bloggang.com mainmenu search






สวัสดีค่ะ





เอนทรี่ล่าสุด เทศกาลกินปู ณ ฮอกไกโดสึโบฮาจิ สาขานิฮอนมาชิ (คลิกเพื่ออ่าน)







หลังจากที่พาไปดูทั้งเรื่องของการทำน้ำตาลมะพร้าว ผลไม้กลับชาติ และรู้จักกับครูสมทรง แสงตะวันแล้วที่ชุมชนบ้านบางพลับ จ.สมุทรสงคราม ชุมชนต้นแบบตอนที่ 1 (คลิกเพื่ออ่าน)







วันนี้ก็จะไปดูเรื่องการเพาะเห็ดโอ่ง การทำถ่านผลไม้ และเรื่องของขี้แดดนาเกลือกันนะคะ รวมทั้งแถมท้ายด้วยที่พักแบบโฮมสเตย์ของบ้านครูสมทรงด้วยค่ะ




ต่อไปค่ะเป็นเรื่องของการทำเห็ดโอ่งค่ะ ซึ่งในวันนั้นคนที่มาให้ความรู้คือ คุณอรนุช แม้นเขียนนะคะ





การทำเห็ดโอ่ง


อุปกรณ์

1. ก้อนเชื้อเห็ดที่ต้องการเพาะ
2. โอ่งแตกหรือร้าว หรือโอ่งที่ไม่ได้ใช้นานแล้ว
3. กระสอบป่านใส่ข้าวสารหรือสแลนสีดำ
4. บัวรดน้ำ


วิธีการเพาะเห็ดโอ่ง

1. ต้องหาสถานที่เหมาะๆ ใต้ร่มไม้ หรือที่มีร่มเงา
2. วางโอ่งที่หาได้จะเป็นโอ่งเล็กหรือใหญ่ก็ได้ จับโอ่งเอียงนอนลง
3. นำตะแกรงวางด้านในโอ่งเป็นฐานรองก้อนเชื้อเห็ด
4. นำก้อนเชื้อเห็ดวางบนตะแกรงที่เตรียมไว้ในโอ่ง จำนวนก้อนเชื้อเห็ดตามขนาดของโอ่ง
5. รดน้ำสะอาดวันละ 1 ครั้ง
6. ใช้กระสอบป่านหรือสแลนสีดำคลุมไว้ ประมาณ 1-2 สัปดาห์เราก็สามารถเก็บดอกเห็ดมารับประทนได้แล้วทุกวันจนกว่าดอกเห็ดจะหมดไปใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน


ข้อแนะนำสำหรับการเพาะเห็ดโอ่ง

ควรระมัดระวังในช่วงวันที่ 1-3 ถ้าร้อนเกินไปให้เปิดกระสอบป่านหรือตาข่ายพรางแสงเพื่อระบายความร้อน หลังเพาะประมาณ 1 สัปดาห์ จะเริ่มมองเห็นตุ่มสีขาวเล็กๆ เกิดขึ้นบนก้อนเชื้อเห็ด ในช่วงนี้ต้องระวังเรื่อ่งการรดน้ำอย่าให้ดอกเห็ดโดนน้ำเป็นอันขาด มิฉะนั้นดอกจะฝ่อและเน่าเสียหาย แต่ยังคงต้องพ่นน้ำให้ความชื้นอยู่ทุกวัน ประมาณ 7-10 วัน เห็ดจะออกดอกเก็บรับประทานได้ สามารถเก็บดอกเห็ดมารับประทานได้ทุกวันจนกว่าเห็ดจะหมด

น้ำที่ใช้สำหรับการรดก้อนเชื้อเห็ดจะต้องเป็นน้ำที่จืด มีค่า pH เป็นกลาง ไม่มีคลอรีนเจือปน เรื่องน้ำที่ใช้รดก้อนเห็ดนั้นสำคัญมาก ถ้าน้ำกร่อยหรือเค็มจะส่งผลให้เห็ดไม่ออกดอก น้ำที่ดีที่สุดคือน้ำฝน หรือจะใช้น้ำประปาที่ผ่านการขจัดคลอรีนออกแล้วก็ได้ผลดีเช่นกัน (การรองน้ำประปาตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 2 วันจะช่วยขจัดคลอรีนออกไปได้)







