bloggang.com mainmenu search




สวัสดีค่ะ



ก่อนอื่นขอหาเสียงก่อน ขอแรงโหวตหน่อยนะค้า จิ้มโหวตได้เลยค่า







หลังจากพักเบรคไปกับการรีวิวสามที่พักในโครงการ Thailand Boutique Awards 2010 ไปแล้ว



วันนี้มารีวิวทริปทำบุญ ณ เชียงใหม่ต่อนะคะ

ซึ่งก็ได้ปล่อยไปแล้วสามรีวิวคือ รีวิวโรงแรมตากอันดามันรีสอร์ท(คลิกเพื่ออ่าน)

รีวิวร้านอาหารเฮือนเพ็ญ อาหารเหนือ (คลิกเพื่ออ่าน)

รีวิวอินทนนท์ไฮแลนด์ รีสอร์ท(คลิกเพื่ออ่าน)

และรีวิวพระธาตุดอยน้อยและครูบาศรีวิชัย (คลิกเพื่ออ่าน)







เนื่องจากทริปนี้เป็นทริปทำบุญ เพราะงั้นโอกาสพาไปวัด ไปวา ก็จะเยอะหน่อยนะคะ (บวกจากที่เจ้าของบล็อกชอบ "เที่ยว" วัดอยู่แล้วด้วย แหะๆ) ซึ่งวัดนี้ที่ไป เป็นวัดที่ได้ยินชื่อเสียงมานานมากๆ แล้วค่ะ ก็เลยเปรยๆ กับคุณชายว่า อยากไปอ้ะ คุณชายก็...จัดให้


วัดอุโมงค์(อุโมงค์เถรจันทร์) เป็นชื่อเรียกวัดเก่าที่พระเจ้ากือนาธรรมิกราชทรงสร้างอุโมงค์ขึ้นเพื่อถวายเพื่อให้พระมหาเถรจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญในพระไตรปิฏกอาศัยค่ะ

ถ้าต้องการข้อมูลรายละเอียดเรื่องของวัดเพิ่มเติม เชิญอ่านที่ ลิงค์นี้ (คลิกเพื่ออ่าน)




แต่กว่าจะหาทางไปเจอ คุณชายก็มั่นใจมาก พาวิ่งไปทางร้านผาลาดตะวันรอนโน่น (คนเชียงใหม่ยังไงไม่ทราบยะ ) แล้วก็เลยต้องไปถามพระที่วัดที่อยู่ตรงนั้น (วัดผาลาดมั้งคะ) จนได้ความว่า วัดอุโมงค์ต้องวิ่งมาทางคลองชลประทานนี่ แต่ตอนแรกก็ไม่เจอนะคะ จนถอดใจแล้วนั่นแหละ กำลังจะยูเทิร์นไปเวียงกุมกามเลย ก็เจอพอดี๊ (นับว่ายังพอมีบุญต่อกันนะนี่ แหะๆ)





ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าวัดน่าจะเล็กๆ ค่ะ แต่พอไปจริงๆ อ่า..เป็นวัดที่กว้างมาก

ดูจากผังวัดก่อนก็ได้ค่ะ



















เนื่องจากไปช่วงเทศกาล ก็เลยหาที่จอดรถยากมากค่ะ คุณชายต้องปล่อยลงด้านหน้า เราก็รออยู่แถวๆ ป้ายผังวัดน่ะแหละค่ะ ซึ่งก็เลยซื้อขนมปังเตรียมเอาไปเลี้ยงปลาไว้ก่อน คุณชายกลับมาก็พากันเดินไปค่ะ ระหว่างทางก็เจอสัตว์ต่างดาวที่ต้นไม้ด้วย เลยถ่ายมาฝาก เหอๆ



















จากนั้นก็เริ่มเดินแบบวนขวาตามเข็มนาฬิกาค่ะ

มุ่งตรงไปทางนี้ก่อน เพื่อจะไปทางสระ (กะจะไปให้อาหารปลาก่อน)

แต่ปรากฏว่า ไปชะเง้อดูแล้ว ไม่มีปลาสักกะตัว ต้องไปอีกที่หนึ่งค่ะ เง่อ...





















ก็เลยเดินเบี่ยงไปทางขวา เลาะสระน้ำไปห่างๆ เจอสามแยกทีตันนี้ก็เลี้ยวซ้ายเพื่อไปให้อาหารปลาค่ะ



















จะให้อาหารตรงสะพานแบบนี้ก็ได้ หรือข้ามไปที่เกาะกลางก็ไ้ด้ค่ะ


แต่เนื่องจาก...เห็นขนมปังลอยฟ่อง (ลืมว่ามัีนหน้าเทศกาลน่ะนะ ) ก็เลยตัดสินใจกันว่า อย่าทำน้ำวัดเน่าเลย (แทนที่จะได้บุญ จะบาปซะเปล่าๆ เหอๆ) เลยต้องเก็บค่ะ เสียดายเหมือนกัน แล้วในที่สุดก็ไม่ได้เอาไปทำอะไรนะคะ แหะๆ



















จากนั้นก็เดินย้อนกลับมาตรงสามแยก ก็เจอบันไดซ้ายมือ ขึ้นไปสักการะพระธาตุเก่าแก่ได้ค่ะ แต่แม่เราเข่าไม่ค่อยดี ก็เลยไม่ได้ขึ้นไป เราก็เลยนั่งอยู่เป็นเพื่อนที่ข้างล่างอะค่ะ เลยไม่มีรูปมาฝาก ได้แต่ทางขึ้นพระธาตุมาให้ดูค่ะ แหะๆ (แล้วก็ลืมนะ..แทนที่จะฝากคุณชายเธอไปถ่ายรูป ตรูหนอตรู )



















