bloggang.com mainmenu search

                 ที่สุดของวิตามินเหนือระดับ ในบรรดาสารต้านอนุมูลอิสระทั้งหลายในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็น Q10,glutathione ,grape seed,ester-c,vitamin e ,beta-carotene,selenium,astaxanthin ฯลฯ ไม่อาจเทียบได้กับ pycnogenol ซึ่งถือกำเนิดเกิดมา ตั้งแต่ ค.ศ 1947 โดย Dr.Jacques Masquelier นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ผู้ปรีชาสามารถ โดยค้นพบ OPC จากการสกัดเปลือกถั่วลิสง โดยบังเอิญ จากนั้นจึงต่อยอดพัฒนาและจดสิทธิบัตรกระบวนการสกัด OPC ( Oligomeric Proanthocyanidins ) จากเปลือกสนทะเลฝรั่งเศส ( frence maritime pine bark ) มีชื่อทางการค้า คือ pycnogenol
โดยสามารถสกัดได้ทั้งจากเปลือกสนฝรั่งเศสและเมล็ดองุ่นแดง ความเข้มข้นของ OPC โดยทั่วไป
ที่รู้จักกันมากที่สุดคือ 95% จะพบได้ในเมล็ดองุ่น และรองลงมา 80-85% ในเปลือกสนทะเลฝรั่งเศส


                 Dr.Jacques Masquelier ได้เคยกล่าวไว้ว่า " กระบวนการสกัดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้า flavonoid ไม่ได้รับการสกัดอย่างถูกต้อง มันจะมีความเป็นไปได้สูงที่สารต้านอนุมูลอิสระจะกลายเป็นอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย " บรื้อส์ ทำไมท่านพูดได้น่ากลัวอย่างนี้ล่ะ

                 ในอดีต จะสกัดOPC ในเปลือกของสนทะเลฝรั่งเศส ได้แค่ 80-85% แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีชั้นสูง สามารถสกัดด้วยกรรมวิธีพิเศษ ผสมผสานเอกลักษณ์ของธรรมชาติในอัตราส่วนคงที่ ระหว่าง proanthocyanidins ,phenolic ,flavonoid และ organic acid โดยสกัด OPC จากเปลือกสนทะเลฝรั่งเศสได้มากถึง 90% แล้วนะคะ น่าสนใจมากๆตรงนี้แหละ สิทธิบัตรที่ใครๆก็อยากครอบครอง

                 มีประโยชน์อย่างไร
1.ปรับผิวพรรณให้เนียนนุ่ม ขาวใส จากคุณสมบัติเพิ่มกรดไฮยาลูโรนิกในชั้นผิวหนังมากขึ้น 44% ส่งผลให้นอกจากขาวใสแล้วยังลดเลือนริ้วรอยลึกได้อีกด้วย
2.ปรับสภาพผิวที่หมองคล้ำ กระ ฝ้า สีผิวไม่สม่ำเสมอจากการทำลายของแสง UV และความเสื่อมของวัย ได้ดีมาก จากคุณสมบัติปกป้องเซลล์จากความเสียหายจากรังสี UV
3.ลดความดันโลหิตสูง จากการเพิ่มประสิทธิภาพผลิตไนตริกออกไซด์ในผนังหลอดเลือดแดง เพื่อลดแรงดันและเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปยังอวัยวะต่างๆ ดังนั้นจึงช่วยลดความดันในหลอดเลือดแดง ทำให้หลอดเลือดคลายตัว ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น มีความยืดหยุ่นสมบูรณ์แบบ ลดโอกาสเกิดโรคความดันโลหิตสูง,ภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัวและโรคหัวใจ ตามทฤษฎี "โมเลกุลแห่งชีวิต ; ไนตริกออกไซด์ในหลอดเลือดหัวใจ"ของ Professer Louis Ligarro เภสัชกรชาวอเมริกัน เจ้าของรางวัลโนเบล ปี ค.ศ 1998 สาขาสรีระวิทยาหรือการแพทย์ นั่นเอง
4.ลดระดับน้ำตาลในเลือด
5.ปรับปรุงและสร้างสมดุลคุณภาพของสเปิร์ม
6.รักษาเส้นเลือดขอดและลดความเสี่ยงของหลอดเลือดดำอุดตัน
7.ป้องกันผลกระทบต่อร่างกายความเสียหายจากควันบุหรี่
8.ลดความเจ็บปวด (การบีบรัดตัวของมดลูก ) ระหว่างมีประจำเดือน
9.เพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของเส้นเลือด
10.ลดไขมันคอเลสเตอรอลและลดอุบัติการณ์โรคหลอดเลือดสมอง
11.ลดอาการวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบ เหงื่อออก
12.ลดอาการภูมิแพ้, หอบหืด,หูอื้อ
13. ปรับปรุงลานสายตาจากภาวะจอประสาทตาเสื่อม
14.บรรเทาอาการโรค ADHD ( Attention Deficit Hyperactivity Disorder ) หรือเรียกว่า สมาธิสั้น นั่นเอง ในต่างประเทศ เป็นที่นิยมมาก
15. บรรเทาความเครียดและเพิ่มพลังงานให้เซลล์ต่างๆในร่างกาย
16. ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ,โรคหลอดเลือดหัวใจ
17.เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์