ที่อยู่ในกรอบด้านบน คือข้อมูลที่ได้จากเอกสารเล่มที่ซื้อจากศูนย์การศึกษาฯ นะคะ (ภาพสี ราคาเล่มละ 80 บาทค่ะ) ซึ่งในส่วนของก้อนเห็ดเพาะเชื้อนะคะ ทางคุณอรนุชก็ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า วิธีการทำก็จะต้องหาวัสดุสามอย่างนี้ด้วยกันค่ะ ได้แก่

1. ขี้เลื่อยยางพารา 90 ส่วน
2. รำข้าว 7 ส่วน
3. ปูนขาว (แร่มอนต์หรือแร่หินภูเขาไฟ) 3 ส่วน

จากนั้นนำทั้งสามอย่างนี้มาเคล้ากัน ใส่น้ำพอหมาด (กล่าวคือถ้ากำต้องติดเป็นก้อน) จากนั้นใส่ถุงให้แน่น ใส่คอขวดและมัดให้เรียบร้อย จากนั้นใส่ใยผ้าและนึ่งนาน 3 ชั่วโมงเพื่อฆ่าเชื้อ แล้วนำออกมาตากให้เย็น จากนั้นจึงค่อยเขี่ยก้อนเชื้อสำเร็จใส่ขวด (ต้องระวังเรื่องความสะอาดมากๆ ของทุกวัสดุและมือไม้ทั้งมวลนะคะ คุณอรนุชย้ำมากๆ) จากนั้นปิดใยฝ้าย เอากระดาษหนังสือพิมพ์หุ้ม แล้วจึงนำไปวางในที่ร่มนาน 1 เดือน ซึ่งวิธีการสังเกตคือ ถ้ายังเป็นสีดำๆ อยู่ก็แสดงว่าไม่ได้ผล ต้องมีใยขาวๆ เกิดขึ้นทั่วๆ ทั้งก้อนค่ะ ถึงจะได้ผลนะคะ
















ตัวหัวเชื้อนี่ราคา 10 บาทค่ะ ซึ่งหยอดแค่ 1 ช้อนชาเท่านั้นเองต่อหนึ่งก้อน สำคัญเลยคือใยฝ้ายต้องฆ่าเชื้อให้สะอาดค่ะ ซึ่ง 1 โอ่ง ก้อนหนึ่งในการเก็บจะได้อยู่ที่หย่อน 1 ขีดนิดหน่อยค่ะ ถ้าปล่อย 4 วันจะได้เกือบขีด แต่ถ้าปล่อยแค่ 3 วันแล้วเก็บรสชาติจะกำลังอร่อยนะคะ

ซึ่งก็ถามว่าทำไมจะต้องใช้เห็ดภูฏานด้วย คุณยายบอกว่า เป็นเห็ดที่อยู่ได้ทั้งอุณหภูมิสูงต่ำ ไม่ต้องคุมอุณหภูมิมากเหมือนเห็ดอื่นๆ ค่ะ
















ต่อไปจะเป็นเรื่องของการทำถ่านผลไม้กันบ้างนะคะ โดยผู้ที่มาให้ความรู้ก็คือคุณสถาพร ตะวันขึ้นค่ะ
















ก่อนจะไปดูวิธีทำ มาดูหน้าตาของผลิตภัณฑ์ที่ได้กันนะคะ สวยงามป๊ะหละ
















ส่วนอันนี้คืออุปกรณ์จำลองของการทำถ่านผลไม้นะคะ ซึ่งจะสามารถผลิตผลผลิตอย่างอื่นๆ ด้วยค่ะ เช่น น้ำส้มควันไม้ ขี้เถ้า และสามารถเอาชาหรือพริกมาคั่วได้ด้วยค่ะ












