bloggang.com mainmenu search
ติดตามความเคลื่อนไหวของนิตยสารที่ //www.facebook.com/resortreview  

 ผมเริ่มต้นทริปเดินทางของปี 57 ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ผืนน้ำอันกว้างใหญ่ ทิวเขาที่สลับซับซ้อน ทำให้เขื่อนเชี่ยวหลานในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยมากที่สุดแห่งหนึ่งที่ผมเคยไปมา

จากที่ได้รับคำเชิญจากคุณเบิ้ล เจ้าของ แพ 500 ไร่ในเขื่อนเชี่ยวหลานเมื่อปีก่อน และได้ยินกิตติศัพย์ความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ ทำให้ผมตอบรับการเดินทางเข้าไปพักผ่อนที่ แพ 500 ไร่เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกครับที่ผมจะได้นอนบนแพกลางน้ำท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม ที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต มีเพียงธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ผืนน้ำ ผืนฟ้า กับวิวภูเขาสวยๆ ซึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้ช่วงเวลาสามวันสองคืนที่ผมอยู่ที่นี่ ได้รับความประทับใจกลับไปมากมาย

แพ 500 ไร่ เป็นแพห้องพักที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ที่อยู่ไกลที่สุดจากท่าเรือ แต่ใกล้กับต้นน้ำเขื่อนเชี่ยวหลานที่คลองแสง  แพแห่งนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม การเดินทางมาพักผ่อนที่นี่ก็ทำได้สะดวกสบาย สามารถจอง package ห้องพักที่รวมการเดินทางจากสนามบิน การเดินทางทางเรือ ห้องพัก และอาหารทุกมื้อ รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวไปชมความสวยงามตามจุดสำคัญต่างๆภายในเขื่อน ห้องพักภายในแพถูกออกแบบให้เรียบง่าย สะดวกสบาย เห็นวิวสวยๆทุกหลัง ส่วนจุดด้อยของห้องพักที่นี่คงเป็นที่ห้องพักจะอยู่ติดๆกัน อาจจะไม่ส่วนตัวมากนัก และถ้าเป็นหน้าร้อน อากาศในห้องพักคงจะร้อนอยู่เหมือนกันเพราะบางห้องจะไม่มีแอร์ ห้องที่มีแอร์ก็จะเปิดได้เป็นบางเวลา

ลองมาชมบรรยากาศความสวยงามภายในเขื่อนเชี่ยวหลานที่ผมยกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเมืองไทยอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด ชมบรรยากาศภายในแพ 500 ไร่ ในนิตยสาร online ชานไม้ชายเขา ฉบับที่ 124 ของเดือนกุมภาพันธ์




แพ 500 ไร่ เป็นแพใหม่ที่ถูกสร้างมาไม่นาน บรรยากาศดี



เป็นแพที่ถูกออกแบบให้ทางเดินอยู่หลังห้อง ส่วนด้านหน้าห้องพักเป็นที่นั่งเล่นชมวิวและมีเรือคายักให้ทุกหลัง



วิวสวยๆของอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่อยู่ด้านหน้าห้องพัก



มาย้อนรอยการเดินทางของผมตั้งแต่แรกเลยครับ นี่คือจุดเริ่มต้นการเดินทางไปสู่ดินแดนที่ได้ชื่อว่า "กุ้ยหลินเมืองไทย" เริ่มจาก สนามบินนานาชาติสุราษฎร์ธานี



พอลงเครื่องที่สนามบินจะมีรถตู้มารับ แขกที่ซื้อ package ของรีสอร์ทจะนั่งรถตู้ไปด้วยกัน โดยไปแวะพักที่บริษัททัวร์แป๊บนึงครับ ก่อนเดินทางไปยังเขื่อนรัชชประภา หรือที่เรียกติดปากว่าเขื่อนเชี่ยวหลาน



