bloggang.com mainmenu search


มาพบกับตอนที่ 2 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของความประทับใจในการมาเยือน Soneva Gili Maldives รีสอร์ทในเครือ Six Senses บนเกาะมัลดีฟ ก่อนอื่นลองมาดูข้อมูลที่สำคัญในการเดินทางมายังเกาะนี้ ประเทศมัลดีฟเป็นประเทศที่คนไทยสามารถเดินทางมาเที่ยวได้เลยโดยไม่ต้องขอวีซาครับถ้าอาศัยไม่เกิน 30 วัน ใช้เพียง passport การแลกเงินเพื่อใช้จ่ายหรือทิปพนักงานสามารถแลกเป็นเงิน US ไม่จำเป็นต้องแลกเป็นเงินสกุลท้องถิ่นของมัลดีฟ เที่ยวบินจากประเทศไทยส่วนมากจะถึงมาเล่ตอนกลางคืน ดังนั้นการเดินทางไปยังรีสอร์ทบางแห่งต้องค้างที่มาเล่หนึ่งคืน สำหรับที่ Soneva Gili ไม่ต้องค้างครับ เพราะรีสอร์ทอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน (แต่ก็จะไม่ได้นั่ง Sea planeไปยังรีสอร์ท) ระบบไฟใช้ไฟฟ้า 230-240 V ปลั๊กไฟที่นี่เป็นปลั๊กสามขา แต่ที่รีสอร์ทจะมีตัว adaptor เพื่อสามารถใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าของบ้านเรา ดังนั้นใครต้องการ ชาร์ตแบตของกล้อง iPod หรือโทรศัพท์มือถือไม่ต้องเป็นห่วงครับ ประชากรส่วนใหญ่ของมัลดีฟนับถือศาสนาอิสลาม ดังนั้นจึงไม่มีอาหารที่ทำจากหมู(และไม่ควรนำผลิตภัณฑ์ที่นำจากหมูขึ้นไปบนเกาะ)

เวลาที่มัลดีฟจะช้ากว่าเวลาที่บ้านเราสองชั่วโมงครับ และสำหรับที่ Soneva Gili จะมีระบบเวลาที่เรียกว่า Soneva time ซึ่งจากเร็วกว่าเวลามัลดีฟหนึ่งชั่วโมง(หรือช้ากว่าบ้านเราหนึ่งชั่วโมง) ดังนั้นเวลานัดหมายของรีสอร์ทจะเป็นเวลาของ Soneva time เช่น ช่วงเวลาทานอาหารเช้า 7.00-10.30 นั่นคือช่วงเวลา 6.00-9.30 เวลาทั่วไปในมัลดีฟ

ต่อไปมาชมภาพความประทับใจตอนที่สองที่จะเน้นบรรยากาศทั่วไปของรีสอร์ท หาดทรายขาว น้ำทะเลใส ห้องอาหาร อาหารที่น่าทาน และที่สำคัญคือภาพใต้น้ำจากหน้าห้องพักที่ผมใช้เวลาแทบทั้งวันช่วงน้ำขึ้นชมปะการังและปลาสวยงาม

ผมขอวางแผงนิตยสาร Online ชานไม้ชายเขาฉบับที่ 67 ประจำเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นตอนที่ 2 ของความประทับใจที่มีต่อ Soneva Gili Maldives จนผมอยากให้เวลาหยุด ที่กลางมหาสมุทรอินเดีย ณ รีสอร์ทแห่งนี้



ผมเริ่มด้วยภาพวันฟ้าใสอากาศดีๆบริเวณห้องพักที่ jetty1


ทางรีสอร์ทจะเตรียมจักรยานไว้ให้ที่ห้องพักทุกห้อง สามารถปั่นเล่นชมวิว


มุมเล็กๆที่ทางเดินบริเวณ jetty จะมีตุ่มเล็กๆ สำหรับตักน้ำสำหรับล้างเท้า


ทางเดินไปยังห้องพักที่มีน้ำใสๆอยู่เบื้องล่างและยังเห็นวิวของหาดทรายขาว และทิวต้นมะพร้าว เป็นบรรยากาศที่ประทับใจมากครับ


