bloggang.com mainmenu search
ทริปไปเที่ยวเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ไม่นึกเลยว่าจะมีหนังเรื่อง The Tourist
(ชื่อไทยใช้ชื่อว่า ทริปลวงโลก) มาให้ดูตบท้าย
หนังเข้าฉายที่เมืองไทยเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2010 ที่ผ่านมา
ส่วนครอบครัวป้าซิ่งไปเที่ยวเมืองเวนิสขณะที่หนังยังไม่เข้าฉาย
คือไปเมืองวันที่ 26-28 ธันวาคมก่อน 4 วันหนังฉาย เขาฉายกันไปแล้ว
เรายังไม่ได้กลับมาเมืองไทยเลย เพิ่งไปดูมาเมื่อวาน (5 Jan 2011)

ไปดูมาแล้วดีใจจัง เหมือนได้สัมผัสเงาของหนังมาหมาดๆ
ฟลุ๊คที่เราพักโรงแรมอยู่ใกล้ๆโรงแรมที่เข้าใช้เล่นในหนัง
แต่ไม่หรูเหมือนของเขาหรอก ของเราคิดเป็นเงินไทยก็คืนละ 6,000 บาท
โรงแรมเท่าขนาดห้องเกสเฮ้าท์ที่เชียงใหม่ราคา 500 บาท หุ หุ
อย่างในหนังคงคืนละหลายหมื่นแน่ๆเลย
ได้ถ่ายตลาดผลไม้ที่ป๋าจอห์นนี่ เด๊ปป์ กระโดดจนหลังคาผ้าใบทะลุ
ปัจจุบันหลังคาตอนนี้มิน่าล่ะ ขาวสะอาดเชียว
นี่ถ้าได้ดูหนังก่อนไป คงสนุกกว่านี้แน่เลย






มาเริ่มเล่าความการเที่ยวตามสไตร์ป้าซิ่งแบบเดิมๆกันดีกว่า
การเดินทางโดยรถยนต์ใช้ปั้วเป็นโซเฟอร์
เราออกจากเมือง Stuttgart ที่ประเทศเยอรมัน เมื่อวันที่ 25 Dec.ราวบ่ายสามโมงครึ่ง
ด้วยอุณหภูมิติดลบ - 17 องศา หิมะสูงจากพื้น 20 cm.
ขับรถไปหาที่พักอาศัยฟรีที่บ้านน้องสาวอยู่เมืองซูริค
โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งถึงบ้าน 1 ทุ่มกว่าเพราะต้องระวังเรื่องถนน
ที่สวิสเซอร์แลนด์อากาศ 1 องศาเท่านั้น

ตอนเช้าวันอาทิตย์ที่ 26 Dec.2010
เดินทางออกจากสวิสเซอร์แลนด์ไปเวนิส ( Venezia ) ตอน 9 โมงเช้า
จากสวิสเซอร์แลนด์ไปเวนิส ใช้เวลาขับรถไปประมาณ 7 ชั่วโมง
บรรยากาศระหว่างขับไปผ่านอุโมงค์ หลายอุโมงค์
ก่อนถึงด่านMilano อิตาลีบ้างที่ระยะสั้นๆไม่กี่เมตร
อุโมงค์ที่ยาวที่สุดประมาณ 16,000 เมตร ได้ (แบบจำไม่ได้แต่ประมาณเนี่ย)




สวิสเซอร์แลนด์ประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาและทะเลสาปล้อมรอบ












เวลาผ่านไปสามชั่วโมง เข้าเขต Milano ประเทศอิตาลีแล้ว





มาผ่านเข้ามาก็ต้องเริ่มควักสตางค์เสียค่าทางด่วนของประเทศเขาแล้ว
ประเทศนี้อะไรๆก็สตางค์ๆ เข้าร้านอาหารเสียค่าบริการทั้งค่าปูโต๊ะและบริการ
บริการบ้าบออะไรของมันก็ไม่เห็นดีตรงไหน จ่ายก็แพง ไม่รู้อะไรของมัน
พนักงานเสริฟทำตัวอย่างกับยากูซ่าเรียกพี่
เอาอีกแร๊ะ ยังไม่ถึงเวนิสเลย ตรูบ่นซะก่อนแล้ว เหอะ เหอะ

(เอาใหม่ๆ) มาถึงทางด่วนแรก จ่าย 1,80 Euro





ด่านที่ 2 จ่าย 1,40 Euro








ด่านที่ 3 ดึงบัตรผ่านด่าน ไปจ่ายที่ปลายทางเข้า Venezia หรือเวนิส
ช่วงเวลาดึงบัตรผ่านด่าน ได้เวลากินอาหารกลางวันพอดี
พวกเราหากินแถวๆ AutoGrill ส่วนใหญ่จะเป็นปั๊มข้างทาง
และอาหารกินง่ายๆจำพวกพิซซ่า ขนมปัง กาแฟ
เออ เข้าประเทศอิตาลี ต้องกินกาแฟกันนะ
ประเทศมันกาแฟรสชาดอร่อยถูกปาก กระเด็นถึงใจดีค่ะ
กินเสร็จ ดื่มเสร็จ แวะเข้าห้องน้ำซะหน่อยก่อนเดินทางกันต่อไป