ทางทัวร์จะแวะที่นี่ให้ถ่ายภาพ ชมความงามบริเวณสันเขื่อน



บรรยากาศดีมากๆครับ ตอนนั้นก็รู้สึกตื่นเต้น อีกไม่นานจะได้ชมความงามของเขื่อนเชี่ยวหลานที่ได้ยินชื่อมานาน



พอถ่ายรูปซักพักก็เดินทางต่ออีกนิดเดียวมายังท่าเรือ เพื่อเดินทางไปยังที่พักบนแพ



เป็นการเดินทางโดยเรือหางยาว  ชมวิวสวยๆระหว่างทาง



จุดเด่นของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้คือ ภูเขากลางน้ำที่มีจำนวนมาก และมีรูปร่าง สีสันสวยงาม 



เป็นการเดินทางที่ชมวิวได้เพลินมากๆครับ



วิวของที่นี่สวยจริงๆ อ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนก็กว้าง เหมือนล่องเรือกลางทะเล



แล้วก็มาถึงจุดไฮไลท์จุดหนึ่งที่เรียกว่า เขาสามเกลอ



เป็นยอดเขาเล็กๆสามยอดที่โผล่มาเหนือน้ำ



หลังจากนั่งเรือเพลินๆมาชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงที่พักครับ แพ 500 ไร่



เป็นแพที่เงียบสงบ ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม



ห้องพักที่มีทั้งหมด 11 หลัง จำนวน 16 ห้อง สามารถเข้าพักได้ห้องละ 4 ท่าน



บรรยากาศหน้าห้องพักแต่ละหลังที่เห็นวิวสวยๆ



ห้องพักของที่นี่มีสามประเภทครับ คือห้อง Deluxe เป็นวิลลาหลังใหญ่ซึ่งถูกแบ่งเป็นห้อง Deluxe สองห้องติดกัน



ห้องพักแบบ Villa เป็นวิลลาเดี่ยวหลังเล็ก และห้องพักแบบ Family คือห้อง Deluxe สองห้องที่เชื่อมต่อกันได้ครับ



บริเวณห้องอาหารมีสะพานเล็กๆ ไว้ดูปลาสวยๆในธรรมชาติ



ท่าเทียบเรือของรีสอร์ทจะอยู่ติดกับห้องอาหาร



บริเวณห้องอาหารยังมีลานชมวิว



ไม่ว่ามองไปมุมไหนก็เห็นวิวสวยๆของภูเขาและอ่างเก็บน้ำ



ที่หน้าห้องพักทุกห้องจะมีเรือคายัก ไว้ให้พายเล่น ชมวิวธรรมชาติ



ต่อไปผมจะพาไปชมในห้องพักบ้างครับ ห้องนี้เป็นห้องพักแบบ Villa หมายเลข 5



ภายในห้องไม่กว้างมากนัก ถูกออกแบบให้เรียบง่าย



มีห้องน้ำในตัว ห้องประเภทวิลลาจะมีแอร์ให้ด้วยครับ แต่สามารถใช้ได้บางเวลา



จุดเด่นที่สำคัญของห้องพักที่นี่ คือวิวจากห้องพักครับ



เห็นวิวสวยมากๆ



ห้องพักทุกห้องจะมีชั้นลอยด้วยครับ มุมมองจากชั้นลอย



บนชั้นลอยจะมีที่นอนเล็ก นอนได้สองท่าน รวมแล้ววิลลาแต่ละห้องสามารถพักได้ 4 ท่าน ชั้นลอยนี้ช่วงกลางวันจะร้อนครับ ขึ้นมาได้เฉพาะตอนกลางคืน



วิวจากด้านหน้าห้องพักที่เห็นพระจันทร์ที่สวยงาม



ทางเดินที่อยู่ด้านหลัง ทริปนี้ได้เห็นทั้ง พระจันทร์ ดวงดาว และพระอาทิตย์เลยครับ



บรรยากาศที่ห้องพักกลางแสงจันทร์ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม ใครมาพักที่นี่ผมแนะนำห้องแบบ Villa ครับ จ่ายเพิ่มกว่าห้อง Deluxe ไม่เยอะ แต่ห้องเป็นส่วนตัวกว่า อยู่ห่างจากห้องอาหารมากกว่า



