bloggang.com mainmenu search


"life was like a box of chocolates. you never know what you're gonna get"

"ชีวิตก็เหมือนกับกล่องช๊อกโกแลต ลูกไม่รู้หรอกว่าเปิดมาจะได้เจอกับอะไร"

เป็นคำพูดที่แม่ของForrest Gumpพูดกับลูกของเธอ 

ฟอเรส กัมพ์ เด็กชายที่เกิดมากับไอคิวสมองที่ต่ำกว่ามาตรฐานเด็กทั่วไป แต่เชื่อได้ว่าคงมีคนนับแสนนับล้านคนทั่วโลกอยากจะเป็นฟอเรส กัมพ์

หนังเปิดมาด้วยซีน ขนนกลอย ซึ่่งก็เปรียบเหมือนกับชีวิตของฟอเรส กัมพ์ที่ปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปตามจังหวะของชีวิต ต่างจากผู้หมวดแดน(หัวหน้าของฟอเรส กัมพ์)ในเรื่อง ผู้หมวดแดนได้ลิขิตชีวิตของตัวเองไว้ล่วงหน้าว่าชีวิตเค้าต้องเป็นอย่างไร

ตอนหลังฟอเรส กัมพ์เข้าใจสัจธรรมโลกว่า ไม่มีทั้งผิดหรือถูกระหว่าง การที่คนเราจะต้องลิขิตชีวิต หรือปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปตามจังหวะของมันเอง ฟอเรส กัมพ์สรุปไว้ว่ามันถูกทั้งคู่ อาจเป็นได้ทั้ง2อย่างพร้อมๆกัน

มีฉากที่ประทับใจจากในเรื่องมาฝากหลายฉากเลย :)

ฉากแรกที่ขนนกลอย

เด็กชายฟอเรส กัมพ์เป็นแรงบันดาลใจในการคิดท่าเต้นของ Elvis Presley

ฉากที่เด็กชายฟอเรส กัมพ์ เริ่มออกวิ่งครั้งแรก การวิ่งนี่แหละที่ทำให้เด็กชายฟอเรส กัมพ์พบเจอเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตมากมาย

ปล. การวิ่งครั้งแรกของนาย ช่างวิเศษจริงๆ

ในสถานพักฟื้นค่ายทหาร เพื่อนทหารของฟอเรส กัมพ์สอนให้ฟอเรส กัมพ์เล่นปิงปอง โดยมีโจทย์แค่ว่า นายแค่อย่าละสายตาจากลูกปิงปองก็พอ

คอนเซปท์แค่อย่าละสายตา แต่กัมพ์! นายไปแข่งปิงปองระดับโลกที่จีน(เซียนด้านปิงปอง)เลยอะ

ฟอเรส กัมพ์ออกรายการพร้อมกับจอหน์ เลนน่อน! 

ผู้หมวดแดนกระโดดลงทะเลเพื่อว่ายน้ำไปอีกฝั่ง ความหมายก็คือ การที่ตอนแรกผู้หมวดแดนได้ลิขิตชีวิตเค้าไว้ แต่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆกลับไม่สมหวัง การที่ว่ายน้ำออกไปอีกฝั่งคือการที่เค้าเริ่มยอมรับชะตาชีวิตของเค้าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และเริ่มเชื่อในสิ่งใหม่ๆที่เค้ากำลังจะต้องดำเนินชีวิตต่อไป

ฟอเรส กัมพ์มาเยี่ยมแม่ซึ่งกำลังจะตาย(แม่เป็นมะเร็ง) แม่บอกกัมพ์ว่าลิขิตของแม่คือ การได้เป็นแม่ของกัมพ์ กัมพ์ถามแม่บ้างว่า แล้วลิขิตของผมคืออะไร แม่กัมพ์บอกว่า กัมพ์...ลูกต้องไปค้นหาเอง เพราะว่าชีวิตก็เหมือนกล่องช๊อกโกแลต ลูกไม่รู้หรอกว่าเปิดมาจะได้เจอกับอะไร(ประมาณว่า กล่องช็อกโกแลตข้างในมีหลายรสหลายไส้ ไม่รู้หรอกว่าจะได้กินรสไหน จนกว่าจะได้กินเข้าไปจริงๆ)



