bloggang.com mainmenu search
วันที่ 24 กรกฏาคม 2006

วันนี้เป็นวันเดินทางไปเชียงใหม่ ไม่ใช่เป็นการเที่ยวครั้งแรกและก็ไม่ได้เป็นคนเชียงใหม่ แต่รักผู้คนทั่วไปที่นั้น
รักอาหารการกิน รักสิ่งทอ และรักเผ่าพันธ์ที่ใส่ชุดสีสรรค์เครื่องห่มกายที่แปลกตา รักที่จะได้ยินสำเนียงเสียงที่ทำให้ เราสดใส ก็ตรง
เจ้า เจ้า นี่แหละ น่ารักที่สุด
วันเดินทาง เรามาพร้อมกับเด็ก เด็ก ก็ลูกชายเรานั่นเอง น้องสาวขับรถมาส่งที่สนามบินภายในประเทศ เราบินกับการบินไทย ส่วนน้องสาวไม่มีทีท่าว่าจะไปหรอก นึกว่าจอดรถริมฟุตบาธ
ลำรากันแล้วก็จะกลับบ้านเลย ส่วนเราก็หอบลูกไปเที่ยวตามยถากรรมต่อไป ที่ไหนได้ค่ะ พอเช็คอินเสร็จ เราเดินมาตรงทางออก
น้องเราคนเดิม คนที่มาส่งนั่นแหละ มาคอยตรงทางออก ปากน้องเราก็
พงาบๆว่า ตรูไม่มีที่จะไป ขอไปด้วยคน เราก็ตกใจซิ จิกตัวเองก่อน
นึกว่าเป็นวิญญาณขอติดตามไปด้วยคน ที่แท้มันเรื่องจริงนี่หว่า
เออ!แล้วไป นึกว่ามาส่งเรารำลา say goobbye เสร็จ ไปโดนรถสอย วิญญาณดีดตัวออกมา ขอไปเที่ยวด้วยซะแล้ว

แหม!เล่นเอาต๊กกะใจหมด จะไปก็ไปซิว่ะ แล้วเอ็งจะไไปกี่วัน มีเงินเปล่าเนี่ย เราก็ถามไป น้องบอกขอค้างด้วย 1 วัน เงินค่าตั๋วเครื่องบินไม่มีว่ะ ดู๊ดู !
ไอ้เราเดินไปก็คิดไป มันอะราย.....ของมันฟะ เดินไปเรื่อยๆก็มาจ่อ
ตรงเค๊าเตอร์แอร์เอเชียเข้าพอดี เหมือนโชคเข้าข้างน้อง เราก็อยากมีคนช่วยดูลูกซักวันก็ยังดี ไป 4 วัน 3 คืน ท่าทางจะปวดหัวไมเกรนแทรก ก็สอบถามแอร์เอเชียว่าไปเชียงใหม่เท่าไหร่คะ
พนักงานก็ตอบว่า ไป 1,800 บาท ซื้อขากลับด้วยก้อ 3,600 บาทคร๊าบ
เราก็หันขวับไปบอกทันที มรึงเอาไงเนี่ย แล้วรถต้องรีบไปทำการฝากรถด่วนเพราะอีกเครื่องเอ็งที่เวลา40 นาทีลงไล่เลี่ยกันจะออกแล้วนะ (ออกก่อนเราอีก แต่น้องสาวบอกตรูรอเอ็งได้)
ส่วนเราและลูกอีกชั่วโมง ก็จะบินแล้วนะ พร้อมกับควักกะตังค์ให้ไป
4,000 บาท แบบงงๆและเข็มขัดสั้น (คาดไม่ถึง)
เราว่าน้องเรามีเครื่องรางของขลัง สามารถทำให้เราล้วงตังค์ส่งได้
ไม่เกินลมหายใจ เข้า ออก