บรรยากาศวิลลาข้างๆ



รอให้เช้าก่อน จะไปพายคายักทุกวันเลย



มาชมบรรยากาศที่ห้องอาหารบ้างครับ



ห้องอาหารบรรยากาศดี เห็นวิวสวยๆโดยรอบ



การตกแต่งใช้วัสดุง่ายๆ ไม่หรูหราแต่อยู่สบาย



คงเป็นเพราะจุดเด่นจริงๆของห้องอาหารที่นี่คือวิวสวยๆข้างนอก



สามารถนั่งทานอาหารไปชมวิวไป



อาหารมื้อเย็นวันแรกของผมครับ ปลาทับทิมนึ่งมะนาว



จานนี้เป็นทอดมันปลากราย ที่จริงมีอีกหลายอย่างครับ ทั้งใบเหมียงผัดไข่ แกงจืดกระดูกหมู อิ่มอร่อยมากๆ เสียดายที่มื้ออื่นเป็นบุฟเฟต์ ไม่หลากหลายเหมือนมื้อแรก



อิ่มแล้วก็มานั่งย่อยนับดาวกันที่ระเบียงห้อง



ก่อนที่จะหลับไปด้วยความเพลีย ช่วงที่ผมไปเดือนมกราคม อากาศเย็นกำลังดีครับ ไม่ต้องเปิดแอร์ ผมเปิดหน้าต่างทุกบานเพราะไม่มียุงซึ่งแปลกมากๆครับ สถานที่ในป่าอย่างนี้ยุงน่าจะเยอะ ตื่นมาตอนเช้าเจอบรรยากาศอย่างนี้ เด้งลงมาจากเตียงเลยครับ



บรรยากาศหน้าห้องพักช่วงเช้าๆ



เห็นวิวสวยๆ หมอกบางๆยามเช้าจากภายในห้องนอน



มองไปทางไหนก็สงบ น่าพักผ่อน น่าไปหลบความวุ่นวายซักพัก



เช้านี้มีนัดกับทางรีสอร์ทจะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและชมวิถีชีวิตสัตว์ป่า ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมของแพที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มครับ



ลานชมวิวบริเวณห้องอาหารตอนเช้า บรรยากาศดี



ได้เวลาออกไปตามล่าหาพระอาทิตย์กัน



รออยู่ไม่นาน  เริ่มจะเห็นพระอาทิตย์



ละแล้วก็เป็นเช้าที่โชคดีครับ ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยมากๆ



บรรยากาศยามเช้า หมอกบางๆ แสงแดดอ่อนๆ เป็นสิ่งที่เติมพลังให้กับชีวิตได้เป็นอย่างดี



ความสุขของสมาชิกที่ร่วมเดินทางของเช้าวันนั้น เป็นครอบครัวที่น่ารักมากๆ



บรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นของเช้าวันนั้นท่ามกลางสายหมอกบางๆและธรรมชาติที่งดงามคงเป็นภาพที่จำติดตาไปอีกนาน 



จากนั้นไกด์ก็พาไปชมความสวยงามของอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนกันต่อ



มีโอกาสได้เห็นสัตว์ป่าหลายชนิดครับเช่น ชะนี นกเงือก และเจ้าเหยี่ยวตัวนี้ บางช่วงของปีจะมีโอกาสได้เห็นกระทิงด้วยครับ



กลับมาที่แพเพื่อรับประทานอาหารเช้า เป็นข้าวต้มหมูร้อนๆ



จากนั้นมาพักผ่อนภายในวิลลา เตรียมตัวเล่นน้ำ พายเรือ



บรรยากาศที่หน้าห้องพักช่วงเช้าๆ หลายๆคนคงลืมชีวิตในเมืองกันไปเลย



จากนั้นทางรีสอร์ทได้จัด Private boat trip ไปชมความสวยงามของเขื่อนเชี่ยวหลาน



วันที่ผมไปอากาศดีมากๆครับ เหมือนล่องเรือไปกลางทะเลที่ไม่ค่อยมีคลื่น และเป็นทะเลน้ำจืด