วิธีการทำเตาถ่านเพื่อผลิตน้ำส้มควันไม้


อุปกรณ์

1. ถังขนาด 200 ลิตร (บอกแล้วว่าอันนี้จำลองนะคะ)ที่ดัดแปลงมาตัดฝาถังด้านในด้านหนึ่งออกสามารถเปิดปิดได้ นำฝาที่ตัดออกมาเจาะเป็นหน้าต่างสี่เหลี่ยมขนาดราว 20x20 เซนติเมตร ส่วนตัวถังฝาอีกด้านเจาะรูกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว
2. ทราย ดินเหนียว ขี้เถ้าแกลบ
3. อิฐบล็อกสำหรับรองหัวและท้ายของถังไม่ให้จมดิน
4. ข้องอ
5. ท่อใยหิน


วิธีการทำเตาถ่าน

1. ปูพื้นทรายให้มีขนาดกว้างและความยาวเท่ากับขนาดของตัวถัง
2. นำถังน้ำมันขนาด 200 ลิตรที่จะทำหน้าที่เป็นผนังเตามาวางบนพื้นทรายที่เตรียมไว้
3. ประกอบข้องอ 90 องศาและท่อใยหินที่ทำหน้าที่เป็นปล่องควันต่อเข้ากับตัวเตาตามแบบพร้อมเชื่อม ประสานรอยต่อโดยใช้ดินเหนียวผสมขี้เถ้าแกลบ
4. ตัวเตาหุ้มด้วยดินเหนียวหนาประมาณ 30 เซนติเมตรหรือห่อหุ้มด้วยทรายก็ได้
5. นำไม้ที่ต้องการจะเผาที่มีขนาดประมาณ 80 เซนติเมตร ใส่เข้าไปในแนวความยาวของตัวถังใส่ไข้ไปจนเต็ม (ไม้ที่ใช้ควรเป็นไม้ที่ไม่สดหรือแห้งจนเกินไป)
6. ปิดฝาถังแล้วนำอิฐบล็อกมาวางให้ตรงช่องที่เจาะไว้ประสานรอยต่อโดยใช้ดินเหนียวผสมกับขี้เถ้าแกลบดำ








เหมือนเดิมนะคะ ในกรอบนั่นคือจากเอกสารที่เราซื้อมาจากศูนย์ฯ ค่ะ ต่อไปเป็นความรู้ที่ได้รับจากตัววิทยากรกันบ้างนะคะ


วิทยากรอธิบายคร่าวๆ ว่า ให้ใช้เจ้าถัง (ซึ่งของจริงเป็นถังขนาด 200 ลิตร) และต้องมีตะแกรงรองพื้นอยู่ด้านในตามภาพ ที่สำคัญถังต้องมีช่องลม (หน้าต่าง) ตัวเตานี่ต้องนอนอยู่กับพื้นและมีอิฐบล็อกรองหัวและท้ายไม่ให้จมดินนะคะ


















สำหรับผลไม้ที่จะนำมาเผาเป็นถ่านนั้น สามารถใช้ลูกไม้ได้ทุกชนิดที่ไม่เน่า ไม่สุก ใช้ได้หมดทุกอย่าง (แต่ถ้าเป็นผลไม้ที่มีน้ำเยอะ ก็จะได้ขนาดที่เล็กลงมากๆ น่ะนะคะ)

จากนั้นก็เอาฟืนใส่เข้าไปให้เหลือพื้นที่แค่ 1 ในสี่ ก่อนจะเอาผลไม้ที่จะเผาใส่ปี๊บ ลูกใหญ่ไว้ข้างล่าง ตั้งปี๊บไว้ตรงๆ ในถัง ใส่ฟืนอัดให้ขนาบปี๊บค่ะ จากนั้นก็จุดไฟ โดยที่ห้ามใช้น้ำมันหรือยางในการจุดเด็ดขาด ให้ใช้ไม้อื่นที่ค่อนข้างแห้ง ให้ไฟพอติด จากนั้นก็ปิดฝา (ซึ่งฝาก็ควรเป็นแบบมีเข็มขัดล็อกตามภาพนะคะ เข็มขัดจะอยู่ด้านบนของฝา) เปิดแต่หน้าต่างทิ้งไว้ค่ะ















