bloggang.com mainmenu search






ยา
รักษาโรค เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตของมนุษย์
แต่หากมนุษย์เราสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
โดยที่ไม่ต้องพึ่งยารักษาโรคก็คงจะดีที่สุดค่ะ เพราะขึ้นชื่อว่ายา
แม้จะมีคุณอนันต์แต่ก็มีโทษมหันต์เช่นกัน หากว่าทานยามากเกินไป
ทานไม่ยาเหมาะสม หรือการทานยาซ้ำซ้อน ก็ล้วนแต่ก่อให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน
โดยในกรณีของการทานยาซ้ำซ้อนนี้ ปัจจุบันก็พบได้บ่อยในผู้ป่วยหลาย ๆ ราย
ซึ่งก็มีทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวด้วย แล้วท่านละคะ
ทานยาซ้ำซ้อนอยู่หรือเปล่า
        
ปัญหาจากการได้รับยาซ้ำซ้อน มักเกิดจากการที่ผู้ป่วยไปรักษาพยาบาลหลายที่
แต่ไม่ได้ระบุกับแพทย์ในแห่งที่สองว่าทานยาอะไรอยู่แล้วบ้าง
หรือไม่ได้นำยาไปให้แพทย์ดู เมื่อกลับมาก็รับประทานยาที่ทั้ง 2
แห่งให้มาร่วมกัน ซึ่งบางครั้งอาจเป็นยาตัวเดียวกันก็ได้
ทำให้ได้รับยาที่เกินความจำเป็น หรือบางคนอาจไปรักษาที่สถานพยาบาลเดิม
แต่ติดต่อกันหลายครั้ง แพทย์อาจให้ยาที่แรงขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเห็นว่ายาเดิมที่ทานอยู่ไม่สามารถช่วยให้หายจากอาการป่วยได้
โดยแพทย์อาจจ่ายยาใหม่ที่รูปลักษณ์หรือบรรจุภัณฑ์เปลี่ยนไป
ระบุเวลาทานยาคนละช่วงเวลา ทำให้ผู้ป่วยคิดว่าเป็นยาคนละชนิด
ก็นำมารับประทานร่วมกัน ทั้งที่จริงเป็นชนิดเดียวกัน

            การ
ได้รับยาซ้ำซ้อน บางครั้งยาจะมีปฏิกิริยาต่อกัน
อาจเสริมฤทธิ์กันหรือทำให้ฤทธิ์ยาลดลงได้ และทำให้เกิดอันตรายได้
ซึ่งมีทั้งที่ไม่รุนแรง เช่น คลื่นไส้ กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ใจสั่น
หรือง่วงนอน จนกระทั่งรุนแรงถึงแก่ชีวิต เช่น การทำลายตับ
หรือทำให้เกิดอาการหายใจไม่ออก เป็นต้น
ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาการได้รับยาซ้ำซ้อน ทุกครั้งที่ไปพบแพทย์ท่านจึงควร...

      1. คุยกับแพทย์ เภสัชกร หรือผู้เชี่ยวชาญ
โดยท่านควรบอกรายละเอียดเกี่ยวกับตัวท่านเองให้มากที่สุด เช่น
ท่านมีประวัติการแพ้ยาอะไรหรือไม่
รับประทานยาหรืออาหารเสริมอื่นๆอยู่หรือไม่ ข้อจำกัดบางประการในการใช้ยา
(เช่น มีปัญหาการกลืนยา หรือ ต้องทำงานกับเครื่องจักรอันตราย
ไม่สามารถทานยาที่ทำให้ง่วงได้) อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
(กรณีของผู้หญิง)

      2. ควรนำยาเก่ามาด้วยเสมอเวลา
มารักษาตัวที่สถานพยาบาลต่าง ๆ ไม่ว่าจะมาหาด้วยโรคเดิมหรือโรคใหม่ก็ตาม
เพื่อที่แพทย์จะได้ทราบว่าท่านทานยาชนิดใดอยู่ก่อนแล้วบ้าง
จะได้หลีกเลี่ยงการจ่ายยาซ้ำซ้อนค่ะ หรือในกรณีที่ท่านมารักษาด้วยโรคเดิม
ที่สถานพยาบาลเดิม แต่แพทย์จ่ายยาตัวใหม่ให้ ก็ต้องสอบถามให้แน่ใจว่า
จะต้องทานยาทั้งสองชนิดนี้ควบคู่กันไปหรือไม่ หรือให้ทานชนิดใดชนิดหนึ่ง
มีตัวยาที่ซ้ำซ้อนกันหรือไม่ และจะมีอาการข้างเคียงอย่างไรบ้าง
เพื่อที่ท่านจะได้สังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นหลังการทานยาได้

        
อย่าง
ไรก็ตามการสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นหลังการทานยา เป็นสิ่งจำเป็นมาก
โดยหากมีอาการที่นอกเหนือไปจากที่เภสัชกรหรือแพทย์ได้แจ้งไว้
หรือมีอาการรุนแรงกว่า ควรรีบไปพบแพทย์ทันที แพทย์อาจสั่งให้หยุดยาบางตัว
และสังเกตอาการอีกครั้ง
เพื่อที่จะได้ทราบว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นมาจากผลของยาตัวใด
และแพทย์อาจพิจารณาการรักษาวิธีอื่นหรือจ่ายยาชนิดอื่นต่อไป
ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยเกิดอันตรายอันเนื่องมาจากการได้รับยาซ้ำซ้อนนั่น
เองค่ะ




ขอบคุณ : สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
Create Date :21 ธันวาคม 2554 Last Update :21 ธันวาคม 2554 8:32:59 น. Counter : Pageviews. Comments :0