และแล้วก็มาเจอะน้องเราที่สายพานลำเรียงสัมภาระที่บอกว่า TG 106
มารับกระเป๋าได้ที่สายพานนี้จ้าาาาา ส่วนน้องเรามาแอร์เอเชีย ไม่มีกระเป๋าเสื้อผ้า มีแต่ผ้าเช็ดหน้าและยาดม
และุกระเป๋าตังค์ใบน้อย เวรกรรมของเรา เราก็ต้องบริจาค
เสื้อผ้าให้น้องเราอีกซินะ เฮ้อ ตัดสินใจเร็วก็เป็นซะงี้
================================-

พอถึงทางออกมีพนักงาน D2Hotel มารับมีชื่อเราติดบนแผ่นป้ายตัวใหญ่ พนักงานก็ยกมือไหว้ ยินดีต้อนรับคร๊่าบ
เดินตามขึ้นรถ LONDON ด้วยระยะทาง 20 นาทีกว่าจะถึงโรงแรม ภายในรถ นั่งสบายและกว้างดี



ถึงโรงแรมเช็คอิน พนักงานนำ Welcome drink มาให้ แก้วหนาใสที่นำมา
วางอยู่บนถาดแบบเอียงและกลิ้งได้แต่น้าไม่หก น่านคือลูกเล่นของที่นี่ค่ะ
มั่วแต่ดูมันกลิ้งไปกลิ้งมา เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึก
ดื่มเสร็จและเท่ห์มากแล้ว ก็ไปที่พักค่ะ406 เป็นห้องของเรา




ตามเป้าหมายต่อไปคือหาอาหารกลางวันกิน
ก็แวะไปกินที่ ร้าน Riverside (ริมแม่น้าปิง)




กินอาหารเสร็จก็อยากกินเค้กที่ลือชื่อ ก็เหมาตุ๊กๆไปร้าน Love At First Bite
เพื่อนำมากินต่อที่โรงแรม แถมจองพายมะพร้าวไว้อีก 2 ปอนด์ สัญญาว่าวันที่ 27 ขากลับจะมารับเค้กและให้เงินไปเสร็จเรียบร้อยแล้ว
กลับมาโรงแรมก็รีบดิ่งไปสระว่ายน้า เพราะเด็ก เด็ก อยากว่ายน้ากันมาก
ส่วนแม่แบบเราและน้องสาวเราก็สั่งกาแฟมา และขอจานใส่เค้กหน่อยนะจ๊ะ
เด็กๆก็กระโดดเล่นน้าได้สะดวกใจเพราะมีแต่กลุ่มเราเท่านั้นที่มาเล่นน้ายามฝนพรำ คือ นั่งตอนฝนไม่ตกจนฝนตก




ตกเย็นออกไปดินเนอร์รอบทุ่มที่ คุ้มขันโตก
จะมีรถของคุ้มขันโตกมารับและส่งตามโรงแรมที่พัก
ค่าบัตรดินเนอร์พร้อมชมการแสดง
ผู้ใหญ่ 350 บาท เด็กครึ่งราคา



ในขันโตกจะมีน้าพริกหนุ่ม, ผัดอักน้ามันหอย, หนังหมูกรอบ ,แกงมัสมั่ส
ไก่ทอด ,หมี่กรอบ
ส่วนตัวดิฉันเคยดูการแสดงแบบนี้บ่อยแล้วก็เป็นเรื่องปกติ
ส่วนเด็กๆชอบและหัวเราะกับพี่หนุมานลงมาถ่ายรูปด้วย
และได้ถ่ายรูปกับเด็กๆที่ทางคุ้มขันโตกนำสาวๆใส่ชุดไทยหรือไม่ก็ชุดแม้ว
ถ่ายร่วมด้วย สนับสนุนราคา 100 บาทพร้อมกรอบผ้าไหม ไม่ซื้อเขาก็ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ
การแสดงเสร็จเวลา 3 ทุ่ม