ได้เวลาเสียตังค์ที่ด่านปลายทางที่เวนิส แล้วเย้ เห็นทะเลอยู่ร่ำไร
เสียค่าผ่านด่านที่ปลายทางไปประมาณ 15 Euro











หาที่จอดรถ ดึงบัตรเก็บไว้มาจ่ายที่หลังตอนขากลับ มีคำอธิบายที่บอร์ด






ได้ที่จอดรถที่ชั้น 10 แน๊ อืม..............
จอดรถเสร็จเอากระเป๋าเดินทางลง ช่วยกันคนละไม้ คนละมือ
รีบเผ่นลงมาด้วยลิฟ มาซื้อตั๋วไปท่องทะเลอาเดรียตริกกันซะ 3 วัน 2 คืน
ด้วยการ์ดขึ้นๆลงๆเรือโดยสารของน่านน้ำ จะขึ้นไปไหน ท่าโน้น ท่านี้ กี่ท่าก็ได้ตามสบาย จ่ายกันตามสะดวก
ของป้าซิ่งใช้การคมนาคมย่านน้ำนี้ทั้งหมด 2 คืน
จ่ายคนละ 28 ยูโร
โรงแรมที่ป้าซิ่งพัก อยู่ที่ท่าน้ำ S.Stae ใช้เวลาจากจุดเริ่มต้นประมาณ 11 นาที
จาก P.le Romahtmlentities(' >')>> S.Stae









ถึงท่าเรือ S.Stae แล้วคร๊าบ

ป้าซิ่งก็ถึงแย๊ว คร๊ะ


ต่างคนก็ถึงท่าน้ำกันเป็นที่น่าพอใจ โดยไม่รู้ชะตากรรมว่าต้อง
ลากกระเป๋าแบบจับกัง ไปอีกสะพานเล็กๆ ผ่านซอยที่เต็มด้วยขี้หมาและน้ำลาย หรือ
อาจจะมีเยี่ยวหมาหรือเยี่ยวคนไปบ้าง ก็มิอาจทราบได้
เป็นจับกังแบบโซซัดโซเซไปอีก 10 นาทีกว่าจะถึงโรงแรมที่เข้าพัก
ชื่อว่า Hotel San Cassiano " Ca ' Favretto "
( นี่ถ้าเจอะกันไม่ต้องถามนะว่า โรงแรมชื่ออะไร จำไม่ได้อ่ะ ก้อ ยาวซะขนาดนี้ )













โห๊ะ มีป้ายการันตีว่า โรงแรมสี่ดาว ด้วยนะ
ป้าซิ่งพักอยู่โซนวิวเป็นซอยน้ำเล็กๆ คือสรุปอยู่ห้องราคาถูก
ไม่ได้อยู่ห้องมีระเบียงริมน้ำที่จะเห็นวิวสวยเหมือนคนอื่นเขา
แบบนั้นห้องเท่ากัน แต่ราคาแพงกว่าห้องที่ป้าซิ่งเข้าพักค่ะ









โคมไฟแก้วมูราโน ตามสไตร์ดัดงอ มีโค้งมีเว้า อ่อนช้อยงดงาม มีสีสรรค์



หกโมงเย็นออกไปเดินเล่นยามค่ำที่จตุรัส และ ย่างเข้ามื้อดินเนอร์ด้วย
เลือกเอาซักร้านแบบไม่รู้ว่า เอาร้านไหนดีว่ะ
เอามันร้านเนี่ย มีกะทง, กะทะ, กาละมัง ,ทัพพี ,แก้วเล็ก, แก้วน้อย, แก้วใหญ่
แขวนไว้อยู่ตามเพดาน นั่งดูไปก็เพลินดีเหมือนกันนะ



















ร้านแบบนี้ค่อยน่าเสียค่าจัดโต๊ะ และ ค่าบริการ ที่เกิดขึ้นตามร้านอิตาลีหน่อยค่ะ
มีร้านแย่ๆที่บริการห่วย แต่เราต้องเสียตามกฎปกติของประเทศนี้ด้วย









อาหารที่สั่งมาทานกันในมื้อนี้











วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2010
ทานอาหารเช้าของโรงแรมกันตอน 7:30 นาฬิกา
วันนี้มีโปรแกรมสำคัญคือช๊อปปิ้ง ,นั่งเรือกอนโดล่า (ถ้าไม่ได้นั่งเหมือนมาไม่ถึงเวนิสค่ะ)

