Subaru

เมโอโตญิเตนามิโมมิเอซุ
คานาชิคุเทเมโออาเคเรบา
โคอุยานิมุคาอุ มิชิโยริ
โฮคานิ มีเอรุโม โนวานาชิ

อาฮา คุตาเคจิรุ
ซาดาเมโน โฮชิตาจิโย
เซเมเต ฮิโซยาคานิ
โคโนมิโว เตราเซโย

วา เรวายุคุ
อาฮูชิโรคิโฮโฮโนมามาเด
วา เรวายุคู ซาราบา ซูบารุโย

อิคีโอสุเรบามุเนโนนาคา
โคงาราชิวานาคิต สุซุเครุ
ซาเรโด วางามุเน วาอัตสุคุ
ยุเมโอ โออิตสุซุ เครุนาริ
อาฮา ซานซาเมคุ
นาโมนาคิ โฮชิตาจิโย
เซเมเต อาซายาคานิ
โซโนมิโอ โอวาเรโย

วา เรโมยุคุ
โคโคโร โนเมอิซุ รุมามานิ
วา เรโมยุคุ
ซาราบา ซูบารุโย..
อาฮาฮา....
อาฮาฮา....
อาฮาฮา....
อาฮาฮา....
อา ฮา อิตสุโนฮิคา
ดาเรคางา คุโนมิจิโอ
อา ฮา อิตสุโนฮิคา
ดาเรคางา คุโนมิจิโอ

วา เรวายุคุ
อาโอญิโรคิ โฮโฮโนมามาเด
วา เรวายุคุ
ซาราบา ซูบารุโย
วา เรวายุคุ
ซาราบา ซู บา รุ โย..











แรงบันดาลใจและที่มาของเพลง Subaru


สำหรับชาวจีนหลายคนที่ผ่านพ้นวันเวลาอันโหดร้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง อาจจะยังไม่ลืม “การสังหารหมู่ที่นานกิง”
หรือที่หนังสือ “การข่มขืนนานกิง” (The Rape of Nanking) ได้บอกเล่าเอาไว้ หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือขายดี
ประจำปี 1997 ของ ไอริส ชาง ซึ่งเป็นหนังสือที่บอกเล่าพฤติกรรมอันโหดร้ายของทหารจักรวรรดิญี่ปุ่นที่ได้กระทำ
ต่อชาวจีน เมื่อครั้งยึดครองเมืองนานกิง

ในช่วงการยึดครองของญี่ปุ่น ชาวจีนที่เมืองนานกิงต้องเสียชีวิตไปไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน ในจำนวนนี้หลายคนต้อง
เสียชีวิตจากการข่มขืน หรือการแข่งกันใช้ดาบตัดศีรษะราวกับเป็นเกมกีฬา (หนังสือเล่มนี้แสดงภาพถ่ายดังกล่าวเป็น
หลักฐานเอาไว้ด้วย)

ดังนั้นอย่าแปลกใจที่ปมในใจลึก ๆ ของชาวจีนจะฝังความเกลียดชังชาวญี่ปุ่นเอาไว้ ดังจะเห็นได้จากในการเมือง
ระหว่างประเทศแล้ว จีนมักแสดงความไม่พอใจต่อญี่ปุ่นเสมอ เมื่อทางการญี่ปุ่นจัดพิธีรำลึกวีรชนในสงครามโลกครั้งที่สอง
ของตนเอง ที่ศาลเจ้ายาสุกูนิ ซึ่งเป็นสถานที่สักการะผู้เสียชีวิตในสงครามราว 2.5 ล้านคน รวมทั้งอาชญากร
สงครามชั้นเอ 14 คน ซึ่งมีฮิเดกิ โตโจ อดีตนายกฯ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมอยู่ด้วย

ความบาดหมางของทั้งสองประเทศจึงย่อมปะทุได้ไม่ยาก หากมีชนวนเล็กน้อยเกิดขึ้น ดังเช่นการที่ทางการญี่ปุ่นจับเรือประมง
สัญชาติจีน ที่มีการชนเข้ากับเรือตรวจการของกองทัพเรือญี่ปุ่นในบริเวณพื้นที่พิพาททางทะเล