===== วันที่ 25 กรกฏาคม 2006 ======

วันนี้เช่ารถตู้ที่เตรียมจองไว้ตอนรู้ว่าจะมาเชียงใหม่
จองรถไว้แค่ 2 วันคือวันที่ 25 กับ วันที่ 26
ส่วนวันที่ 24 ขามาและวันที่ 27 ขากลับเป็นหน้าที่ของโรงแรมดีทูตามสัญญา
พวกเรากินอาหารเช้าที่โรงแรมก็เริ่มออกเที่ยวกันตอนเวลา 10 โมงเช้า
จะไปดูกระเหรี่ยงคอยาวที่อำเภอเชียงดาว เพิ่งเปิดให้เข้าชมมาได้ปีกว่าๆ
ที่อำเภอเชียงดาวระยะทางจะใกล้กว่ากระเหรี่ยงที่ท่าตอนมาก ก็เลยดูที่ใกล้ๆ
เพราะมีโปรแกรมอื่นที่เราจะไปเที่ยว รวมด้วยอากาศขมุกขมัวเพราะฝนฟ้าไม่เป็นใจ
ก็มาที่เชียงดาว ตกใจเสียค่าดูด้วยคนละ 500 บาทเฉพาะผู้ใหญ่
เคยไปแม่ฮ่องสอนไม่เสียค่าดูนี่นามีแต่เสียเงินค่าเรือยาวไปดู
ที่สำคัญที่เชียงดาวจะเป็นการจัดฉากเพื่อเอาใจนักท่องเที่ยวมากกว่า
ไม่เหมือนที่เราเคยไปเห็นที่แม่ฮ่องสอนดูความเป็นอยู่เป็นธรรมชาติมากๆ
แต่เอาแหละ เราอยากให้ลูกได้เห็นกระเหรี่ยงคอยาวและถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกด้วย
เดินแค่ 15 นาทีก็จบแล้ว





แล้วพวกเราก็มานมัสการพระธาตุดอยสุเทพ
ด้วยความตั้งใจที่จะขึ้นไปนมัสการ
เราก็ซื้อกระดิ่งไปแขวน และผ้าเหลืองห่มองค์พระวันเกิด
ขาขึ้นนั่งกระเช้าไฟฟ้า ส่วนขากลับเราเดินลงบันได









เดินลงบันไดมาก็ไม่ลืมแวะกินแหนมวุ้นเส้นย่างตรงทางลง
อร่อยดี

ได้เวลา 4 โมงเย็นไปบ้านคุณวัฒน์เพื่อนสมาชิกที่ใช้นามแฝงว่า "บงกช"
เคยมาครั้งหนึ่งแล้วคือตามก้นป้าเกษ(inhouse)มา วันนี้มีโอกาสได้มาอีกเป็นครั้งที่ 2
บ้านใหญ่หลังงามบนเนื้อที่ 11 ไร่พร้อมไร่ลำใยเด็ดกินได้ตามสบาย
บ้านก็งาม คนในบ้านและครอบครัวก็น้าใจงามแถมใจดีไม่แพ้ตัวบ้าน
เห็นข้างบ้านมีบ่อปลาด้วย ก็พอดีเอาของฝากเป็นกระเช้าตากปลา 3 ชั้น เป็นตาข่ายมีซิปรูด มอบให้คุณวัฒน์ไป
ส่วนคุณลูกชายดิฉันก็ให้นาฬิกาติดฝาผนังการ์ตูนดิสนีย์ เด็กจะได้หัดดูตัวเลขเวลาได้




ส่วนคุณวัฒน์และภรรยาก็ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี
มีโต๊ะรับแขก เก๋ไก๋ด้วยช่อลำใยวางไว้ ควบคู่กับน้าดื่มสะอาด น้าแข็ง
และน้ากระเจี๊ยบที่ทำเองในบ้าน ไม่หวานมาก อร่อยชื่นใจดีเหลือเกินค่ะ
ขอบคุณมา ณ . ที่นี่ด้วยค่ะ