ต่อไปผมจะพาไปชมบริเวณสระว่ายน้ำส่วนกลางของรีสอร์ทซึ่งอยู่ใกล้ๆกับห้องอาหารเช้า


สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของ Soneva Gili Maldives คือ เกาะเล็กๆที่มีต้นมะพร้าวต้นเดียวซึ่งเรียกว่า One Palm Island และเปลที่อยู่กลางทะเลสีคราม


บรรยากาศริมชายหาดที่สวยงามทั้งหาดทรายขาว ต้นมะพร้าวเขียวตัดกับสีน้ำทะเลและสีท้องฟ้า เรือที่เห็นคือเรือที่ใช้รับส่งแขกที่ Crusoe Residence ซึ่งอยู่กลางทะเล


มาชมความใสของน้ำทะเลสีสวยๆที่ต่างจากสีน้ำทะเลในเมืองไทยที่ผมเคยเห็นมา กับหาดทรายขาว สวยงามน่าลงเล่นน้ำมากครับ


เปลนอนเล่นบรรยากาศดีๆใต้ต้นมะพร้าว ชมทะเลสีสวยๆ ไม่ต้องกลัวว่าลูกมะพร้าวจะหล่นนะครับ เพราะเขาจะเด็ดลูกมะพร้าวลูกโตๆออกหมด


ที่นอนเล่นอาบแดด ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงมรสุมอากาศเปลี่ยนเร็วมากครับ เห็นแดดดีๆฟ้าใสๆอย่างนี้ อีกแป๊บเดียวฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก


สระว่ายน้ำส่วนกลางถูกออกแบบให้น้ำในสระสีเดียวกับน้ำทะเล ผมผ่านสระนี้หลายครั้งแต่ไม่มีแขกมาเล่นน้ำมากเท่าไหร่ครับ เพราะส่วนมากจะไปเล่นน้ำทะเลซึ่งใสไม่แพ้กันเหมือนเป็นสระขนาดใหญ่ตามธรรมชาติ


ต่อไปมาดูส่วนสปาครับ สปาที่นี่เป็นสปากลางน้ำ อยู่ระหว่าง Jetty 1 และ Jetty2 บรรยากาศดีมากๆครับ ในส่วนสปามี Spa manager เป็นคนไทยชื่อคุณส้ม ซึ่งดูแลและต้อนรับเป็นอย่างดี


ผมมีโอกาสได้นวด Fusion ที่สปาแห่งนี้ พนักงานซึ่งเป็นคนอินเดีย นวดได้ดีมากครับ ในห้องสปาก็บรรยากาศดี มีพื้นบางส่วนเป็นกระจกใส สามารถนอนชมปลาด้านล่าง


ส่วนนี้เป็นห้องพักที่ Jetty 2 มองจากห้องอาหาร Sense by the sea ซึ่งอยู่ใกล้กับสปา


บรรยากาศที่ลานหน้าห้องพักซักภาพครับ ช่วงน้ำขึ้นได้บรรยากาศเหมือนอยู่กลางทะเล ถึงเป็นช่วงน้ำขึ้นระดับน้ำไม่ลึก ผู้ใหญ่ยืนได้สบาย


ฟองคลื่นสีขาวกับบรรยากาศช่วงเย็นๆที่บริเวณท่าเรือ เห็นห้องอาหารที่อยู่กลางน้ำที่ผมจะพาไปชมต่อไป