วิวของที่นี่สวยมากๆครับ บางครั้งกล้องก็ไม่สามารถเก็บความงามของที่นี่มาได้ทั้งหมดต้องลองไปสัมผัสเองซักครั้ง



ความสวยงามของเขื่อนเชี่ยวหลานแต่ละฤดูก็จะไม่เหมือนกัน  ไว้จะหาโอกาสมาเที่ยวช่วงฤดูอื่นๆดูบ้าง



ได้พงษ์เป็นสารถีขับเรือไปชมความงามของกุ้ยหลินเมืองไทย บริการดีมากๆ



ได้เห็นภูเขาสวยๆ เห็นธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์ สดชื่นมากๆครับ



บางจุดที่พงษ์พาไปสวยงามมากครับ เห็นภาพแล้วก็ยังอยากกลับไปอีก



ใครที่ชื่นชอบธรรมชาติ คงจะถูกใจกับที่นี่



ผมข้ามพาไปชมช่วงล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกเลยครับ



เมื่อเช้าได้เห็นพระอาทิตย์ขึนสวยๆไปแล้ว ตอนเย็นยังโชคดี เห็นพระอาทิตย์ตกที่สวยไม่แพ้กัน



แขกที่เข้าพักสามารถซื้อทัวร์ล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกและชมวิถีชีวิตสัตว์ป่าได้นะครับ



เย็นวันนั้น เป็นวันที่พระอาทิตย์ตกสวยที่สุดวันหนึ่งเลยทีเดียว



จากประสบการณ์ท่องเที่ยวของผมที่มักจะรอถ่ายภาพช่วงพระอาทิตย์ตก เย็นวันนั้นถือว่าโชคดีมากๆ



พระอาทิตย์ดวงกลมๆ กับบรรยากาศในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน เกินคำบรรยายจริงๆ



อีกซักภาพครับกับบรรยากาศที่ผมอยากหยุดเวลาที่ตรงนั้น มีโอกาสลองมาล่องเรือชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดูนะครับ



พระอาทิตย์ลับฟ้าไปแล้ว มาชมพระจันทร์กันต่อเลยครับ



บรรยากาศหน้าห้องพักกับพระจันทร์สะท้อนผิวน้ำ โรแมนติกมากๆ



บรรยากาศที่แพในคืนที่ดาวเต็มฟ้า โชคดีมากๆครับช่วงที่ผมไปได้เห็นทั้งพระอาทิตย์สวยๆ พระจันทร์งามๆ และทะเลดาวเต็มฟ้า



ใครที่ชอบถ่ายภาพ คงจะถูกใจกับที่นี่ มีมุมให้ถ่ายภาพเยอะทีเดียวครับ



บรรยากาศยามเช้า วันนี้ต้องเตรียมตัวเดินทางกลับแล้วครับ



ท่าเรือบริเวณห้องอาหารตอนเช้าๆ 



ก่อนกลับขอไปพายเรือคายักรอบๆแพอีกซักครั้ง 



ใครได้มาพักที่นี่ ลองไปพายเรือเล่นตอนเช้าๆดูนะครับ บรรยากาศดีมากๆ



น้ำในเขื่อนจะไม่ค่อยมีคลื่นเหมือนในทะเล พายเรือง่าย ยิ่งช่วงเช้าๆน้ำจะนิ่งเป็นพิเศษ ได้ชมธรรมชาติตอนเช้าๆ สดชื่นมากๆครับ



บรรยากาศของแพ 500 ไร่ ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ



แสงสวยๆยามเช้าบริเวณที่แพ



พายเรือเล่นรอจังหวะนี้อยู่นานเลยครับ กว่าจะได้ภาพนี้



ได้เวลาเก็บกระเป๋า เดินทางกลับสู่โลกความเป็นจริง



แล้วจะหาเวลามาเที่ยวอีกครับเขื่อนเชี่ยวหลาน ครั้งหน้าจะชวนเพื่อนมาเยอะๆ ครั้งนี้มาคนเดียว เหงาไปนิด