อย่างไรก็ตาม ในท่ามกลางความบาดหมางจากรอยแผลตกค้างจากยุคสงครามโลก ก็ยังมีความพยายามด้าน
สันติภาพจากทั้งสองประเทศขึ้น เพื่อลบลืมรอยร้าวที่ผ่านมา และมุ่งหน้าสู่ความสัมพันธ์ยุคใหม่ที่มีการ
สานสัมพันธ์กันอย่างแน่นหนา ทั้งด้านมิตรภาพและทางด้านเศรษฐกิจ










นักร้องอย่าง “ชินจิ ทานิมูระ” ก็เป็นหนึ่งในความพยายามเหล่านี้ บางคนอาจจะไม่รู้จักเขา
แต่สำหรับเพลง “ซูบารุ” อันโด่งดัง หลายคนต้องเคยได้ยินเป็นแน่


ชินจิ ได้แรงบันดาลใจเขียนเพลงนี้ขณะเขาเยือนมณฑล “เฮย์หลงเจียง” ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ของประเทศจีน เมื่อปี 1987 และหลังจากนั้นเขาก็เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งได้รับเชิญเป็นศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยการดนตรีแห่งเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Conservatory of Music)
ในประเทศจีน นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ร่วมจัดงานคอนเสิร์ตสานสัมพันธ์ระหว่าง จีน-ญี่ปุ่น ในปีี 2003
เขายังได้บริจาคเงินทั้งหมดจำนวน 15.34 ล้านเยน ซึ่งได้รับจากการเล่นคอนเสิร์ต
ให้กับองค์กรกาชาดของจีน (เขายังได้ร้องเพลงซูบารุนี้ในงานเวิร์ลเอ็กซ์โปที่ประเทศจีนเมื่อปีกลายอีกด้วย)

ความพยายามดังกล่าวของชินจิ จึงเป็นสิ่งที่ีน่ายกย่อง และต้องอาศัยกำลังใจอันหนักแน่น
ในการฝ่าฟันอคติในอดีต เพื่อทำการส่งเสริมสันติภาพระหว่างทั้งสองประเทศในระยะยาว






ไม่เพียงแต่ทำนองเพลงอันไพเราะของ “ซูบารุ” เนื้อหาก็ยังมีความงดงามโดดเด่นไม่น้อย
สำหรับการถอดความเป็นภาษาไทยที่ดูจะใกล้เคียงที่สุด และถอดออกมาได้ใจความสวยงามไม่แพ้กัน
เป็นของเพลง “ดาวประดับใจ” ซึ่งขับร้องโดย “ดอน สอนระเีบียบ” แมวเก้าชีวิตแห่งวงการเพลงไทย (แต่ล่าสุดได้
ข่าวว่าเขามีอาการป่วยหนัก และเงียบหายไปในระยะหลัง)

CR:goo.gl/Tnk3u5





ดาวประดับใจ
ดอน สอนระเบียบ

E.เหม่อมองฟ้าคืนนี้
แสงดาวเรียงรายสวยเด่น
แต่ใจฉันคืนนี้ สุดแสนลำเค็ญหม่นหมาง
ค่ำคืนนั้นได้กอดกระซิบ แนบชิดเคียงข้าง
แต่คืนนี้เปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง ระทมอ่อนใจ

สุดเหงา ลมโชยมาหนาวสั่น
ยังคิดถึงคืน ยามแสนชื่นไม่หาย
ยากจะหา รักใดแทนนั้นได้
สุขนั้นลอยไป เลือนลางลับตา

มอง ดวงดาวริบหรี่
ดั่งใจฉันยามนี้อับแสง สิ้นแววส่องมา
ใจ ยังปรารถนา รอเธอมา เป็นดาวหัวใจ

.สุดเหงา ลมโชยมาหนาวสั่น
ยังคิดถึงคืน ยามแสนชื่นไม่หาย
ยากจะหา รักใดแทนนั้นได้
สุขนั้นลอยไป เลือนลางลับตา

มอง ดวงดาวริบหรี่
ดั่งใจฉันยามนี้อับแสง สิ้นแววส่องมา
ใจ ยังปรารถนา รอเธอมา เป็นดาวหัวใจ
ใจ ยังปรารถนา รอเธอมา ชุบชีวิตใหม่