จากนั้นพอผ่านไปชั่วโมงที่สี่ให้หรี่หน้าต่างลง 10% แล้วพอชั่วโมงที่แปด ก็ให้ปิดหน้าต่างให้สนิทค่ะ















ซึ่งตัวผลไม้ถ่านนี้เราจะสามารถขายได้อยู่ที่ลูกละ 25-30 บาท ให้คนนำไปใส่ตามตู้ ตามที่ต่างๆ เพื่อดูดกลิ่น แต่ก็มีผลิตภัณฑ์อย่างอื่นที่สามารถทำขึ้นมาได้อีกนอกเหนือจากผลไม้ถ่านนี้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นน้ำส้มควันไม้ ซึ่งพอทำได้ก็จะขายลิตรละประมาณ 100 บาท

โดยการทำน้ำส้มควันไม้นั้น ตรงที่ควันไฟออก คุณสถาพรบอกว่าหาท่อมาต่อ ปลายท่อเอาผ้าชุบน้ำพัน พอโดนความเย็นก็จะกลายเป็นน้ำส้มควันไฟ โดยหาภาชนะมารอตรงรอยท่อค่ะ

นอกจากนั้นก็ยังสามารถเอากระทะมาตั้งไว้บนเตา คั่วพริกหรือชาได้อีกด้วยนะคะ แล้วก็ยังมีขี้เถ้าเอาไว้ไปโรยเพิ่มความหวานให้ผลไม้ น้ำขี้เถ้าใช้ล้างผักผลไม้หรือเอาไปทำไข่เค็มก็ยังได้ค่ะ













ประโยชน์ของน้ำส้มควันไม้


ในครัวเรือน

1. ความเข้มข้น 100% ใช้รักษาแผลสด แผลน้ำร้อนลวก ไฟลวก เชื้อราผิวหนังและน้ำกัดเท้า
2. ผสมน้ำ 20 เท่า ราดทำลายปลวก มด
3. ผสมน้ำ 100 เท่า ราดโค้นต้นไม้รักษาโรคจากเชื้อรา ป้องกันกลิ่นและแมลงวัน ใช้ดับกลิ่นในห้องน้ำ
4. ผสมน้ำ 200 เท่า ฉีดพ่นใบไม้เพื่อขับไล่แมลงและป้องกันเชื้อรา รดโคนต้นไม้เพื่อเร่งการเจริญเติบโต
5. ใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตร
6. ใช้ผสมน้ำ 20 เท่าพ่นลงดินเพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และแมลงในดิน เช่น โรคเน่าและแบคทีเรีย โรคโคนเน่าจากเชื้อรา ไส้เดือนฝอย
7. ใช้ผสมน้ำ 50 เท่า พ่นลงดินเพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำลายพืชแต่การใช้ความเข้มข้นระดับสูงอาจทำให้พืชมีอาการใบไหม้หรือตายได้ ควรระมัดระวัง
8. ใช้ผสมน้ำ 200 เท่า ความเข้มข้นระดับนี้ใช้ฉีดพ่นที่ใบรวมทั้งพื้นดินรอบต้นทุกๆ 7-15 วันเพื่อขับไล่แมลงป้องกันและกำจัดเชื้อราและทำให้พืชมีความเจริญเติบโตเร็ว
9. ใช้ผสมน้ำ 500 เท่า ฉีดพ่นผลอ่อนของพืช เพื่อช่วยขยายให้ผลโตขึ้นหลังจากติดผลแล้ว 15 วัน และฉีดพ่นอีกครั้งก่อนการเก็บเกี่ยว 20 วัน



ในปศุสัตว์

ใช้ลดกลิ่นและแมลงในฟาร์มปศุสัตว์ โดยใช้ครั้งแรกควรผสมน้ำ 100 เท่าหลังจากนั้นเพิ่มเป็น 200 เท่า จะกำจัดกลิ่นและลดจำนวนแมลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

















