อนุญาติขอยืมรูปจากเพื่อนในห้องหัวใจเดินทาง คุณ อยากเห็นท้องฟ้า นะคะ
เมื่อปีที่แล้ว ไปขึ้นเขาคิชฌกูฏที่จังหวัดจันทบุรีไปถึงผ้าแดงไม่สำเร็จ
ปีที่แล้วนั่นเองก็ชวนป้าเกษ ป้าที่แสนดี น่ารัก คุยสนุก บอกป้าๆๆ
ปีหน้าไปขึ้นเขาคิชฌกูฏกันนะ ป้าบอกทันทีเลยว่าไปๆๆกันค่ะ
เพราะฉะนั้นโปรแกรมเราจึงมีความตั้งใจมาเป็นแรมปี
พอมาปีนี้2550หมายกำหนดเปิดเขาเป็นทางการนมัสการรอยพระบาทพลวง
เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม - 19 มีนาคม 2550
จากที่คุยกันว่าจะไปกันประมาณ 10 คนว่าจะเหมารถตู้ไปกัน
กลายเป็น 23 คน เพราะห้องหัวใจเดินทางมีการตั้งกระทู้หาคนเพิ่มไปได้อีก 2 คน
เพื่อที่จะได้ครบ 10 คน ไปๆมาๆกลายเป็น 23 คน
แบบว่าตัวเราอยู่ญี่ปุ่น การติดต่อที่พักและหารถตู้ค่อนข้างทะลังทุเล
ด้วยว่าค่าใช้จ่ายในการติดต่อโทรหาที่พักและรถนำพาไปอาจเสียอัตราสูง
ผู้รับเหมาภาระนี้ คือ พี่นา ต้องขอขอบคุณธุระทุกอย่าง ที่ผ่านไปโดยสมบูรณ์
และได้ความประทับใจ สนุกกันทุกคน ณ หาดเจ้าหลาว "บ้านชมทะเล"
การเดินทาง เริ่มกันตอนเที่ยงคืนในคืนวันที่ 23 กุมภา ล้อหมุนเวลา ตีหนึ่ง วันที่ 24
ไปถึงตีนเูขาคิชฌกูฏกันประมาณ ตีห้าครึ่ง บรรยากาศในวันนั้นผู้คนล้นหลาม
พวกเรารอหมายเลขขึ้นรถ รอเป็นอันดับที่ 116 กว่าจะได้ขึ้นรถที่เขามีไว้บริการ
ก็ประมาณ หกโมงกว่าๆ รอนานแป๊บๆค่ะ เพราะรถมาเร็ว คนขึ้นเร็ว
อัตราเงินค่าขึ้นเขาชั้น 1 ราคา 40 บาท ขึ้นเขาชั้นต่อไปราคา 50 บาท
ติดธูปเป็นวงกับภูเขา มีความหมายว่า คำชีวิตดวงชะตาตนเอง
วิธีติดให้ได้เป็นวง ให้ดูร่องผิวหินพอที่จะให้ก้านธูปลงไปได้
ก่อนจะถึงรอยพระบาทต้องผ่านประตูสวรรค์ก่อน
ถึงบริเวณนมัสการรอยพระบาท
/
/
สิ่งบูชาบนรอยพระบาท อันได้แก่
ข้าว ,ตอก, ดอกไม้ มีดาวเรือง, มะลิ, กุหลาบ, ธูป, เทียน
เหรียญเงิน ,เหรียญทอง หมายถึงเศษสตางค์
และเศษพลอย
/
/
พระครูธรรมสรคุณ(ท่านพ่อเขียน )
วันเกิดของท่านตรงกับวันที่ 18 มีนาคม
ปีที่แล้วได้ไปตรงกับวันเกิดของท่านพอดี
เราได้ไปถึงแค่รอยพระบาท ซึ่งเป็นบริเวณที่ท่านพำนักอยู่พอดี
วันนั้นฝนตกลงมา เวลาก็เย็นด้วยเลยรีบลงจากเขา กลัวมืดค่ะ
จึงเป็นเหตุให้ต้องมาใหม่ในปีนี้ เพื่อจิตมุ่งหมายต้องไปให้ถึงผ้าแดงให้ได้
ใครที่ยังไม่ได้ไป น่าไปนะคะ ก่อนที่การพัฒนาจะมีรูปแบบใหม่
การขึ้นเขาอาจจะสะดวกขึ้นมากกว่าเดิม
เพราะมาปีนี้เห็นมีบันไดมากขึ้นกว่าเดิม
ดิฉันชอบเนินดินมากกว่าค่ะ รู้สึกเป็นธรรมชาติ ลำบากแล้วขลังดี
ถึงแล้วบริเวณผ้าแดง
ขากลับแถวบริเวณพระแม่กวนอิมและศาลพระภูิมิ
มีทางลัดลงเขา ซ้ายขวาจะเป็นป่า มีทางเดินเป็นดิน
จะไม่มีคนสวนขึ้นมา ทำให้เดินลงเขาจากจุดนั้นไปถึงบริเวณที่จอดรถชั้น 2
ใช้่เวลาลงแค่ 30 นาทีเองค่ะ แต่ทางนี้ควรมีเพื่อนร่วมทางด้วยนะคะ
พอครบคนนัดกันไว้ที่ศาลาจอดรถชั้น 2
ก็ลงจากเขา ขึ้นรถกลับที่พักไปบ้านชมทะเล หาดเจ้าหลาวกันต่อไป
ตกกลางคืนมีปาร์ตี้อาหารทะเล
ปูนึ่ง 10 กิโล ที่กินกัน ไม่หวัดไม่ไหว แต่ก็หมด
ดิฉันเข้านอนตอนสามทุ่มกว่าๆ
เพราะเมื่อเมานิดๆหน่อยๆก็เรียกหาแต่หมอน
ส่วนท่านอื่นที่คอแข็งอยู่กันโน้นตี 2
ตื่นเช้าตอน 6 โมง อากาศที่พักติดทะเลดีมาก
เราเดินเล่นริมหาดคนเดียว ซักพักป้าเกษก็ตื่นมาเห็น
เราเลยมีเพื่อนเดิน ทุกทริปเรามักจะตื่นเวลาเช้าๆกันประจำ
อาหารเช้าเป็นข้าวต้ม อร่อยมากๆ ขอบคุณเจ้าของที่พักค่ะ
ชาวไร้สังกัดกลับเข้ากรุงเทพฯไปกันต่ออีกที่
ส้มตำนัวแถวถนนนวมินทร์
กินส้มตำกันเสร็จก็ปาไปสี่ทุ่ม
แล้วก็ไปต่อกันที่ ซิตี้คาราโอเกะ
กว่าจะจากลากันก็ตี 2
เป็นลูกค้ากลุ่มสุดท้ายที่เดินออกจากซิตี้
คุยๆลืมรูปร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ หมูเลียงร้านป้าติ๊ดไปซะแล้ว
เป็นก๋วยเตี๋ยวที่ขึ้นชื่อของเมืองจันท์
ไปก็อย่าลืมเรียกกินเส้นเล็กนะคะ เส้นนุ่มเหนียว อร่อยดีค่ะ
แวะซื้อของฝากด้วย
==@@บล๊อคนี้ไม่มีคอมเม้นต์เหมือนเดิมค่ะ@@==
จะคุยกันในกระทู้กันก่อนหน้านี้ซะนานแล้ว
แต่อยากเก็บบล๊อคไว้เป็นไดอารี่ส่วนตัว พร้อมเก็บรูปไว้เป็นประโยชน์
บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