ทะเลช่วงมรสุมคลื่มแรงและลมแรงพอสมควร แต่ยังคงความสวยงามของธรรมชาติ


บรรยากาศยามเย็นที่บริเวณ jetty


ที่ผมชอบมากของที่นี่คือทางรีสอร์ทจะเตรียมจักรยานคันนี้ไว้ที่วิลลาให้แขกทุกคน ไว้ปั่นเล่นชมวิวในเกาะ ถ้าสังเกตที่เหยียบเท้าของจักรยานจะหุ้มด้วยผ้า เพราะแขกส่วนมากจะเดินเท้าเปล่า เวลาปั่นจะได้ไม่เจ็บเท้า ใครไม่ถนัดจักรยานสองล้อ สามารถขอจักรยานสามล้อได้นะครับ


ต่อไปมาชมที่นั่งเล่นบริเวณ lobby ซึ่งอยู่ติดชายหาด ตอนเช็คอินจะเป็น villa check in ส่วนตอน check out จะมา check out ที่บริเวณนี้


อีกมุมหนึ่งของที่นั่งเล่นซึ่งเห็นวิวทะเลและห้องอาหารกลางน้ำอยู่ด้านหลัง


บรรยากาศที่ห้องอาหารกลางน้ำ เห็นวิวทะเลที่สวยงาม ห้องอาหารนี้จะบริการอาหารบุฟเฟต์มื้อกลางวัน และบริการอาหารมื้อเย็น


บรรยากาศโรแมนติกอีกมุมหนึ่งของห้องอาหารกลางน้ำช่วงมื้อเย็น


ส่วนห้องอาหารหลัก Main Restaurant จะอยู่บนฝั่งใกล้ๆกับห้องอาหารกลางน้ำ อาหารเช้าจะต้องมาทานที่ห้องอาหารหลักนี้ครับ ภาพนี้เป็นอาหารมื้อเย็นที่ Main restaurant เป็นบุฟเฟต์ที่มีอาหารให้เลือกหลายอย่าง


ผมทานได้ไม่เยอะครับเพราะยังอิ่มจากมื้อเที่ยง จานนี้เป็นของหวานที่ร่อยมากๆ


หลังจากทานอิ่มก็กลับไปนอนเล่นดูดาวรับลมทะเล ที่ระเบียงห้องพัก ภาพนี้เป็นภาพที่ถ่ายตอนเช้าจากชั้นสองของห้องพัก


เงาต้นมะพร้าวบนหาดทรายขาวกับทะเลและท้องฟ้าสีสันสดใส เป็นบรรยากาศที่น่าพักผ่อน อยากอยู่ที่นี่ซักอาทิตย์


เห็นความสวยงามของรีสอร์ทและบริเวณโดยรอบไปแล้ว ต่อไปมาดูหน้าตาอาหารเที่ยงที่น่าทานบ้างครับ เริ่มจากพิซซาชิ้นนี้


อาหารเที่ยงของที่นี่จะเป็นบุฟเฟต์ที่ห้องอาหารกลางน้ำ โดยแต่ละวันจะมีเมนูพิเศษสามารถสั่งพ่อครัวให้ปรุงร้อนๆได้เลย จานนี้เป็นเมนูพิเศษประจำวัน เป็นแซนวิชกุ้ง ทานร้อนๆอร่อยมากครับ


หน้าตาผลไม้และของหวานที่น่าทาน


เมนูนี้อยู่ในไลน์บุฟเฟต์ เป็นเมนูปลาที่อร่อยมากครับ


ชามนี้คล้ายๆต้มข่าทะเล ถึงแม้จะรสไม่จัดเข้มข้นเหมือนต้มข่าบ้านเราแต่รสชาติดีทีเดียว สรุปแล้วอาหารที่นี่อร่อยและน่าทาน


แถมด้วยเบอเกอร์อีกภาพ


ก่อนจะไปชมโลกใต้น้ำ มาชมบรรยากาศช่วงน้ำขึ้น มีที่นั่งเล่นนอนเล่นหลายๆแห่งในห้องพักจนเลือกไม่ถูก


