bloggang.com mainmenu search





โทรหาแท๊กซี่อาบังโพกหัวไว้เมื่อคืนวาน บอกให้มารับที่โรงแรมราหุล
ตอน 9:00 เช้า เพื่อบินภายในประเทศไป Khajuraho
โดยสายการบิน Indian Airlines ไฟล์ทบิน 11:35
ก็ตามระเบียบนิยามแม่สายบัว กว่าจะระเห็ดออกได้
ก็ปาเข้าไปบ่ายโมง กว่าจะถึงฃชุราโหก็บ่ายสองโมง







พอถึงสนามบินก็รีบเดินอยากว่องไว
เพราะไม่มีกระเป๋าเช้คอิน มีแต่เป้ติดตัวอยู่แค่หนึ่งใบ
ออกมาก็โดนอาบังเข้ามารุมหลายคน
ถามไปแท๊กซี่ไหม ไปโรงแรมไหน
พร้อมกับมีตารางราคาค่าแท๊กซี่ให้ดูเสร็จด้วย
ฉานก็หาคนหน้าตาที่น่าไว้ใจได้ พูดจาดีหน่อย
ก็ได้รถมา 1 คันพร้อมคนขับและเพื่อนคนขับอีกหนึ่ง
ดีที่เคยเจอะสภาพมีคนขับพร้อมเพื่อนคนขับจากเดลีมาบ้างแล้ว
ก็เลยไม่ตกใจว่า จะโดนรุมสองหรือเปล่า
ด้วยราคา 600 รูปีแล้วแต่เราจะไปที่ไหน กลับเวลาไหนก็ได้ตามใจ
เราก็ตกลงใจ พอขึ้นรถก็บอกว่า พาฉันไปโรงแรมที่สะอาดและดูดี
ราคาไม่แพงหน่อยแล้วกัน เพราะฉันไม่ได้บุ๊คโรงแรมมา
เจ้าคนเป็นเพื่อนจะเป็นคนคุยกับอิฉานเป็นส่วนใหญ่
ส่วนคนขับมีหน้าที่ขับอย่างเดียว
ขับมาไม่ถึง 10 นาทีก็แวะดูโรงแรมหนึ่งชื่อว่า
USHA BUNDELA สอบถามคืนหนึ่งราคาอยู่ที่ 1,950 รูปี
เห็นห้องก็สะอาดน่าอยู่ เลยตกลงค้างที่นี่
บอกอาบังที่เป็นเพื่อนคนขับว่า รอ 5 นาทีนะ
ฉันจะเอากระเป๋าไปเก็บก่อน
อิฉานรับกุญแจห้อง รีบทำธุระส่วนตัวแล้วก็ล๊อคห้อง
เพื่อไปวิหารกันทาริยา มหาเทพ ตามใจฝัน






อาบังบอกว่าเมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆมีถนนที่อำนวยความสะดวกเพียงเท่านี้
และมีวัดอยู่แค่ 3 วัด ส่วนที่อื่นๆก็มีวัดอีก แต่ไม่มีถนนเข้าไป
ส่วนใหญ่จะเป็นป่า ที่ยังไม่มีถนนให้รถวิ่งเข้าไปได้
ก็เข้าล๊อคตามที่อิฉานศึกษามาก่อน ที่จะมาฃชุราโหอยู่เหมือนกัน

มองรอบบริเวณมีแต่ฝุ่นดินแดง แม่น้า และ ป้าเขา
สักพักก็ถึงวิหารกันทาริยา เสียค่าผ่านประตูคนละ 250 รูปี
วันเวลาเปิดและปิดไม่มีกำหนดเวลาเมื่อไหร่
ให้ดูพระอาทิตย์ขึ้น จะเปิดทำการ
พระอาทิตย์ตก ก็จะปิดประตู
ภายในบริเวณรอบวิหารดูสะอาดตา
มีสวนหญ้าอันกว้างใหญ่ ต้นไม้ใหญ่ก็มีอยู่บ้าง
ส่วนนักท่องเที่ยวมีเยอะทุกวัน
เพราะหมู่วิหารที่เมืองฃชุราโห ได้รับการยกย่องว่า
เป็นเลิศในลักษณะเด่น 3 ประการคือ
ด้านสถาปัตยกรรม, ด้านประติมากรรม ,
และภาพแกะสลักกามาวิจิตรรอบวิหาร
และได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกของ
สหประชาชาิติให้เป็นมรดกโลกคือ
ฃชุราโหเป็นที่ตั้งของหมู่วิหารของศาสนาเชนและฮินดู
ทีสร้างด้วยหินทรายมีอายุมากกว่า 1,000 ปีเศษ
สวยงามเป็นเลิศด้วยสถาปัตยกรรมอินเดียแบบอินโด - อารยัน