จากนั้นก็ต้องเดินเลยไป (ให้พระธาตุอยู่ซ้ายมือ) ก็จะเจอจุดที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ค่ะ

นั่นก็คือเป็นอุโมงค์ที่พระเจ้ากือนาธรรมิกราชเป็นผู้สร้างเช่นเดียวกันค่ะ



















ประวัติค่ะ อ่านกันสักนิดเนาะ





















เราก็เลือกเข้าอุโมงค์ตรงกลางนะคะ ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าไปค่ะ



















เห็นป้ายดอกไม้บูชาพระ (ฟรี) มั้ยคะ แต่เราไม่ยักกะเห็นดอกไม้อะไรเลยง่ะค่ะ


















เ้ข้าไปไหว้พระที่อยู่ตรงกลางเรียบร้อยแล้ว มองไปทางซ้ายมือก็เดินไปได้อีกเช่นกันนะคะ


















ก็จะมีพระพุทธรูปอีกองค์ให้สักการะค่ะ แต่ว่า..พร่าเบลอได้อีก (แสงน้อย ไม่มีขาตั้งกล้องอีกต่างหาก )


















ไหว้พระที่อุโมงค์ทางซ้ายเสร็จ ก็เดินไปทางอุโมงค์ทางขวาบ้าง

ก็มีพระให้สักการะและ มีบันไดให้ขึ้นไปสูงอีกชั้นด้วยค่ะ





















ซึ่งตามผนังก็มีลวดลายภาพวาดจางๆ อยู่นะคะ

แสงยังคงน้อย ภาพเลยยังเบลออยู่อะค่ะ แง (กรุณาดูแต่ตา อย่าเอามือไปลูบไปจับเลยนะคะ)



















พอขึ้นไปบนสุดแล้วเดินตรงไป

คราวนี้อุโมงค์มีเป็นก่ออิฐแบบนี้ด้วยหละค่ะ

น่ามาถ่ายรูปเป็นอันมากกกกก



















ซึ่งที่ชั้นบนนี่ ก็จะมีอุโมงค์สายหนึ่งที่มีภาพวาดที่ค่อนข้างเยอะและชัดกว่าข้างล่างนะคะ

สวยดีอ้ะ ชอบ





















เรียบร้อยแล้วก็เดินกลับไปที่อุโมงค์ชั้นล่างเหมือนเดิมค่ะ

เพิ่งเห็นว่าอุโมงค์ช่วงบันไดขึ้น-ลงนี่ มีทำไล่ระดับแบบนี้ด้วยแฮะ


















ซึ่งตรงใกล้ๆ องค์พระตรงกลาง มีจัดนิทรรศการ (น่าจะเรียกว่าบอร์ดมากกว่าอะนะคะ) บอกเรื่องภาพจิตรกรรมของวัดอุโมงค์ด้วยค่ะ แต่ดูเก่าคร่ำคร่า ไม่น่าอ่าน ที่จริงน่าจะทำด้วยวัสดุถาวรไปเลยนะคะ จะได้เป็นข้อมูลกับผู้มาเที่ยวด้วยอะค่ะ





















ก่อนจะเดินออกจากอุโมงค์ คุณสามีก็ชี้ให้ดูรังผึ้งค่ะ จะอยู่ตรงเพดานทางออกเลย



















ถ้าอ่านที่บรรยายมาไม่เข้าใจ ก็ดูผังนี้อีกทีนะคะว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้างค่ะ



















ซึ่งตรงด้านหน้านี่เองก็จะมีรูปหล่อของพระปัญญานันทะและเสาอโศกจำลองด้วยค่ะ
























ถัดจากเสาอโศกลงไปก็จะมีโรงภาพปริศนาธรรมด้วยค่ะ แต่เราไม่ได้เข้าไป เพราะมีโปรแกรมต้องไปเวียงกุมกามต่ออะค่ะ เลยไม่มีภาพด้านในมาฝากนะคะ



















่ก่อนกลับก็เจอน้องหมาตาแ๋ป๋วตัวนี้ค่ะ เลยถ่ายมาฝากคนรักหมาทั้งหลาย (บอกให้นั่งลงได้ด้วยนะเออ )





















หลังจากถามทางออก อันสลับซับซ้อน (ถามและดูป้ายเอาค่ะ ไม่งั้นออกไม่ถูกแหงๆ)

ก็ขอปิดท้ายรีวิวนี้ด้วยป้ายของวัดนี้แล้วกันนะคะ



















สรุปแล้วสำหรับที่นี่นะคะ


เราค่อนข้างชอบบรรยากาศโดยรวมนะคะ ถึงแม้ว่าวันที่ไป คนจะเยอะมาก ก็ยังไม่พลุกพล่านมากนักค่ะ ทำให้ความสงบ ร่มเย็นก็ยังเป็นที่สัมผัสได้ นอกจากนั้นที่นี่ก็ยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมด้วย (วันที่เราไปก็เห็นเนกขัมนารีหลายคนที่เดินจงกรมอยู่ค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะจะเป็นการเสียมารยาทน่ะนะคะ)

แต่ถ้าใครที่คิดหวังว่า จะไปถ่ายรูปสถานที่สวยงาม อลังการ ก็คงไม่ใช่วัดนี้ค่ะ (แม้ตัวอุโมงค์จะสวย แสงสวยน่าถ่ายรูปไม่ใช่ย่อยก็ตาม แหะๆ) แต่ถ้าท่านใดอยากไปชมอะไรประมาณที่เราถ่ายๆ รูปมาก็ลองไปดูนะคะ






















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมานะคะ

743301/6001/504
Create Date :22 ตุลาคม 2553 Last Update :22 ตุลาคม 2553 9:18:09 น. Counter : Pageviews. Comments :26