ห้องพักไกลๆที่เห็นคือห้องพักที่ Jetty2 ซึ่งอยู่ห่างไปพอสมควร ทำให้ห้องพักที่นี่มีความเป็นส่วนตัว ไม่แออัด เห็นน้ำใสๆอย่างนี้ได้เวลาลงไปเล่นน้ำดูปะการังและปลาสวยๆแล้วครับ


ภาพใต้น้ำทั้งหมดนี้ถ่ายจากบริเวณใกล้ๆห้องพัก ไม่ต้องว่ายไปไหนไกล พอลงไปก็เจอปะการังและปลาสวยๆอย่างนี้เลย


ปลาบางตัวเป็นกันเองมากครับ มาทักทายถึงหน้ากล้อง ที่นี่ปลาเยอะมาก ผมเลยใช้เวลาส่วนใหญ่ช่วงน้ำขึ้นอยู่แต่ในทะเล


ปลาปักเป้าตัวน้อย นอกจากปลาเยอะแล้วยังมีปลาหลากหลาย ดำน้ำเพลินๆไม่มีเบื่อ


ตอนที่ผมไปไม่ได้เห็นปะการังอ่อนและเจ้านีโม่ แต่ก็เจอเพื่อนๆของเจ้านีโม่หลายตัว


ชอบปลาตัวนี้มากครับ ธรรมชาติช่างแต่งแต้มสีสัน บางทีได้เจอตัวโตๆ สวยงามมาก


ฝูงปลาสวยๆกับปะการัง ถึงแม้จะเป็นช่วงน้ำขึ้น แต่น้ำจะไม่ลึกมากครับ ผู้ใหญ่ยืนได้สบาย


ปลาสวยงามกลุ่มนี้สวยมากๆ คุ้มค่ากับการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกล


ปลาสวยๆที่พบได้ทั่วไป เสียดายที่ปะการังที่นี่ไม่หลากหลายมากนัก ส่วนมากเป็นปะการังเขากวาง


มีปลาหลากหลายชนิด ตอนที่ดำน้ำได้เจอลูกฉลามหูดำด้วยครับ จับภาพมาไม่ชัด แต่ก็ไม่ได้น่ากลัว


ยังมีหญ้าทะเลสีเขียว คงเป็นระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ทีเดียว


เวลาไปที่นี่อย่าลืมพาครีมกันแดดไปด้วยนะครับ ที่แม้ส่วนใหญ่ฟ้าจะครึ้มช่วงที่ผมไป แต่พอช่วงแดดออกแดดแรงพอสมควรทีเดียว จะได้ดำน้ำได้นานๆ


เวลาได้ชมโลกใต้ทะเลทีไร เหมือนลืมและทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง เพลินกับไปสิ่งที่ได้พบใต้น้ำ


ภาพนี้จะเห็นได้ว่าน้ำไม่ลึกมาก และที่ทำให้ไม่ต้องกังวลกับการดำน้ำคือที่นี่ไม่มีหอยเม่นครับ


ปลาสวยๆอีกซักภาพ ทางรีสอร์ทจะมีอุปกรณ์ดำน้ำให้ครับ แต่ผมเตรียมมาเอง เพราะสายตาสั้น เลยเอาแว่นตาว่ายน้ำที่เป็นว่ายสายตาและหาซื้อเฉพาะท่อหายใจมาคล้องกับแว่นว่ายน้ำ ใช้ได้ดีทีเดียว


ผมแนะนำว่าถ้าไปที่นี่ลองหาขนมที่ให้พลังงานติดกระเป๋าไปซักหน่อยนะครับ เวลาอยู่ในน้ำจะใช้พลังงานค่อนข้างเยอะ เวลาเหนื่อยไปทานขนมซักหน่อยและค่อยมาลงทะเลต่อ จะได้มีเวลาชมโลกใต้น้ำนานๆ


