เชฟโรเลต เพิ่มทางเลือกให้ตลาดรถยนต์ในกลุ่มซับคอมแพกต์ด้วย
โซนิค เครื่องยนต์ใหม่ 1,600 ซีซี และเป็นรถ FFV-Flex Fuel Vehicle รุ่นแรกในกลุ่ม สามารถใช้ได้ทั้งแก๊สโซลีน และแก๊สโซฮอล์ได้สูงสุดถึง E85 พร้อมติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนต์
MyLink เชื่อมต่ออินเตอร์เนทผ่านสมาร์ทโฟน ควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัสหน้าจอ
เว้นช่วง
หลังการเปิดตัว ประมาณ 2 เดือน
เชฟโรเลต ก็จัดให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับ
โซนิค 1.6 ในแบบ One Day Trip เส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา ระยะทางรวมประมาณ 350 กิโลเมตร ทีมงาน
มอเตอร์ทริเวีย ถูกจัดให้ขับรุ่น 5 ประตู
LTZ สลับกันขับคันละ 2 คน ระหว่างทางมีเกมให้ผู้โดยสารได้เล่นแก้เหงา โดยเป็นเกมที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานระบบ
MyLink โซนิค 1.6 ใช้เครื่องยนต์รหัส Z16XFR เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว มีระบบแปรผันวาล์วทั้งไอดีและไอเสีย Double CVC ชุดวาล์วแบบลดน้ำหนักและลดแรงเสียดทาน มีระบบแปรผันความยาวท่อร่วมไอดี และลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้า มีความจุ 1,598 ซีซี กำลังสูงสุด 115 แรงม้า (PS) 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 15.8 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมโหมด M +/-
เพื่อรองรับแก๊สโซฮอล์ E85
เชฟโรเลต จึงเปลี่ยนชุดท่อส่งเชื้อเพลิง และปรับปรุงปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง รองรับแก๊สโซฮอล์ได้ถึง E100 พร้อมเพิ่มอัตราการหมุนเวียนเชื้อเพลิง ระบบกันสะเทือนมีการเปลี่ยนสปริงและช๊อกแอ็บซอร์เบอร์ด้านหน้า เพื่อรองรับน้ำหนักเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้น เปลี่ยนระบบปั๊มเพาเวอร์ของพวงมาลัยใหม่ ออกแบบมาสำหรับเครื่องยนต์ 1,600 ซีซี และปรับปรุงชุดเฟืองบังคับเลี้ยว เพื่อการควบคุมที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังเปลี่ยนท่อไอเสียทั้งในส่วนหน้า ส่วนหลัง รวมทั้งหม้อพักไอเสียใหม่ สำหรับเครื่องยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ เพิ่มอัตราการระบายไอเสียและลดเสียงรบกวน
รูปลักษณ์ภายนอกไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก มีเพียงย้ายไฟเลี้ยวด้านข้างไปรวมเป็นชุดเดียวกับกรอบกระจกมองข้าง และเพิ่มสีภายนอก
ส้ม-Orange Rock ระบบเบรกยังคงเป็นแบบหน้าดิสก์หลังดรัม อาจทำให้หลายคนผิดหวัง เพราะคาดว่าเครื่องยนต์แรงขึ้น (เล็กน้อย) และภาพลักษณ์ที่ดูสปอร์ต น่าจะให้ดิสก์ 4 ล้อ ส่วนล้อและยางเทียบกันรุ่นต่อรุ่นแล้วยังใช้ขนาดเดิม
