นายสาโรช เกียรติเฟื่องฟู ประธานฝ่ายการตลาด การขาย และการบริการ ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ของตลาดรถยนต์ในปีนี้ว่า ถือเป็นปีที่อุตสาหกรรมยานยนต์การเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะผลจากโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาล ที่แม้จะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาษีโดยตรง แต่ก็ถือว่ามีผลไม่ต่างไปจากการปรับโครงสร้างภาษี

เนื่องจากรัฐบาลสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการซื้อรถยนต์คันแรกของประชาชน โดยมีการคืนเงินให้สูงสุด 100,000 บาท ทำให้ความต้องการซื้อรถยนต์ในปีนี้สูงมาก และเป็นการดึงความต้องการซื้อของตลาดในปี 2556 ออกมาใช้ก่อน ส่งผลให้กำลังการผลิตของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ไม่เพียงพอ

"ยอดขายในปีนี้ ผู้ประกอบการทุกรายพอใจแน่เพราะผลิตออกมาเท่าไร

ก็ขายหมด ตอนนี้เราคงต้องจับตาดูตลาดปีหน้าให้ดี ๆ เพราะยอดขายถูกถึงมาใช้ก่อน ประเมินเบื้องต้นราว 100,000 คันที่หายไปล่วงหน้า จะส่งผลกระทบกับตลาดรถยนต์ ซัพพลายเออร์ หากนับรวมปัจจัยอื่น ๆ ทั้งค่าแรง ของทุกอย่างแพงหมด เราเชื่อว่าอะไร ๆ ที่อยู่ดี ๆ อยู่แล้วพอผิดธรรมชาติ คงน่ากลัวมาก สำหรับตอนนี้ปัจจัยที่ต้องคำนึงเป็นพิเศษคือ เศรษฐกิจ น้ำมัน และการปล่อยสินเชื่อ"

ส่วนความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายรถยนต์คันแรก ที่จะมีการต่ออายุโครงการออกไปหรือไม่นั้น สำหรับฟอร์ดวันนี้รอเพียงแค่ความชัดเจนที่ออกมาเป็นเอกสาร เพราะหากรัฐบาลจะผ่อนผันให้ยืดโครงการออกไปก็ควรมีรายละเอียดชัดเจน เช่น ดูที่ใบจองเป็นหลักว่าจองหรือซื้อภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2555 หรือไม่ แล้วขยายระยะเวลาในการรอรับรถออกไป ดังนั้นถ้ายังไม่มีการประกาศใด ๆ ออกมาจึงมองว่ารัฐบาลยังทำตามเงื่อนไขและกำหนดเวลาเดิม

"หากยังไม่มีเงื่อนไขที่ชัดเจน ในช่วง 1-2 เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นสุดโครงการ เชื่อตลาดรถยนต์อาจจะเกิดความสับสนและปั่นป่วน มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงอาจจะได้เห็นการซื้อขายใบจองรถในช่วงเวลาดังกล่าวในราคาสูงเพื่อแย่งรับสิทธิ์ด้วย"

สำหรับฟอร์ดรวมทั้งค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ขณะนี้ต้องพยายามทำความเข้าใจและชี้แจงไปยังตัวแทนจำหน่ายให้เข้าใจปัญหาตรงนี้ เนื่องจากค่ายรถยนต์ต่างรู้ว่าตัวเองมีกำลังผลิตเท่าใด จะสามารถรอรับกับความต้องการของลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหน

"ฟอร์ดมีกำลังการผลิตจำกัด และมีการคำนวณยอดผลิตและยอดจองของลูกค้า เพื่อที่จะกำหนดโควตาการส่งมอบรถยนต์ให้กับผู้แทนจำหน่ายแต่ละราย เพื่อที่จะให้แต่ละดีลเลอร์คำนวณการรับจองของลูกค้าที่ประสงค์จะใช้สิทธิ์รถคันแรก และสามารถแจ้งให้ลูกค้าทราบได้ทันทีว่าสามารถรับสิทธิ์ได้หรือไม่"

ก่อนหน้านี้ฟอร์ดได้ประกาศหยุดรับจองฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค ทั้งรุ่น 2.5-3 ลิตรไปเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากยอดจองที่มีอยู่บวกกับกำลังผลิตนั้นจะสามารถเคลียร์รถได้ราวต้นปีหน้า ส่วนเฟียสต้า เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ที่ฟอร์ดตัดสินใจเปิดตัวเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้ารถยนต์คันแรกนั้น ถือว่าได้รับการตอบรับค่อนข้างดี และมียอดจองเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อย่างลูกค้าที่จองรถวันนี้อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการรอรับรถนานถึง 2 เดือน เนื่องจากเราเพิ่งเริ่มส่งมอบเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา วันนี้มียอดจองไปแล้ว 2,500-3,000 คัน

"ตอนนี้เราก็คุยกับทางโรงงานเอเอทีตลอด และก็ไม่สามารถคาดได้ว่าจะผลิตเท่าไรถึงจะส่งมอบได้หมด ตอนนี้ทุกคนต่างต้องการรถ ไม่ว่าจะเป็นตลาดในประเทศ ตลาดส่งออก ในส่วนของกำลังผลิตเองก็แย่งรถกัน เราคุยกับโรงงานแบบเดือนต่อเดือน" นายสาโรชกล่าว

ส่วนยอดขายในเดือนพฤษภาคม ฟอร์ดมียอดขายรวมอยู่ที่ 3,820 คัน เพิ่มขึ้น 52% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ จำนวน 1,493 คัน, เฟียสต้า ใหม่ จำนวน 2,154 คัน เป็นผลจากการเปิดตัวฟอร์ด เฟียสต้า รุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และรุ่นอื่น ๆ