสต์ยาวนับกิโล




ปัญหานี้ทำให้สมาคมผู้ประกอบการการท่องเที่ยวเนปาลถึงกับมีความคิดที่จะสร้างบันไดขึ้นตรง Hillary Steps เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักปีนเขา และลดความเสี่ยงภัยที่เกิดขึ้นในระหว่างการรอคิว รวมถึงยังมีแนวคิดจะติดตั้งเชือกปีนเขามาติดตั้งอย่างถาวรตลอดเส้นทางขึ้นเอเวอเรสต์ เพื่อให้สะดวกต่อนักปีนเขาสมัครเล่น


ชาวเชอร์ปา ผู้ได้ประโยชน์เต็มๆ จากธุรกิจทัวร์เอเวอเรสต์ที่บูมขึ้นทุกปี เห็นด้วยกับแผนนี้เต็มร้อย แต่บรรดานักปีนเขาอาชีพกลับมองว่าเรื่องนี้ตอกย้ำว่ามนตร์เสน่ห์ของการพิชิตเอเวอเรสต์กำลังเสื่อมถอยลงจากการท่องเที่ยวแบบดาดๆ ที่รุกล้ำเข้ามาอย่างน่ากลัว จนทำให้ประสบการณ์ในเอเวอเรสต์เป็นประสบการณ์แบบเข้าร้าน "แม็กโดนัลด์" มากกว่าการได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ของธรรมชาติเหมือนในอดีต



ที่มา //news.voicetv.co.th/