bloggang.com mainmenu search

เซ็กส์


แพทย์เตือนสนุกวันลอยกระทง ระวังเสี่ยงโรคมะเร็งปากมดลูก (ไทยโพสต์)

นพ.ก้องศาสดิ์ ดีนิรันดร์ สูตินรีแพทย์ คลินิกเครือ รพ.กล้วยน้ำไท เปิดเผยว่า จากข้อมูลของสมาคมมะเร็งนรีเวชไทยนั้น "มะเร็งปากมดลูก" นับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของผู้หญิงไทย เฉลี่ยเสียชีวิตวันละ 14 ราย และเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย

          ในขณะเดียวกันมีข้อมูลจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ ระบุว่า วันลอยกระทงเป็นอีกวันหนึ่งที่วัยรุ่นหลายคนใช้พิสูจน์ความรักด้วยการมีเซ็กส์ รองลงมาจากวันวาเลนไทน์ จึงรู้สึกเป็นห่วงต่อพฤติกรรมของวัยรุ่นยุคใหม่ที่เสี่ยงต่อโรคร้ายแรง เพราะผู้หญิงที่เริ่มมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น (น้อยกว่า 17 ปี) เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการกลายรูปของเซลล์ปากมดลูกสูง ทำให้เซลล์มีความไวต่อเชื้อที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกสูงด้วย (เชื้อเอชพีวี) นอกจากนี้ การได้รับเชื้อหลากหลายเพราะพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นทั้งชายและหญิงที่นิยมมีกิ๊ก และเปลี่ยนคู่นอนกันบ่อย รวมไปถึงการได้รับเชื้อมาเป็นเวลานาน ทำให้เซลล์ปากมดลูกยิ่งเสี่ยงเกิดความผิดปกติและกลายเป็นมะเร็งได้

การเกิดมะเร็งปากมดลูก เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวีที่เกาะอยู่ที่อวัยวะเพศของทั้งหญิงและชาย การเกิดโรคเกือบทั้งหมดจะติดจากการมีเพศสัมพันธ์ เพราะขณะมีเพศสัมพันธ์จะเกิดการสัมผัสในบริเวณปากมดลูก หรือบริเวณเยื่อบุของอวัยวะเพศ เมื่อมีรอยถลอกจะทำให้เชื้อสามารถเข้าไปได้ แต่จะมีบางสายพันธุ์เท่านั้นที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง เมื่อได้รับเชื้อเอชพีวีมาแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ของเชื้อจะหายไปเอง และอีก 10 เปอร์เซ็นต์จะค้างอยู่ที่ปากมดลูก และพัฒนากลายเป็นเซลล์มะเร็งต่อไป

          นั่นหมายถึงยิ่งเริ่มมีเซ็กส์ตั้งแต่อายุยังน้อยโอกาสที่ได้รับเชื้อก็จะนานขึ้น ทำให้เซลล์ที่ปากมดลูกยิ่งเสี่ยงเกิดความผิดปกติและกลายเป็นมะเร็งในที่สุด และอีกหนึ่งสาเหตุหลักคือพฤติกรรมการมีหลายคู่นอน และเปลี่ยนคู่นอนบ่อยของเด็กวัยรุ่น ทำให้ยิ่งได้รับเชื้อเอชพีวีบ่อยขึ้น

ดังนั้น การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยเสี่ยงทั้งการได้รับเชื้อเป็นเวลานาน ได้รับเชื้อหลากหลาย (จากการเปลี่ยนคู่นอนของทั้งตนเอง และคู่นอน) รวมทั้งการรับประทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลาเกินกว่า 5 ปีเสี่ยงมะเร็งปากมดลูกมากขึ้น 1.3 เท่า และจะเพิ่มเป็น 2.5 เท่าถ้ารับประทานติดต่อกันนานเกิน 10 ปี