คุยกันได้สักพักก็ถึงเวลาเดินทางไปดินเนอร์ต่อที่
"ผาลาดตะวันรอน"
ภรรยาคุณวัฒน์ได้จองโต๊ะไว้ให้เป็นอาทิตย์แล้ว โดยเราเป็นฝ่ายขอร้อง
ให้มาร่วมทานอาหารด้วยกัน เพราะอยากกินบรรยากาศและลิ้มรสอาหารที่นี่อีก
เรามาเป็นกลุ่มที่ 3 ของร้าน สักพักคนเริ่มทะยอยกันเข้าร้าน
ในที่สุดคนก็เต็มโต๊ะด้านนอก ส่วนด้านในดูโหรงแหรง








กินกันได้ประมาณ 2 ชั่วโมง ฝนก็ตกลงมา ก็เลยต้องเลิกลากัน
พอดีน้องสาวกลับไฟล์ท 3 ทุ่มด้วย แถมคุณวัฒน์ให้ลำใยมาอีกถุงเบ้อเร่อ
เอาไปฝากเผื่อป้าเกษด้วย
เราส่งน้องสาวเสร็จ ก็เข้าโรงแรมพักผ่อน เพื่อวันรุ่งขึ้นไปแอ่วเชียงราย

====== วันที่ 26 กรกฎาคม 2006 ======

รถตู้มารับเราและเด็ก เด็ก ตอน 9 โมงเช้า
ไปถึงวัดร่องขุ่นกันตอนเที่ยง
วัดเน้นสีขาวพราวสะอาดตา มีแผ่นกระจกแซมสวย
ยามเมื่อแสงอาทิตย์ส่องเหมือนดาวเต้นระยิบระยับ
งดงามด้วยศิลปะไทยๆอ่อนช้อย เคยมาเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว เห็นมีสวนเพิ่มขึ้น





ต่อไป ไปที่สวนแม่ฟ้าหลวง เพื่อแวะดูดอกไม้ในสวนสวย
และประติมากรรม แต่ไม่ได้ขึ้นไปพระตำหนัก จึงเสียค่าผ่านประตู
ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็กสูงเกิน 120 ซ.ม.เสียค่าผ่านประตูเท่าผู้ใหญ่
สวนไม้ดอกไม้ประดับก็สวยงามเช่นเคย
แุถมฤดูนี้มีดอกกระเจียวเข้ามาแจมด้วย ทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นเยอะ
เขาจัดที่นั่งตรงดอกกระเจียวรายล้อมพอดีเลย
ได้รูปมาชื่นชมแล้ว ดีใจจัง แต่เหมือนฟ้าไม่เป็นใจ ฝนตกลงมาอีกแล้ว
ก็รีบโกยกันแหน็บ ดีที่รถมารอตรงทางออก
ต่อจากนั้นฝนก็ตกลงมาซู่ใหญ่ๆตลอดทางกลับด้วยระยะเวลา
3 ชั่วโมงกว่าจะึถึงโรงแรม ให้ค่าใช้จ่ายคนรถเสร็จ ก็ขอบคุณด้วย
เพราะในโอกาสหน้าเราต้องเจอะกันอีกในวันลอยกระทง
เราและเด็ก เด็ก ก็นอนเล่นกันในโรงแรม
ฝนนี้ก็ตกยันเช้าเลยทีเดียว




======== วันที่ 27 กรกฎาคม 2006 ======

วันนี้เช็คเอ๊าท์กลับบ้านแล้วเจ้า.......
ฝนก็ยังตกอยู่แต่ไม่มากมาย ไม่ต้องกางร่มก็ได้ ทำเก่งอีก
(ผลสุดท้ายก็เป็นหวัดไป 2 อาทิตย์)
บอกพนักงานที่เค๊าเตอร์ว่าฉันจะทิ้งเด็กไว้สักพักนะคะ
เพราะฝนตกไม่อยากเอาเด็กไปด้วย
จะออกไปตลาดวโรรสแป๊บนึง เดี๋ยวมานะจ๊ะ
พนักงานก็รับปากค่ะ ส่วนเราก็รีบๆทำเวลา