บางทีอยู่ในทะเลเพลินเป็นชั่วโมง รู้ตัวอีกทีก็ตอนหิว บางทีดำน้ำอยู่เพลินๆก็ฝนตก แต่ดำน้ำกลางฝนก็สนุกไปอีกแบบ


ปลาลายขาวดำเป็นปลาที่เจอเยอะที่สุด ตอนดำน้ำผมเรียกในใจว่าปลาม้าลาย


เสาที่เห็นในภาพคือเสาของทางเดินที่ jetty ครับ จะเห็นได้ว่าปะการังและปลาสวยๆอยู่ใกล้กับห้องพักมากๆ


อยู่ในน้ำดูปลาดูปะการังได้เรื่อยๆ บางทีก็เจอปลาแปลกๆตัวใหญ่ แต่ก็อยู่ไกลๆ จับภาพมาไม่ทัน


มีปลาสวยงามเยอะจริงๆ โลกใต้น้ำที่นี่คือสิ่งสำคัญที่ทำให้ทริปนี้ของผมเป็นทริปที่ประทับใจมากๆครับ


มีปลาหน้าตาแปลกๆให้ชมเรื่อยๆ วันแรกที่ผมไปน้ำไม่ใสมาก เพราะคลื่นด้านนอกแรงและลมแรง โชคดีที่วันต่อมาน้ำใสขึ้น พนักงานบอกว่าถ้าไม่ใช่หน้ามรสุมจะใสกว่านี้


ภาพนี้ให้เห็นว่าปะการังใต้น้ำอยู่ใกล้ๆกับห้องพัก ไม่ต้องว่ายน้ำหรือนั่งเรือไปไหนไกล แค่ลงน้ำหน้าห้องพักก็ได้ชมโลกใต้น้ำสวยๆ


เจ้าตัวสีน้ำเงินก็เป็นเพื่อนกับเจ้านีโม่ สีน้ำเงินสดใสตัดกับสีปะการังอย่างสวยงาม


สิ่งที่ผมประทับใจนอกเหนือจากโลกใต้น้ำที่สวยงามคือความรู้สึกที่ได้ดำน้ำอยู่หน้าบ้าน ดำน้ำเหนื่อยๆก็ขึ้นไปพักผ่อน แช่น้ำในอ่าง เข้าไปตากแอร์ เล่นอินเตอร์เน็ต พอหายเหนื่อยก็มาดำน้ำต่อ คงไม่บ่อยนักที่สามารถทำได้อย่างนี้


ปลาสวยๆที่มีให้ชมทั่วไป เห็นภาพแล้วก็ยังอยากกลับไปอีก


ทางรีสอร์ทจะมีโปรแกรมในแต่สัปดาห์ไปดำผิวน้ำข้างนอกโดยมีค่าใช้จ่าย เสียดายที่ยังไม่ได้ไป เพราะอากาศไม่ดี น่าจะเห็นอะไรสวยๆอีกเยอะ แต่แค่ดำน้ำอยู่หน้าห้องพักที่ประทับใจมากแล้วครับ


การถ่ายภาพใต้น้ำยากกว่าบนบกนิดหน่อยครับ เพราะว่ามองจอ LCD ใต้น้ำไม่ค่อยชัด ต้องพยายามเล็งและมองจอให้ดีๆ


ผมปิดท้ายภาพใต้น้ำด้วยภาพนี้ครับ ประทับใจกับความสวยงามของโลกใต้น้ำและความใกล้ที่อยู่หน้าห้องพัก ไม่ต้องออกไปไหนไกล


ดำน้ำแล้วก็มานั่งเล่นนอนเล่นที่ตาข่ายหน้าห้อง เปิดเพลงฟัง มีความสุขมากๆ


ช่วงสุดท้ายของรีวิว เก็บตกบรรยากาศริมชายหาดวันฟ้าใส ห้องพักที่เห็นเป็นห้องพักที่ Jetty 3 ซึ่งอยู่ในทะเลที่สีน้ำทะเลสวยมากครับ