ความรัก

          นอกจากนี้ คุณหมอยังกล่าวถึงเทศกาลวันลอยกระทง เป็นโอกาสที่วัยรุ่นจะได้ออกไปด้วยกันสองต่อสองคนยามค่ำคืน แต่จะทำอย่างไรให้ไปเที่ยวได้อย่างปลอดภัย เพราะผู้ชายมักจะหลอกให้เข้าใจผิดว่า ต้องมีเซ็กส์เพื่อพิสูจน์ความรัก เด็กสาวหลายคนที่ต้องเสียสาวเพราะกุหลาบดอกเดียว กับคำพูด "ผมรักคุณ" ที่ไม่เคยพูดอีกหลังจากมีอะไรกันแล้ว โดยฝ่ายชายจะใช้วิธีต่าง ๆ เช่น คำพูดหวาน ๆ เพื่อให้ฝ่ายหญิงเชื่อ ใจอ่อน และยอมมีอะไรด้วย ชวนให้ไปที่บ้านหรือที่ลับตาคน หรือหลอกให้ดื่มแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดชนิดต่าง ๆ

ขณะที่ฝ่ายหญิงเองก็ควรป้องกันตัวเองด้วย ไม่แต่งกายยั่วยวนอารมณ์ทางเพศ เช่น ใส่กางเกงขาสั้น แต่งตัวโชว์รูปร่าง หรือใส่เสื้อคอลึก ไม่ยั่วยุอารมณ์ทางเพศของฝ่ายชายทั้งด้านคำพูดและกิริยา เช่น พูดจาเชิญชวนให้เข้าใจผิด, โอบกอด การถูกเนื้อตัวกัน, หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกกับแฟนหนุ่มหลังจากทะเลาะกับคนในบ้านหรือเพื่อน หลีกเลี่ยงการออกไปช่วงกลางคืนกับเพื่อนใหม่ที่ยังไม่ค่อยรู้จักดีทั้งชายและหญิง น่าจะเป็นวิธีหนึ่งที่ลดความเสี่ยงของการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ตั้งใจได้

ในกลุ่มวัยรุ่นฝ่ายชายมักจะมั่นใจว่าตนเองปลอดภัยแน่นอน แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะรู้ได้ เพราะเชื้อเอชพีวีที่เมื่ออยู่ที่ฝ่ายชายจะไม่แสดงอาการใด ๆ ฝ่ายชายจึงไม่รู้ตัวว่าตนเองมีเชื้อเอชพีวีอยู่ แต่ขณะเดียวกันก็สามารถแพร่เชื้อสู่ฝ่ายหญิงได้ หลาย ๆ คนยังมีความเชื่อที่ผิดว่าถุงยางอนามัยป้องกันได้ทุกโรค แต่ในความเป็นจริงไม่ได้ทำให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อเอชพีวี เนื่องจากถุงยางไม่ได้ครอบคลุมไปถึงบริเวณปากช่องคลอด, อัณฑะ, รอบ ๆ ทวารหนักซึ่งเป็นแหล่งแพร่เชื้อได้ รวมถึงเชื้อยังมีความทนทานต่อความร้อนและแห้ง จึงสามารถเกาะติดอยู่ตามร่างกาย ผิวหนัง เสื้อผ้า และเส้นขนได้เป็นเวลานานด้วย

          เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูก ควรฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกชนิดที่สามารถป้องกันเชื้อเอชพีวีชนิด 16 และ 18, 6 และ 11 ซึ่งพบเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ของการเกิดมะเร็งปากมดลูก วัคซีนจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงเมื่อฉีดตั้งแต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ เพราะยังไม่เคยได้รับเชื้อเอชพีวี และยังไม่มีการผิดปกติของเซลล์บริเวณปากมดลูก และการฉีดควรฉีดเข็มแรกในช่วงอายุ 9-26 ปี ก็เป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงได้ครับ

          สุดท้าย นพ.ก้องศาสดิ์ ฝากถึงผู้หญิงทุกคนว่าถึงแม้จะฉีดวัคซีนมาแล้ว แต่ก็ควรตรวจหามะเร็งปากมดลูกทุกปี เนื่องจากวัคซีนสามารถป้องกันได้เพียง 70 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สำหรับสตรีที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน เพื่อให้การฉีดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วย




ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Create Date :28 พฤศจิกายน 2555 Last Update :28 พฤศจิกายน 2555 11:42:02 น. Counter : 1332 Pageviews. Comments :0