่ต่อไปค่ะ จะเป็นในเรื่องของขี้แดดนาเกลือและความรู้เกี่ยวกับนาเกลือกันบ้างนะคะ โดยผู้ที่มาให้ความรู้กับเราก็คือพี่โต - บุญปลอด เจริญฤทธิ์ค่ะ















ภาพนี้คือผลิตผลที่ได้จากการทำนาเกลือทั้งหมดนะคะ




ซึ่งพี่โตก็ได้ให้ความรู้เพิ่มเติมด้วยค่ะว่า ก่อนทำนาเกลือ จะต้องดูฤกษ์ด้วยค่ะ มีการทำแรกนา ซึ่งเมื่อก่อนจะใช้ดอกชะคราม (ซึ่งจะขึ้นที่คันนาเกลือนี่แหละค่ะ) มีการทำขวัญนา ขวัญข้าวเท่าหัวเรือ ขวัญเกลือเท่าหัวแพ ซึ่งเครื่องในการทำก็จะเยอะเลยค่ะ มีขนมต้มเอย อะไรเอย แล้วในวันแรกที่ทำนาปรงก็จะมีดอกเกลือ (ที่ใช้แปรงฟันได้) ลอยอยู่ข้างบน ก็สามารถที่จะช้อนได้นะคะ














เราบางคนอาจจะเคยทันเห็นกังหันในนาเกลือค่ะ แต่ ณ ปัจจุบันนั้นไม่มีแล้วค่ะ เพราะทิศทางลมเปลี่ยนหมดแล้วเนื่องจากการทำลายป่าชายเลนจากการทำนากุ้ง ทำให้ ณ ปัจจุบัน คนทำนาเกลือต้องใช้เครื่องสูบน้ำสูบน้ำจากทะเลมาใส่นาแทนการใช้ระหัดวิดน้ำอย่างที่เคยใช้ค่ะ

สำหรับพื้นที่ที่ใช้ในการทำนาเกลือ จะแบ่งออกตามโมเดลที่พี่โตทำมานะคะ ได้แก่วังน้ำเค็ม นาตาก นาเชื้อ นารองเชื้อและนาปรงค่ะ แต่ตรงส่วนของการทำนาเกลือ เราไม่ได้ลงลึกนะคะ ถ้าใครสนใจสามารถติดต่อไปดูที่โรงเรียนนาเกลือแห่งประเทศไทยได้ค่ะ อยู่ที่ตำบลบางแก้ว จ.สมุทรสงครามนะคะ

ที่น่าเศร้าอีกอย่างก็คือ ณ ปัจจุบันนั้น จากนาเกลือทั้งหมด 133 เจ้า มีเป็นเจ้าของที่ดินเองแค่ 2 เจ้าค่ะ ที่เหลือเป็นนายทุนแล้วก็จ้างชาวบ้านทำทั้งนั้นเลยค่ะ















ส่วนขี้แดดนาเกลือ ที่เราเคยเอามาลงแล้วในเอนทรี่แรกที่ช่วยให้ส้มโอหวานนั้น จะอยู่ที่นาตากค่ะ






ซึ่งขี้แดดนาเกลือ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าดินหนังหมานั้น เมื่อก่อนก็ไม่ได้เห็นประโยชน์ ต้องลอกทิ้ง (อย่างที่เล่าไปเมื่อตอนที่แล้วนะคะ) คราวนี้ก็มาดูว่า อย่างสวนส้มโอ จะมีใช้กากน้ำปลาหรือเกลือดำ เกลือโรยที่ ซึ่งกิโลกรัมละ 3-4 บาท แพงหาซื้อยาก ก็มีการลองมาใช้ดินหนังหมาแทน (ดินหนังหมากิโลกรัมละ 2 บาทค่ะ) ซึ่งก็ได้ผลดีน่ะนะคะ ซึ่งจะต้องเป็นดินหนังหมาจากนาตากนะคะ ถ้าเอาจากนาอื่น เช่น นารองเชื้อหรือนาปรง ความเค็มจะเยอะไป ทำให้ต้นไม้ตายได้ค่ะ เพราะนาตากจะมีความเค็มอยู่แค่ราวๆ 16 ดีกรี ขณะที่ที่อื่นจะมีราวๆ 20-30 ดีกรีค่ะ

