ปีที่แล้วป้าซิ่งไปพักบ้านล้อมเดือน มาปีนี้มาพักแถบสวนผึ้ง
หลังจากที่เคยพักที่ The Scenery เมื่อ 5 ปีก่อน เว็ปคลังกระทู้พันธ์ทิพย์ยังเก็บไว้ให้ดูเล่นต่างหน้า
สมัยนั้นมีห้องพักเพียงไม่กี่หลัง และยังไม่มีฟาร์มแกะเลยค่ะ

//topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/E3669855/E3669855.html

ต้องขอขอบคุณพันธ์ทิพย์ที่ยังเก็บลิ๊งค์นี้ให้ชมกัน เพราะสมัยนั้นเป็นยุคบุกเบิกสวนผึ้งเลยก็ว่าได้
มาดู 5 ปีต่อมาซิ รีสอร์ท หน้าตาสร้างสรรค์ผุดขึ้นกันเป็นดอกเห็ด เหมือนไม่ใช่บ้านนอกแล้วนะ
ป้าซิ่งเห็นแล้วก็ดีใจด้วยกับคนในท้องที่นั้น ได้มีที่ทำมาหากิน
นอกจากที่จะปลูกข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง และ ปั้นโอ่ง

The Scenery ในวันนี้ที่ป้าซิ่งหวลกลับมาดู ธุรกิจฟาร์มแกะ ต้องยกให้ความคิดของเจ้าของจริงๆค่ะ
เม็ดเงินวันสุดสัปดาห์ หลายหมื่นอยู่ คนไทยเราใจดี สิ่งใหม่ๆได้สัมผัสแกะที่เชื่องอยู่รอบๆตัว
แถมได้ความรู้สึกที่ดีเวลาให้หญ้าแก่แกะจากปลายมือเรา

























โซนร้านอาหารของ The Scenery เพิ่งได้เห็นหน้าตาค่ะ
เพราะสมัยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มันไม่มีแบบนี้
ป้าซิ่งกับครอบครัวต้องจ้างให้พนักงานของรีสอร์ทออกไปซื้อด้านนอกรีสอร์ท
พนักงานที่นี้เขาบริการให้กับลูกค้าอยู่แล้วค่ะ
แม้แต่ตอนกลางคืน ย่านนั้นมืดน่ากลัว ไม่คึกคักเหมือนปัจจุบันนี้
ชั้นระเบียงด้านบนของที่พักแสนจะโรแมนติก กินข้าวท่ามกลางแสงเทียน

แต่มาวันนี้เราก็อยากอุดหนุนสเต็กค์ของเขาอีกแล้ว
ปรากฎว่าไม่อร่อย อย่างที่คาดคิด แต่อยากนั่งดูวิว กินเพลิน ทำนองนั้นมากกว่า













เสร็จจากกิน เราก็ไปรีแลกซ์ด้านในเลยเข้าไป
จะเป็นธารน้ำร้อนบ่อคลึง



เขาจะมีบริการสระดิน กับ สระกระเบื้อง ถ่ายมาแต่สระดิน ส่วนสระกระเบื้องอยู่ไม่ไกลกัน
มีราคาบริการแช่น้ำแร่ ในแต่ละสระราคาประมาณ 30-50 บาท



ทางไปดูต้นกำเนิดของลำธารน้ำร้อน เดินเข้าไปอีกไม่ไกลเท่าไร






เสร็จจากดูลำธารน้ำร้อน เราก็จะไปน้ำตกเก้าชั้น ซึ่งก็ขับลึกเข้าไปอีกนิดเดียว








ตอนเช้าวันใหม่ ขับรถเลยที่พักบ้านฟลินท์สโตนส์ไปอีกหลายนาที
กะว่าจะไปวิ่งเล่นบนเขากระโจมซักหน่อย



ไปถึงปรากฏว่า รถ 4wD รถรับจ้างพร้อมลุยขึ้นเขากระโจมหมดซะแล้วค่ะ
เพราะนักท่องเที่ยวเหมาขึ้นเขากระโจมกันไปหมด คงอีกหลายชั่วโมงกว่าจะลงมา เพราะเพิ่งหมดไป
เลยได้แต่ถ่ายทิวทัศน์ยามเช้าพระอาทิตย์กำลังจะขึ้น