แฮทช์แบ็ก LTZ ให้ยางขนาด 205/55 R16
การทดสอบครั้งนี้เป็นทริปเล็กๆ มี
โซนิค 1.6 ทั้งซีดานและแฮทช์แบ็กรวม 5 คัน ผมเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้โดยสาร เพื่อนที่ขับคู่กันอาสาขับก่อนเพื่อให้ผมช่วยเล่นเกมที่
เชฟโรเลต แจกมาให้ ออกเดินทางในช่วงสายจาก
รสา ทาวเวอร์ เยื้องแดนเนรมิตเก่า เลาะด้านหลังตึกไปออกถนนวิภาวดี-รังสิต ขึ้นทางด่วนเพื่อมุ่งหน้าจุดหมายแรก
ปั๊ม ปตท. จุดพักรถบนทางด่วนเพื่อเติมแก๊สโซฮอล์ E85 ให้เต็มถัง จากเดิมที่มีประมาณครึ่งถัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ของ
เชฟโรเลต บอกว่า น้ำมันที่มีอยู่ครึ่งถังนั้นก็เป็น E85 เช่นเดียวกัน ดังนั้นอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในการเดินทางครั้งนี้ จึงพอจะบอกได้ว่าเป็นของ E85 ล้วนๆ
ถังน้ำมันของ
โซนิค 1.6 มีความจุ 46 ลิตร เติมเพิ่มไปอีก 500 บาท ได้ E85 จำนวน 21.56 ลิตร (E85 ลิตรละ 23.18 บาท) เติมเสร็จขับชิลๆ ไปยังจุดนัดต่อไปคือ ร้านกาแฟที่จุดพักรถมอเตอร์เวย์ ใช้ความเร็วประมาณ 100 - 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ
13 กิโลเมตรต่อลิตร คิดเป็นค่าใช้จ่าย
กิโลเมตรละ 1.78 บาท หลังจากพักดื่มน้ำผลไม้ชื่นใจแล้วจึงออกเดินทางต่อ โดยผมรับหน้าที่เป็นผู้ขับ คราวนี้ได้รับคำแนะนำว่าให้ขับเกาะกลุ่มกันไว้ เพื่อป้องกันการหลงทาง เนื่องจากจะมีแยกซ้ายออกจามอเตอร์เวย์มุ่งหน้า
อ่างเก็บน้ำบางพระ ซึ่งถนนมีลักษณะคดเคี้ยว สามารถใช้ทดสอบในเรื่องการบังคับควบคุมได้อย่างดี และไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยมากนัก เพราะมีรถนำขบวนไปดูเส้นทางด้านหน้า และแจ้งกลับมาผ่านทางวิทยุสื่อสารที่มีประจำรถทุกคัน
ในช่วงทางคดเคี้ยว ทำให้ได้เห็นข้อดีของระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ ที่เซตการผ่อนแรงไว้ค่อนข้างตึงมือ ซึ่งช่วยให้การควบคุมพวงมาลัยเข้าโค้งมีความเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องค่อยๆ ประคองพวงมาลัย และตัวรถก็ไม่มีอาการวูบวาบจากพวงมาลัยที่ไวเกินไป ช่วงล่างและระบบกันสะเทือนให้ความรู้สึกเดียวกับรุ่น 1.4 คือหนึบ และหนักแน่น มีช่วงยืด-ยุบที่กระชับ และเซตไว้ค่อนข้างหนืด รองรับการขับแบบสปอร์ตได้ดี คนที่คาดหวังเรื่องความนุ่มนวลอาจบ่นว่าแข็งเกินไป
ช่วงแรกที่ผมขับยังไปกันแบบสบายๆ แต่ช่วงก่อนเดินทางไปทานอาหารกลางวัน พบว่ารถติดขัดอย่างหนัก เนื่องจากด้านหน้ามีอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หลังจากเลยจุดเกิดเหตุมาแล้วรถนำขบวนจึงเร่งความเร็วขึ้นอีกพอสมควร จึงได้ทดลองประสิทธิภาพของทั้งเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังแบบไม่ได้ตั้งใจ