ที่นี่เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนแบบครอบครัว สังสรรค์กับเพื่อนฝูง หรือจะมาโรแมนติกกับคู่รักในบรรยากาศที่ใกล้ชิดธรรมชาติแบบสุดๆ



ปิดท้ายด้วยภาพจากปก สำหรับทริปนี้เป็นการพักบนแพกลางน้ำครั้งแรกของผมที่ประทับใจมากๆครับ 


ประทับใจมากครับกับการได้มาเยือนดินแดนที่ได้ชื่อว่า "กุ้ยหลินเมืองไทย" ที่เหมือนกับการได้มาเที่ยวทะเลน้ำจืด ไม่เหนียวตัว อีกทั้งยังได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ทิวเขาสลับซับซ้อน ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ในส่วนของแพ 500 ไร่ที่ผมได้ไปพัก ก็สะดวกสบาย สงบและ บรรยากาศดี การเข้าพักที่นี่สามารถซื้อ package ที่รวมการเดินทางเด้วยรถตั้งแต่สนามบิน การเดินทางด้วยเรือ ค่าห้องพัก อาหารทุกมื้อและกิจกรรม โดยอาหารบนแพเท่าที่ผมสังเกตุ ถ้าช่วงแขกเยอะๆจะเป็นอาหารบุฟเฟต์ครับ แต่ถ้าแขกไม่เยอะ ทางรีสอร์ทจะจัดอาหารเป็นชุดที่โต๊ะไว้ให้  ส่วนตัวผมจะชอบอาหารชุดที่ทางรีสอร์ทจัดให้มากกว่า ส่วนกิจกรรมมีหลายอย่างให้เลือก เช่น เที่ยวถ้ำปะการัง เดินป่าไปจุดชมวิว ซึ่งสามารถซื้อเพิ่มเติมได้ครับ  ลองมาดูสรุปจุดเด่นจุดด้อยของที่นี่ในมุมมองของผม

จุดเด่น
- ห้องพักอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม เงียบสงบ
- ภายในรีสอร์ทมีการบำบัดของเสีย และรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี
- การเดินทางมายังรีสอร์ท ผ่านธรรมชาติที่สวยงามของเขื่อนเชี่ยวหลาน
- มีกิจกรรมหลายอย่างให้เลือกทำเช่นล่องเรือชมความงามของเขื่อน ชมชีวิตสัตว์ป่า เที่ยวถ้ำ บางกิจกรรมออกจะลุยนิดๆครับ เหมาะกับคนที่ร่างกายแข็งแรง
- พนักงานให้การดูแลเป็นอย่างดี

จุดด้อย
- ห้องพักของที่นี่บางห้องไม่มีแอร์ อาจจะร้อนช่วงหน้าร้อน (สำหรับห้องที่มีแอร์ จะมีการกำหนดเวลาปิดเปิดแอร์)
- ห้องพักบนแพจะอยู่ใกล้ๆกัน ทำให้ไม่ส่วนตัวมากนัก

ห้องพักของที่นี่อาจจะไม่ดูหรูหรา แต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานเท่าที่จำเป็นและเพียงพอสำหรับวันพักผ่อนเรียบง่ายสบายๆ   ที่สำคัญคือการได้ใกล้ชิดธรรมชาติแบบสุดๆ ตื่นขึ้นมาเห็นวิวสวยๆ เห็นนกเงือกบินไปมา เป็นสิ่งที่หาได้ยากจากชีวิตในเมือง มีโอกาสคงได้กลับไปอีก ขอบคุณคุณคุณเบิ้ล พนักงานของแพ  500 ไร่ทุกๆคนที่ดูแลให้การบริการเป็นอย่างดี ไว้พบกันใหม่ในนิตยสารฉบับหน้านะครับ
Create Date :25 กุมภาพันธ์ 2557 Last Update :27 กุมภาพันธ์ 2557 9:53:26 น. Counter : 190217 Pageviews. Comments :55