                  การค้นคว้างานวิจัยของ pycnogenol มีมากกว่า 280 บทความและ 98 การทดลองทางคลีนิก ยืนยันถึงความปลอดภัยในการกิน pycnogenol ซึ่งละลายน้ำได้ และมีความโดดเด่นในเรื่องผิวพรรณ กล่าวคือ

                  pycnogenol ลดความเสียหายของอนุมูลอิสระที่คอยพรากความอ่อนเยาว์ของผิวพรรณ มีผลดีอย่างมากในการปกป้องคอลลาเจนและอีลาสตินจากการย่อยสลายของเอนไซม์โปรตีน ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจของนักวิทยาศาสตร์หลายคน ว่าทำไมการกิน pycnogenol สม่ำเสมอ จะสามารถย้อนอายุผิวได้มากถึง 10-15 ปี ดีกว่าการที่คนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน นิยมกินคอลลาเจนสกัดเป็นหลายพันมิลลิกรัม พอนานวันเข้า ร่างกายย่อยสลายไม่หมด จึงกลายเป็นผังผืดรัดที่ไต อันตรายเห็นๆ เพราะฉะนั้น การที่เราจะทดแทนและเสริมสร้างคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพจากวัยที่มากขึ้น ควรเลือกกิน Pycnogenol ®จะเป็นวิธีดูแลผิวพรรณและฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างปลอดภัยสูงสุด แถมยังสามารถป้องกันผลกระทบความเสียหายของแสงยูวีได้อีกด้วย

                 Pycnogenol ®ยังเกิดผลดีในผิวหมองคล้ำไม่สม่ำเสมอ ฝ้า กระ ลดลงอย่างชัดเจนภายใน 16 สัปดาห์

                 แป้งมองข้าม super anti- oxidant ตัวนี้ไปตั้งแต่คราวแรก เพราะเห็นว่ามี OPC มากที่สุดแค่ 85% แต่ต้องรีบหันกลับมาทบทวนใหม่ เมื่อศึกษาข้อมูลจากเวปต่างประเทศแล้ว พบว่า เมื่อก่อน pycnogenol จากเปลือกสนทะเลฝรั่งเศส ที่จดสิทธิบัตรกระบวนการสกัดด้วยกรรมวิธีพิเศษนั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของ Dr.Jacques Masquelier แต่ปัจจุบัน (นานแล้ว ) ได้ถูกเปลี่ยนมือมาเป็นสิทธิบัตรของ บริษัท Horphag Research มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และสำนักงานสาขาในสหรัฐอเมริกา ผู้มีสิทธิ์ขาดในการทำตลาดและจัดจำหน่ายเพียงผู้เดียวทั่วโลก เป็นสัจธรรมที่ปลาใหญ่ย่อมต้องกินปลาเล็กเสมอ

                 อย่าสับสนนะคะ เพราะมี pycnogenol หลายยี่ห้อ เขียนแปะข้างขวดว่า standardize 95% polyphenols ราคาถูกมาก คาดว่าน่าจะสกัดมาจาก grape seed , เปลือกถั่วลิสง,แอปเปิ้ล ก็เป็นได้ ที่ถูกต้องจะเขียนข้างขวดว่า standardize .....% proanthocyanidins ต่างหาก จึงจะถือได้ว่า เป็น pycnogenol ที่สกัดมาจากเปลือกสนทะเลฝรั่งเศส อย่างแท้จริง และต้องระวัง pycnogenol ที่สกัดจากเปลือกสนปนเปื้อนจากจีน ราคาถูกเช่นเดียวกัน

                 แป้งเลือกกิน pycnogenol 100 mg วันละ 2 เม็ด หลังอาหารเช้า เพียง 4 สัปดาห์ ( แต่ก่อนหน้านั้นกินวิตามินผิวขาวใสเป็นเวลาปีกว่าๆ ) ผิวเปล่งปลั่ง ขาวใส มีน้ำมีนวล ยากที่จะหาวิตามินใดมีศักยภาพเทียบเท่า นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกเจ้าของรางวัลโนเบล ปีค.ศ 1998 Professer Louis Ligarro ยังแนะนำให้กิน pycnogenol เลย เราจะไม่สนใจกินสุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระเหนือกาลเวลาเหรอค่ะ เวลาที่ทำเลเซอร์หรือนวัตกรรมความงามใดๆ ก็งดงามแค่ใบหน้า แต่ทว่า กิน pycnogenol เรียกได้ว่า "สวยทุกเซลล์ " จากภายในเปล่งประกายสู่ภายนอกเลยนะคะ

 

Create Date :07 มิถุนายน 2556 Last Update :19 สิงหาคม 2556 9:19:19 น. Counter : 49096 Pageviews. Comments :88