ซึ่งนอกจากส้มโอแล้วก็ยังสามารถไปใช้กับพืชพันธุ์อื่นได้ค่ะ อย่างเมลอนก็ใช้ราว 1 ช้อนแกง มะพร้าวต้นใช้ราว 5-6 กิโลกรัม หรือใช้เป็นอาหารสัตว์เลี้ยงวัว ไก่ หมูได้ค่ะ













นอกจากนั้นยังมีผลผลิตอีกตัวที่น่าสนใจก็คือ เกลือจืด ซึ่งจะได้จากนาเชื้อนะคะ สามารถใช้ทำแป้งพอกหน้าได้ด้วยหละค่ะ
















ซึ่งตัวเกลือจืดนี่ถ้าเอาไปคั่ว (หรือที่เรียกว่าสะตุ) จะเปลี่ยนสีด้วยนะคะ ตามภาพเลยค่ะ ที่เอาไปคั่วก็เพื่อไล่น้ำออก ก็สามารถที่จะบี้ได้ วิธีการทำแป้งพอกหน้าคือ หลังจากคั่วสุกแล้วก็จะเป็นสีขาว ก็นำไปกรองด้วยผ้าขาวบางก็จะได้เป็นเนื้อแป้ง หยดด้วยผ้าดิบแล้วตาก จากนั้นก็จะบดผสมขมิ้นหรือทนาคาก็ได้ หรืออย่างพวกปูนปลาสเตอร์กับชอล์กนี่ก็ทำจากเกลือจืดได้นะคะ

ซึ่งเกลือจืดนี่ปีหนึ่งทำได้ครั้งเดียว เฉพาะฤดูฝนนะคะ















นอกจากนั้น ความรู้ใหม่ของเราอีกอย่างคือ เกลือมีตัวผู้ตัวเมียด้วยหละค่ะ ลักษณะเกลือตัวผู้จะยาวๆ ตามภาพเลย ซึ่งเค้าก็มีความเชื่อว่า เกลือตัวผู้นี่สามารถเอาไปทำพวกการแช่งคนอื่นได้ (ที่บอกว่าเผาพริกเผาเกลือแช่งน่ะแหละค่ะ) การกรีดปากมดลูก เอาไว้ฝาดคอ หรือไว้ใส่รูสะดือศพเพื่อให้ไม่เน่าไม่เปื่อยด้วยค่ะ ส่วนเกลือตัวเมียก็สามารถนำไปใช้ในการดองอาหารได้นะคะ แต่ตามปกติแล้วเกลือตัวผู้จะหายากกว่าเกลือตัวเมียค่ะ (อ่า..ช่างเหมือนผู้ชายแท้ในปัจจุบันเสียนี่กระไร กระซิกๆ)

อ้อๆ แล้วก็ถ้าเกลือมีความเค็มในระดับ 28-29 ดีกรี จะทำให้มีดีเกลือ ซึ่งสามารถเอาไปทำยาได้ด้วยหละค่ะ (คือมาฟังที่นี่นี่ เล่นเอาเราอยากไปร.ร.นาเกลือสักครั้งเลยค่ะ มีอะไรที่น่ารู้เยอะมากจริงๆ เลยอ้ะ)



ถ้าใครสนใจจะไปร.ร.นาเกลือสามารถติดต่อพี่โตได้ที่เบอร์ 0818562673 นะคะ













อ้อๆ แล้วก็สำหรับใครที่สนใจพักแบบโฮมสเตย์ แถวนั้นก็มีหลายเจ้าด้วยกันค่ะ วันนั้นเราเลือกพักที่บ้านครู ปกติจะอยู่ที่คืนละ 1000 บาทสำหรับ 2 คน (มีแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น ทีวี ตู้เย็นครบค่ะ) แต่เราไปคนเดียว ครูลดให้ที่ 500 บาทค่ะ ขอบคุณครูด้วยนะคะ ห้องที่เราพักก็ห้องนี้เลยค่ะ


