ผมยังนึกบรรยากาศของเช้าวันนั้นที่มีแดดอ่อนๆ ฟ้าใสๆมาจนถึงทุกวันนี้


ที่นอนเล่น หาดทรายขาว ฟ้าใส น้ำทะเลสวย นี่คือสวรรค์ของคนรักทะเลจริงๆ


ผมชอบรูปทรงของต้นมะพร้าวริมชายหาดตรงนั้นเป็นพิเศษ เข้ากับบรรยากาศทะเล


ทางไปท่าเรือของรีสอร์ท พอถึงเวลากลับไม่อยากจะกลับเลยครับ อยากอยู่ต่อซักอาทิตย์


เที่ยวบินของบางกอกแอร์เวย์ออกจากมาเล่ตอนสี่ทุ่มกว่า วันนั้นเลยได้ใช้ห้องได้เต็มที่ check out จากห้องพักประมาณ สองทุ่ม มาขึ้นเรือที่ท่าเรือนี้


ภาพนี้เป็นเล้าจ์ที่สนามบินมาเล่สำหรับตั๋วชั้นธุรกิจ ที่นี่ไม่มีเล้าจ์ของบางกอกแอร์เวย์ครับ สำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจสามารถเข้ามาใช้เล้าจ์นี้ที่อยู่หลัง Duty free ชื่อ Finifenmaa Lounge มีอาหาร เครื่องดื่ม กาแฟ คอมพิวเตอร์


ผมปิดท้ายทริปมัลดีฟด้วยภาพจากปกภาพนี้ครับ โลกใต้น้ำที่สวยงามของ Soneva Gili Maldives ที่อยู่ใกล้เพียงหน้าห้องพัก


การมาเยือนเกาะมัลดีฟและ Soneva Gili ของผมในครั้งนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ท่องเที่ยวที่สำคัญและน่าจดจำอีกครั้งหนึ่ง ทั้งบรรยากาศของทะเลที่มีหาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใส และห้องพักที่ถูกออกแบบอย่างดี กว้างขวาง สะดวกสบาย ที่สำคัญคือห้องพักอยู่ในทะเลที่มีปะการังและปลาสวยงามโดยสามารถดำผิวน้ำจากบริเวณห้องพักได้เลย คงมีโอกาสไม่บ่อยครั้งนัก ที่สามารถดำผิวน้ำดูปลาสวยๆในน้ำใสๆ แล้วสามารถขึ้นมาพักผ่อนในห้องพัก ตากแอร์ ฟังเพลง เล่นอินเตอร์เน็ต แล้วก็กลับไปดำน้ำดูความสวยงามใต้ทะเลต่อในบรรยากาศที่สงบและส่วนตัว เป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับผมที่คงประทับใจไปอีกนาน นอกจากนี้รีสอร์ทยังคงใส่ใจในเรื่องรักษาสภาพแวดล้อมเหมือนรีสอร์ทอื่นๆในเครือ six senses

ในส่วนของอาหาร ทางรีสอร์ทมีห้องอาหารที่บรรยากาศดี อาหารรสชาติดีและการบริการที่ดี รวมถึงการบริการจากส่วนของสปา ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทริปนี้ของผมเป็นทริปที่อยู่ในความทรงจำอีกทริปหนึ่ง ลองมาดูสรุปจุดเด่นจุดด้อยที่มีต่อ Soneva Gili ในมุมองของผม