ไปซื้อของฝากกลับบ้านที่ร้านดำรงค์
ซื้อไส้อั่ว ,น้าพริกหนุ่ม ,แค๊ปหมูติดมันกับไม่ติดมัน,
แหนมกระดูกหมูอ่อน ,หมูยอ ,แหนม
ใส่กล่องผนึกให้อย่างดีเพราะเราต้องนำขึ้นเครื่อง
ซื้อเสร็จคนขายบอกว่า ไว้โทรมาสั่งก็ได้นะคะ
จะให้คนเอาของไปส่งให้ที่สนามบินเลยค่ะ
เราก็บอกว่า อุ๊ย.... ดีจังค่ะ ไว้โอกาสหน้าจะใช้บริการค่ะ
รับนามบัตรมาแล้วก็เผ่นกลับโรงแรมด่วน
มีเวลาก็ส่งรถด่วนไปให้ป้าสายภูเก็ต 5 แพ็ค
ขานี้ชอบกินรถด่วนไม่แพ้ป้าซิ่งนะคะ
เห็นไปรษณีย์ด่วนอยู่หลังโรงแรมพอดี ก็เดินตากฝนออกไปอีก
ได้เวลาเดินทาง รถโรงแรมก็ไปส่งที่สนามบินตามสัญญาการพัก



ไปถึงสนามบินเชียงใหม่ เูช็คอินกระเป๋าเสร็จ
ก็ออกมานอกสนามบินอีกเพราะคุณวัฒน์และภรรยาขับรถมารอ
เพราะจะมารับไปเลี้ยงติ่มซำส่งท้ายเจ้าอร่อย


ติ่มซำเขาอร่อยดีค่ะ ราคาไม่แพงด้วย
มีกระเทียมเจียว มีผักชี แตงกวา น้าซอสเติมได้ตามความพอใจ



แถมคุณภรรยาก็เป็นธุระไปรับพายมะพร้าวที่ร้าน Love At First Bite
ให้อีก สั่งไว้ 2 กล่อง แถมลำใยเด็ดจากต้นอีก เรียกว่าต้องเช็คอินลำใยเข้าเครื่องกันอีกรอบ
ส่วนเค้กหิ้วขึ้นเครื่องไปเอง เป็นอะไรที่มันส์มากกกกก




เช็คอินอีกครั้งเสร็จ ก็รำลาภรรยาคุณวัฒน์และขอบคุณมากๆ
ที่มาส่งแถมเลี้ยงติ่มซำจนท้องตุง ขอบคุณมากๆๆค่ะ
ส่วนคุณลูกเราก็เข้าเล้าจน์ที่สนามบินกันต่อ
เล่นเกมส์ที่จอคอมพ์ และกินขนมเค้ก
ท่ามกลางคุณแม่ที่เหน็ดเหนื่อยแต่มันส์ดีค่ะ



เครื่องลงที่ดอนเมืองน้องสาวมารับ
แต่ยังไม่ตรงเข้าบ้าน ไปแวะห้างฯแถวลาดพร้าวต่อ
เพื่อไปหาป้าเมล สมาชิกพันทิป ที่ทำพิธีชาชักคะเย่ออยู่แถวนั้น
เอาพายมะพร้าวให้ป้าเมล ขืนเอาไปช้า พายมีหวังเละมากยิ่งกว่านี้
อีกอันไว้กินกันในครอบครัวเรา

*จบ*



วันลอยกระทงที่จะมาถึง จะไปวันพืชสวนโลก
จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง วันที่ 31 มกราคม 2007
มีเวลาเยอะมากเลยค่ะ ไหนๆจะไปลอยกระทงก็จะแวะดูด้วย



Create Date :25 สิงหาคม 2549 Last Update :14 ธันวาคม 2551 8:04:45 น. Counter : Pageviews. Comments :0