ภาพแกะสลักภายนอกวิหารด้านนอก ส่วนใหญ่
จะเป็นภาพอิโรติกที่เรารู้จักกันดีแล้วทั้งนั้น
บางคนอาจสงสัยว่า สถานที่สำคัญทางศาสนาเช่นนี้
เหตุใดเขาจึงเอาภาพที่ดูเหมือนจะสร้างกิเลส
และตัณหาของมนุษย์เขามาเกี่ยวข้อง
เพราะเจตนาที่กษัตริย์ราชวงศ์จันเดลละ
สร้างวิหารถวายเทพเจ้าประการแรกคือ
เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ และเหตุผลที่สร้างภาพประติมากรรม
กามสูตรมาประดับรอบวิหาร ก็เป็นหนึ่งเครื่องบวงสรวงเทพเจ้า
ที่พวกเขานับถือศรัทธา ตามความเชื่อในยุคสมัยจันเดลละ
ซึ่งมีอยู่ 4 ประการคือ ได้กินเนื้อสัตว์ ,ได้กินปลา,
ได้ดื่มสุรา, และได้เสพเมถุน
เครื่องบวงสรวงจึงประกอบด้วยสิ่งเหล่านี้
ส่วนภาพกิจกรรมต่างๆที่มีภาพการร่วมประเวณีระหว่างคนกับสัตว์
ก็เป็นเรื่องปกติระหว่างสงคราม กองทัพไม่มีผู้หญิง
และเมื่อทหารเกิดอารมณ์เพศขึ้นมา
จึงหันไปปลดเปลื้องกับสัตว์ที่อยู่ในกองทัพ














ออกจากหมู่วิหาร คนขับรถที่รออยู่แล้ว
ก็รับไปเที่ยวอีกวัดของศาสนาเชน
ศาสดาของเชนมีชื่อว่า มหาวีระ
การปฏิบัติเหมือนศาสนาพุทธคือถือศีลห้าเหมือนกัน
เพียงแต่ว่าบางคนเคร่งมากจะไม่นุ่งผ้า
ผ้าผ่อนนั้นผลิตมาจากพืช ซึ่งถือว่าเป็นการเบียดเบียน
กินผลไม้ก็ต้องรอให้หล่นถึงจะกินได้
เจอะมด ก็ต้องปัดไปห้ามฆ่า








จบจากวัดมหาวีระ อาบังพาไปอีกที่มีลักษณะเหมือนสถูป
ดูแล้วคล้ายๆที่เคยดูผ่านมา ก็เลยดูได้นิดหน่อย
จากนั้นอาบังก็ขับรถพาไปดูสินค้าที่ลือชื่อของเมืองนี้
เลยได้หินแกะสลักเป็นที่ระลึกของเมืองนี้มาหนึ่งอัน
ส่วนสถานที่ซื้อสินค้านี้ ตกเย็นมีการแสดงระบำแขกด้วย
เป็นHall เล็กๆที่นั่งเป็นกำมะหยี่สีแดง น่านั่งดูเหมือนกัน
แต่ไม่ได้ไปดู เลยกลับเข้าที่พักดีกว่า






ถึงห้องก็อาบน้าไปด้วย และจุดเทียนในห้องน้าด้วย
เผื่อกันไฟดับ จะได้มีเทียนไว้เป็นที่พึ่ง จะได้ไม่กลัว
ปรากฏว่้าพออาบเสร็จ ไฟดับไป 2 ครั้ง
แต่ก็ไม่กี่นาทีเท่านั้น ดูทีวี หนังอินเดียก็เพลินดีเหมือนกัน
พระเอก นางเอก เต้นสนุกดี เพลงเดียว
เสื้อผ้าเปลี่ยนไปแล้ว 4 - 5 ชุด
แดนเซอร์ชาย หญิง เต้นได้พร้อมเพรียงดีจริงๆค่ะ
ดูไปก็กินสปาเก็ตตี้กับชามาซาลา 1 กาไปด้วย
สปาเก็ตตี้ก็ลองแบบอินเดีย จานอย่างกับกาละมัง
กินไปได้แค่ครึ่งเดียวก็อิ่มแล้ว นอนดีกว่า

วันรุ่งขึ้นวันที่ 18 ไม่มีอะไรทำ ออกไปดูวิหารกันทาริยา อีกรอบ
เพราะเวลาบินกลับเข้าเดลีคือเวลาสี่โมงเย็น
เจอะนักท่องเที่ยวที่มาคนเดียวเหมือนกันแต่เป็นผู้ชาย
มาชวนคุยด้วย เลยคุยกันถูกคอ เลยให้ถ่ายรูปเราให้หน่อย
โพสท่าซะรอบวิหารเลย คิดว่าได้รูปเยอะก็คราวนี้แหละค่ะ

*โอกาสหน้าติดตามไปเที่ยวชัยปุระและป้อมปราการแอมเบอร์

เตียงนวดที่โรงแรม USHA BUNDELA
/



Create Date :05 ธันวาคม 2549 Last Update :14 ธันวาคม 2551 7:43:45 น. Counter : Pageviews. Comments :0