สรุปสุดท้ายสำหรับชุมชนบ้านบางพลับนะคะ

หากใครที่จะสนใจไปเที่ยวชมชุมชนนี้แล้วอยากสัมผัสกับหลายๆ สิ่งของที่นี่ แนะนำให้เลือกวิธีปั่นจักรยานชมสวนนะคะ ซึ่งเราสามารถที่จะไปชมสวน ชิมผลไม้จากสวนที่เปิดให้ชิม หรือจะแวะดูการทำผักผลไม้แช่อิ่ม หรืออื่นๆ ด้วยค่ะ อย่างเราเองเราก็อยากเลือกวิธีนี้เหมือนกันนะคะ แต่พอดีตอนที่ไปครูและครอบครัวติดรับกรุ๊ปใหญ่ เลยอดง่ะ เสียดายมาก (สำหรับคนที่ปั่นจักรยานไม่เป็น แนะนำให้หาคนที่ปั่นเป็นไปแล้วซ้อนท้ายค่ะ ฮา )

สำหรับค่าบริการจักรยานของที่นี่ และสถานที่ที่สามารถติดต่อนำจักรยานมาปั่นได้ก็มาติดต่อที่นี่ได้เลยค่ะ ตอนนี้มีจักรยานอยู่ราวๆ 35 คัน ซึ่งเห็นครูบอกว่าทางททท.ให้ครูทำเรื่องเพื่อขอเพิ่มอยู่นะคะ โดยการปั่นจักรยานชมวิถีชีวิตก็จะเริ่มตั้งแต่ 09.00 ให้ดื่มน้ำตาลสด น้ำสมุนไพร ก่อนจะชมการเคี่ยวน้ำตาล แล้วให้เราได้ทดลองหยอดน้ำตาล แล้วก็จะปั่นไปดูการปาดน้ำตาลมะพร้าวและกินมะพร้าวอ่อนสดๆ ชมสวนส้มโอ แล้วไปดูการทำผักผลไม้กลับชาติ หรือบางวันอาจจะได้เห็นการทำขนมสำปันนีด้วยค่ะ แล้วก็จะพาไปหาอาหารกลางวันกินตามอัธยาศัยที่ริมแม่น้ำแม่กลอง จบโปรแกรมที่ราวบ่ายโมงค่ะ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่คนละ 200 บาทนะคะ ตัวนี้ถ้าใครสนใจก็ติดต่อที่คุณทรงยศ แสงตะวัน 0812744433 หรือ 034761985 ได้ค่ะ






ปิดท้ายกันด้วยข้อมูลที่สำคัญๆ ของชุมชนนี้แล้วกันนะคะ


สิ่งอำนวยความสะดวก
โฮมสเตย์ ที่พัก อาหาร ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก

ฤดูกาลท่องเที่ยว ตลอดทั้งปี

ติดต่อชุมชนบ้านบางพลับ
โทร. +66 3476 1985, +668 9829 7100

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม
โทร. +66 3471 4881
สำนักงานจังหวัดสมุทรสงคราม
โทร. +66 3471 1678
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสมุทรสงคราม
โทร. +66 3475 2847







ขอบคุณทุกท่านที่อ่านทั้งสองเอนทรี่นะคะ หวังว่าบล็อกเราเองก็คงจะทำให้คนอ่านได้รู้จักชุมชนนี้ดีขึ้นและทำให้คนสนใจจะไปเที่ยวแบบนี้มากขึ้น การท่องเที่ยวอีกรูปแบบที่ไม่ใช่แค่การไปเช็คอิน ถ่ายรูป ช็อปปิ้งแล้วกลับค่ะ แต่ได้เรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้าน ได้ความรู้ดีๆ เพิ่มเติมกันด้วยนะคะ











ปฏิทินธรรม








วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม 2557

1. ตักบาตรพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น วัดพุทธบูชา (ทุกวันเสาร์แรกของเดือน)




วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2557 (กิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน)

1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37
เวลา 06.30-10.30 น.


ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่
//www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447



วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2557

1. ฟังธรรมจากพระอาจารย์มานพ อุปสโม
ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา ราชนครินทร์ เขาดินหนองแสง จ.จันทบุรี
เวลา 9.30 - 15.00 น.

ณ ศาลาไตรสิกขา บ้านจิตสบาย พุทธมณฑลสาย 2

รถประจำทางที่ผ่าน สาย 123, ปอ.พ.79
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ 02-448-3392 เวลาทำการ 9.00 – 18.00 น.


//www.jitsabuy.com/calender.html




วันอาทิตย์ที่ 14 และ 28 ธันวาคม 2557 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน)

1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14
กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น.

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts






วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม 2557 (กิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์ที่สามของเดือน)

1. ตักบาตรพระกรรมฐาน (นิมนต์พระสายหลวงปู่มั่น) ที่วัดบรมนิวาส (ไม่มีรายละเอียดอย่างอื่นค่ะ)

ที่จอดรถค่อนข้างหายาก ไม่ควรนำรถส่วนตัวไปค่ะ


2. ขอเชิญร่วมงานบำเพ็ญกุศลถวายหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร
ณ ที่พักสงฆ์ กม.๒๗ ดอนเมือง
๒๐-๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๗

กำหนดการ
วันเสาร์ที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ (ตรงกับแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑ )
๑๙.๓๐ น. ทำวัตรสวดมนต์เย็น ณ ที่พักสงฆ์ กม. ๒๗ ดอนเมือง
๒๐.๓๐ น. แสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์ ถวายกัณฑ์เทศน์

วันอาทิตย์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ (ตรงกับขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๒ )
๐๗.๓๐ น. พร้อมกันประชุมตักบาตรในบริเวณงาน (ใส่บาตรเฉพาะข้าวสวย / กับข้าว,ข้าวเหนียว,ของหวาน ให้ถวายตามทีหลังครับ)
๐๘.๐๐ น. ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ที่มาร่วมงาน พระสงฆ์อนุโมทนา
๑๐.๐๐ น. แสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์ เป็นเสร็จพิธี

จึงใคร่ขอเชิญชวนญาติโยม อุบาสก อุบาสิกา ได้มาร่วมบำเพ็ญกุศลในงานนี้ โดยพร้อมเพรียงกัน
สามารถทำบุญโดยการโอนเงินผ่าน
บัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาประชาชื่น
ชื่อบัญชี มูลนิธิจันทสาโร (หลุย)
เลขที่ 193-0-10107-4

ติดต่อสอบถาม:
พระอาจารย์ถาวร อนุตฺตโร (เจ้าอาวาสที่พักสงฆ์) : 081 822 7857
พระอาจารย์สัญชัย กนฺตสีโล (พระเลขาฯ) : 086 235 3885

ดูรายชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ที่มาร่วมงานได้ที่ลิงก์นี้นะคะ (ทางเว็บไม่ให้ก็อปมาลง เลยใส่ลิงก์แทนค่ะ) แต่งงอยู่ว่าในเว็บนี้กลับให้ตักอาหารแห้ง ซึ่งไม่ตรงกับทางเฟซบุ๊คทำบุญที่เราก็อปข้อความมาลงนะคะ ยังไงโทร.สอบถามอีกทีแล้วกันค่ะ แหะๆ

//www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=1823





วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม 2557 (จัดทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน)

1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร สดับธรรม พระเถระวัดป่ากรรมฐาน เมตตารับบาตร โดย
พระราชภาวนาพินิจ (หลวงพ่อสนธิ์ อนาลโย)
วัดพุทธบูชา กรุงเทพฯ
พระพุทธิสารเถร (หลวงบุญกู้ อนวฑฺฒโน)
วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพฯ
พระครูเกษมวรกิจ (หลวงพ่อวิชัย เขมิโย)
วัดถ้ำผาจม จ. เชียงราย

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net

















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

1,469,696+2045849=3515545/11146/919


Create Date :22 ธันวาคม 2557 Last Update :22 ธันวาคม 2557 8:31:20 น. Counter : 9986 Pageviews. Comments :24