ตอนเช้าเข้าห้องอาหารเป็นคนแรก ดีเลยไม่มีคน ป้าซิ่งขอโพสหน่อย อิๆ













เปิดประตูจากห้องอาหารออกไปตรงระเบียงท่าน้ำบ้างค่ะ











ถ่ายรูปกันเสร็จก็หิวแล้ว หน้าตาของอาหารเดิมๆเป็นแบบนี้ทุกโรงแรม
เห็นแล้วก็เบื่อๆ ไม่เหมือนที่โรงแรมที่เมืองไทยเลย เปลี่ยนเมนูต้อนรับลูกค้ากันกระหน่ำ ซะใจ













เดินไปจตุรัสแบบไม่นั่งเรือ ลัดเลาะไปตามซอกซอย
มีร้านค้าให้เดินดูตั้งหลายร้าน สนุกดีค่ะ
คนไม่มีบัตรเครดิตไม่ต้องกลัว มีบัตรเดบิทก็สามารถช๊อปฯได้ค่ะ



ตลาดร้านค้าผลไม้ที่ ฉากป๋าจอห์นนี่ เด๊ปป์ กระโดดหนีตกลงมาด้วย
























ตรงจตุรัสมีศูนย์บริการนั่งเรือกอนโดล่าเยอะ
แต่เราไม่นั่งแถวนี้ เพราะเรียกแพง บอกมา 150 ยูโร
ครอบครัวป้าซิ่งไปนั่งแถวสะพานอันเลื่องชื่อดีกว่า คือสะพาน RIALTO
ราคานั่งอยู่ที่ 50 ยูโรต่อลำก็สามารถนั่งได้แล้ว
ตอนแรกคนเรือกอนโดล่าจะบอกราคา ร้อยกว่ายูโรกันทุกคน
ต่อรองราคาก็สามารถลดราคาไปได้เป็นร้อยยูโรเลยทีเดียวค่ะ











แวะกินอาหารกลางวัน และ ส่งโพสการ์ดที่สถานที่ทำการไปรษณีย์









นั่งเรือโดยสารไปลงที่ท่าที่พักของโรงแรม เพื่อเอาของที่ช๊อปฯไป
เก็บไว้ที่ห้องก่อนที่จะออกมาอีกครั้งที่สะพาน RIALTO















ครอบครัวเราสามคน พ่อ แม่ ลูก ต่อรองราคาค่าบริการนั่งเรือกอนโดล่า
ได้ราคา 50 Euro ถ้าได้นั่งตามประสาคนรักก็อย่าลืมจุ๊บๆกันนะคะ
ในบล๊อคนี้เขิล์ล เลยไม่กล้าจูบโชว์ค่ะ เสียดายจังเลย ใช่ไหมคะ
นั่งไป ยิ้มไป มีความสุขดีเหลือเกิน แต่หนาวเย็นมากเพราะฤดูกาล
ในอุณหภูมิ 0 องศา ลมพัดอากาศเย็นมาจากพื้นผิวน้ำด้วย
นั่งไป กลั้นฉี่ไป คนแจ๋วกอนโดล่า ก็เล่าบรรยายสถานที่ๆต่างๆที่อยู่ริมน้ำข้างทาง
ตลอดจนเข้าซอยเล็กๆที่ชาวบ้านอาคารเก่าที่อาศัยอยู่มายาวนาน











ตกกลางคืนหาของกินเสร็จ ก็ช๊อปฯกันต่ออีก ได้ของติดมือมาอีกนิดๆ
หนีไม้พ้นหน้ากากเซรามิค















ซื้อตุ้มหู ถูกใจมาก เดินเห็นตุ้มหูแบบนี้มาหลายร้าน
ร้านนี้รายละเอียดการเพ้นท์สวยดี ราคาไม่แพงด้วย



วันอังคารที่ 28 ธันวาคม 2010
ทานอาหารเช้าที่โรงแรม เช็คเอ๊าท์ออกจากที่พักตอน 9 โมงเช้า
นั่งเรือบัสโดยสาร ไปลงที่ท่า P.le Roma เหมือนตอนที่ขามา
ลากกระเป๋าขึ้นไปหารถส่วนตัวที่ชั้น 10 ที่เราจอดค้างไว้ 2 คืน
คิดในอัตรา 48 ชั่วโมง เสียเงินค่าจอดไป 48 Euro
เฉลี่ยชั่วโมงละ 1 ยูโร



จบซะทีค่ะ
ขอบคุณที่มาแวะชมบล๊อคนี้นะคะ
และถือโอกาส สวัสดีปีใหม่ 2011
ขอให้เพื่อนๆมีความสุข สุขภาพแข็งแรง สดใสกันทุกคน นะคะ

Create Date :06 มกราคม 2554 Last Update :7 มกราคม 2554 7:35:11 น. Counter : Pageviews. Comments :0