แม้เครื่องยนต์จะใหญ่ขึ้นและมีสมรรถนะดีกว่ารุ่นเดิมพอสมควร แต่ด้วยความที่รถค่อนข้างหนัก ประมาณ 1,243 - 1,299 กิโลกรัม ในช่วงการออกตัวหรือความเร็วต่ำจึงไม่รู้สึกแตกต่างจากรุ่น 1.4 มากนัก ต้องรอให้ไต่รอบผ่าน 2,500 รอบต่อนาทีขึ้นไป จึงจะรู้สึกว่าอัตราเร่งไหลลื่นกว่าพอสมควร และจะรู้สึกชัดเจนยิ่งขึ้นในช่วงคิ๊กดาวน์
ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ใช้อัตราทดเกียร์เดินหน้าและถอยหลังเหมือนรุ่น 1.4 โดยเกียร์โอเวอร์ไดรฟ์อัตราทดต่ำกว่า 1.000 อยู่ในเกียร์ 6 แตกต่างจากรุ่น 1.4 ที่อัตราทดเฟืองท้ายของรุ่น 1.6 ที่ต่ำกว่า (4.110 กับ 3.720) มาพร้อมโหมด M และปุ่ม +/- บนหัวเกียร์ ความฉับไวในการเปลี่ยนเกียร์อยู่ในระดับมาตรฐาน และมีความนุ่มนวลดี
บางช่วงของการขับเป็นถนน 2 เลนสวนกัน การแซงต้องดูจังหวะและใช้การคิ๊กดาวน์ช่วย ในช่วงที่ขับตามรถช้าและรอจังหวะให้ไม่มีรถสวนมา ลองดึงคันเกียร์ไปที่โหมด M เกียร์จะค้างอยู่ในตำแหน่งเดิม เมื่อไม่มีรถสวนก็หมุนพวงมาลัยออกขวาพร้อมกดคันเร่งเพิ่มความเร็วได้ทันที ไม่ต้องเสียจังหวะในการคิ๊กดาวน์ เจอทั้งรถติดและการขับที่ค่อนข้างเร็ว ทำให้อัตราสิ้นเปลืองลดลงเหลือ 10.5 กิโลเมตรต่อลิตร ระบบเบรกหน้าดิสก์หลังดรัม อาจด้อยในแง่ความหล่อ แต่ประสิทธิภาพในการเบรกอยู่ในระดับดี แรงในการเบรกสัมพันธ์กับน้ำหนักในการกดแป้นเบรก และเมื่อต้องเบรกค่อนข้างหนัก ก็มีแรงดึงที่เหลือเฟือ สามารถลดความเร็วลงได้อย่างทันใจ ไม่มีอาการเบรกลื่นหรือไหลให้หวาดเสียว
หลังทานอาหารกลางวันแล้วจึงมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ ช่วงแรกให้เพื่อนขับก่อน เมื่อถึงจุดพักรถมอเตอร์เวย์ผมจึงสลับมาเป็นผู้ขับ คุยเพลินๆ ทำให้เลยทางออกไปเชื่อมกับทางด่วนลอยฟ้า จึงต้องใช้มอเตอร์เวย์ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ แต่คิดว่ารถคงไม่ติดเพราะเพิ่งจะ 15.45 น. แต่ขับไปได้สักพักกลับเจอกับรถติดสาหัส ฟังวิทยุจึงรู้ว่าเป็นเพราะเกิดอุบัติเหตุหลายจุด
กว่าจะฝ่ารถติดกลับมาที่
รสา ทาวเวอร์ ก็ปาเข้าไป 18.00 น. ในช่วงรถติดได้ใช้โหมด M อีกครั้ง ให้เกียร์ช่วยหน่วงความเร็วรถไว้ จึงไม่ต้องเหยียบเบรกบ่อยๆ ช่วยลดความเมื่อยล้าไปได้บ้าง
ถึงจุดหมายด้วยอัตราสิ้นเปลือง 10 กิโลเมตรต่อลิตร ใช้เป็นตัวเลขอ้างอิงในการขับทางไกลไม่ได้ เพราะมีทั้งการใช้ความเร็วสูง กดคันเร่งคิ๊กดาวน์ และรถติดแบบสุดๆ ถ้ามีโอกาสทดสอบรถรุ่นนี้จะเก็บข้อมูลทั้งอัตราสิ้นเปลืองและอัตราเร่งอีกครั้ง
ขอบคุณ: บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการทดสอบ //www.motortrivia.com/2013/test-drive-001/155/chevy-sonic-1600-e85.html