จุดเด่น
- ห้องพักได้รับการออกแบบอย่างดี กว้างสบาย มีหลายๆมุมในห้องให้เลือกพักผ่อน
- ห้องพักอยู่กลางทะเลที่น้ำใส ให้ความรู้สึกที่ใกล้ชิดทะเล มีความสงบและเป็นส่วนตัว
- สามารถดำผิวน้ำดูปะการัง และปลาสวยๆที่หน้าห้องพักได้เลย น้ำไม่ลึกและไม่มีหอยเม่น
- หาดทรายบริเวณรีสอร์ทขาวสะอาด น่าเดินเล่น น้ำทะเลสีสวย สามารถเดินเท้าเปล่าได้ทั่วทั้งรีสอร์ท
- ห้องอาหารบรรยากาศดีทั้งที่ Sense by the sea ห้องอาหารกลางน้ำ และห้องอาหารหลัก อาหารรสชาติดี
- พนักงานทุกๆคนมีใจบริการที่ดีมาก ให้บริการช่วยหลือด้วยความเต็มใจ (แต่รอยยิ้มสู้พนักงานของบ้านเรายังไม่ได้ครับ)
- สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกในบริเวณรีสอร์ท มีมุมให้ถ่ายภาพเยอะครับ
- อาหารเช้ามีหลากหลายทั้งในไลน์บุฟเฟต์และอาหารที่สั่งจากเมนูซึ่งสั่งได้ไม่จำกัด
- มีจักรยานให้กับแขกทุกคนเพื่อใช้เดินทางในรีสอร์ท สามารถปั่นชมวิวที่ jetty ต่างๆ
- สปากลางน้ำของรีสอร์ทบรรยากาศดี พนักงานนวดได้ดีมากตามมาตรฐานของ six senses
- รีสอร์ทอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน ไม่ต้องค้างที่ male ตอนเช็คเอาท์ เครื่องออกตอนสี่ทุ่มกว่า สามารถ late check out โดยไม่ต้องขอ ออกจากห้องพักตอนประมาณสองทุ่ม

จุดด้อย
- เป็นการเดินทางที่ไกลจากเมืองไทย ใช้เวลานั่งเครื่องประมาณ 4 ชั่วโมงสำหรับเที่ยวบินตรง
- ถ้าไปช่วงมรสุม อากาศเปลี่ยนเร็วมากทั้งฝนและแดด อาจจะเจอลมแรงและคลื่นแรง ช่วงดำน้ำน้ำอาจจะไม่ใสมากครับ

ช่วงที่ลมแรงๆ ผมปั่นจักรยานไปถ่ายภาพที่ท่าเรือ ช่วงที่จอดจักรยานแล้วเดินไปถ่ายภาพ ปรากฎหันมาอีกทีเจ้าจักรยานถูกลมพัดตกลงไปในทะเล โชคดีที่ไม่มีปะการังอยู่แถวๆนั้น

จากความสุข ความประทับใจและประสบการณ์ใหม่ในวันพักผ่อนของผม ผมต้องขอขอบคุณ คุณ Jacco (Resort manager) คุณส้ม (Spa manager) ที่ต้อนรับด้วยความอบอุ่นเป็นกันเอง คุณ Rasheed (Mr.Friday) คุณ Ibrahim คุณ Farah (พนักงานที่ห้องอาหาร) และพนักงานทุกๆคนในทุกๆส่วนที่ให้บริการเป็นอย่างดีตั้งแต่วันไปจนถึงวันกลับ ขอบคุณ คุณนิวัฒน์คนไทยที่เจอที่รีสอร์ทที่เป็นเพื่อนทานอาหารเช้าทุกวัน มีโอกาสคงได้กลับไปที่นี่อีก ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นและกำลังใจจากลูกค้านิตยสาร online ที่มีให้กันเสมอมา ฉบับหน้าเป็นฉบับพิเศษครับ ผมจะพาไปเที่ยวและชมบรรยากาศที่ทำงานของผมที่โคราชในโอกาสครบ 20 ปี ของการก่อตั้ง ติดตามชมนะครับ
Create Date :05 กรกฎาคม 2553 Last Update :3 มิถุนายน 2560 10:27:19 น. Counter : Pageviews. Comments :159