ผู้หมวดแดนแนะนำให้กัมพ์ซื้อหุ้นในบริษัทผลไม้( กัมพ์!นายนึกว่าลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจสวนผลไม้แน่เลย) ที่จริงคือ บริษัทapple computer Smiley

พอเจนนี่หนีจากฟอเรส กัมพ์ไป ฟอเรส กัมพ์ก็ออกวิ่ง แล้วกัมพ์ก็วิ่งไปทั่วอเมริกา พอวิ่งสุดขอบฝั่งซ้ายของอเมริกา กัมพ์ก็วิ่งกลับไปสุดขอบฝั่งขวาของอเมริกา คนถามฟอเรสกัมพ์ว่า นายวิ่งทำไม วิ่งเพื่อสันติภาพเหรอ หรือว่าวิ่งเพื่อรณรงค์เรื่องสิทธิสตรี กัมพ์!นายตอบแค่ว่า ผมก็แค่อยากวิ่งเฉยๆ บ้างเห็นกัมพ์วิ่ง ได้แรงบันดาลใจ ก็เริ่มวิ่งบ้าง บางคนก็ให้คิดประโยคเท่ๆให้ เรื่องบังเอิญคือ ตอนที่กัมพ์คุยกับคนที่ขอให้คิดประโยคเท่ๆ ก็ดั๊นไปวิ่งเหยียบขี้หมา กัมพ์ก็อุทานขึ้นมา จึงได้มาเป็นสติ๊กเกอร์ประโยคที่ว่า"Shit happens"(เป็นธรรมดาที่อยู่ดีๆจะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น) แถมอยู่ดีๆก็เจอคนมาขอให้ช่วยพิมพ์รูปหน้าบนเสื้อยืดให้เค้าหน่อย เค้าจะเอาไปขาย สักพักรถขับผ่านกัมพ์แล้วขี้โคลนกระเด็น คนนั้นก็เลยให้เสื้อกับกัมพ์เพื่อเช็ดหน้า กัมพ์กล่าวขอบคุณด้วยคำอวยพรว่า"Have a nice day" ซึ่งมาพ้องกับเสื้อหน้ายิ้ม


ฟอเรส กัมพ์พบลูกชายของเค้า ฟอเรส กัมพ์ถามเจนนี่(แฟนของฟอเรส กัมพ์)ว่า ลูกของเค้าไอคิวต่ำเหมือนเค้าไหม นี่แหละความเป็นพ่อของฟอเรส กัมพ์ 

คนที่ดูเรื่องนี้จะเห็นว่ามีช่วงเวลานึงที่ฟอเรส กัมพ์กับเจนนี่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน หลายคนคงแคลงใจว่าใช่ลูกของฟอเรส กัมพ์รึเปล่า หนังสื่อให้เข้าใจได้อย่างง่ายเลยว่า เด็กคนนี้คือลูกของฟอเรส กัมพ์จริงๆ

ผู้หมวดแดนมางานแต่งของฟอเรส กัมพ์พร้อมกับขาเทียมซึ่งทำมาจากไทเทเนียม(ส่วนประกอบสำคัญในการสร้างยานอวกาศ) ฟอเรส กัมพ์เรียกขานั้นว่า ขาวิเศษ :)

นี่แหละเหตุผลดีๆที่ทำไมเราถึงอยากจะเขียนรีวิวหนังเรื่องนี้ ใครที่เคยดูเรื่องนี้มาก่อนแล้ว ก็คงจะรักเรื่องนี้เหมือนที่เรารัก ส่วนคนที่ยังไม่ได้ดู เราขอแนะนำให้คุณไปดู แล้วคุณจะรักหนังเรื่องนี้เหมือนที่เรารัก :)

Create Date :06 ตุลาคม 2555 Last Update :23 ธันวาคม 2559 8:24:36 น. Counter : 10034 Pageviews. Comments :11