bloggang.com mainmenu search
เรียกได้ว่ากระแสกำลังมาแรงสุดๆ สำหรับ ‘All-new Mitsubishi Pajero Sport’ เจเนอเรชั่นใหม่ ที่สามารถทำยอดจองไปกว่า 2,200 คัน ภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 วัน นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา


จึงเป็นโอกาสอันดีที่ทีมงาน Sanook! Auto ได้รับเกียรติเข้าร่วมทดสอบ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ในแบบ First Impression เพื่อมาบอกเล่าให้คุณผู้อ่านทราบว่า นอกเหนือจากดีไซน์ที่สวยงามชนิดที่ใครเห็นก็ต้องหลงรักแล้ว เจ้าหนุ่มสุดหล่อคันนี้ยังมีอะไรเจ๋งๆ อีกเพียบ!

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการทดสอบครั้งนี้เป็นแบบ First Impression บนสนามเฉพาะกิจของมิตซูบิชิ ไม่ได้ทดสอบด้วยการวิ่งระยะทางไกลๆ เหมือนที่ผ่านมา โดยมีการแบ่งสถานีทดสอบออกเป็น 3 สถานี เพื่อให้สัมผัสคุณสมบัติเด่นต่างๆ ของตัวรถ ได้แก่ สมรรถนะ, ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย

ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จัก มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต คันนี้กันแบบละเอียดๆ ก่อนดีกว่า

Pajero Sport 2015 ใหม่ ถูกทำตลาดแบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อยในบ้านเรา เริ่มต้นด้วยรุ่น GLS-LTD 2WD ต่อมาเป็น GT 2WD และรุ่นท็อปสุด GT-Premium 4WD นั่นเอง เท่ากับว่าระบบขับเคลื่อนสี่ล้อจะมีมาให้ในรุ่นท็อปสุดเท่านั้น

ภายนอกของ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ในรุ่นท็อปสุดติดตั้งไฟหน้าแบบ Bi-LED โปรเจคเตอร์ ที่ปรับไฟสูง-ต่ำด้วยชุดโคมเดียวกัน พร้อมระบบปรับระดับลำแสงอัตโนมัติ และ Daytime Running Light แบบ LED ตัวไฟหน้ายังสามารถเปิด-ปิดได้อัตโนมัติตามสภาพแสงภายนอก รวมถึงใช้เป็นไฟส่องสว่างเมื่อปลดล็อคประตู และใช้เป็นไฟนำทางส่องเข้าบ้านหลังดับเครื่องยนต์ได้

รูปลักษณ์ด้านหน้าของ ปาเจโร สปอร์ต จัดว่าสวยงามสะดุดตา มีลูกเล่นในการออกแบบด้วยโครเมี่ยม, วัสดุสีเงินและดำ ตัดกับสีตัวถังรถได้อย่างลงตัว บ่งบอกให้เห็นว่ามิตซูบิชิตั้งใจรังสรรค์รถคันนี้ขึ้นมาเป็นอย่างดี

ด้านข้างถูกออกแบบให้ดูบึกบึน แข็งแรง ด้วยซุ้มล้อและโป่งขนาดใหญ่ แต่ทว่ายังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวลด้วยเส้นโค้งต่างๆ ขอบหน้าต่างประตูถูกตกแต่งด้วยโครเมี่ยมลากยาวไปจนถึงกระจกบานหลัง เพิ่มความหรูหราขึ้นอีกนิด กระจกมองข้างแบบโครเมี่ยมตัดด้วยสีดำ พร้อมไฟเลี้ยว ตัวถังวางอยู่บนล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วแบบทูโทนในรุ่น 4WD ขณะที่รุ่น 2WD เป็นสีเงินปกติ

ที่เห็นเด่นสะดุดตาไม่แพ้ด้านหน้า ก็คงเป็นไฟท้ายแบบ LED ที่ออกแบบให้ดูแปลกตาผู้พบเห็น ด้วยดีไซน์แนวตั้งที่ลากยาวจากด้านบนลงมาด้านล่างให้ดูเรียวเล็ก รวมถึงติดตั้งไฟเบรกแบบ LED ทรงสี่เหลี่ยมช่วยเพิ่มเอกลักษณ์ให้กับปาเจโร สปอร์ตคันนี้ (เฉพาะรุ่น GT 2WD และ GT-Premium 4WD) ฝาท้ายสามารถยกเปิดขึ้นแบบชิ้นเดียว ตกแต่งด้วยแถบโครเมี่ยมบริเวณช่องใส่ทะเบียน ติดตั้งที่ปัดน้ำฝนและรูฉีดน้ำบริเวณเหนือกระจกมาให้ นี่ถ้าได้สปอยเลอร์อีกสักชิ้นก็คงจะแจ่มไม่เบา

เข้ามายังห้องโดยสารที่ถูกตกแต่งด้วยโทนสีดำเป็นหลัก เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแท้สามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทางคู่หน้า เบาะนั่งแถวที่สองสามารถปรับเอนได้ ช่วยเพิ่มความสบายในการโดยสาร ซึ่งปุ่มปรับจะอยู่ด้านข้างของพนักพิงศีรษะ แต่ตัวเบาะไม่สามารถปรับเลื่อนเข้า-ออกได้ พนักพิงสามารถแยกพับได้แบบ 60:40 พร้อมที่วางแขนแบบและที่วางแก้วให้ 2 ตำแหน่ง

ขณะที่เบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถปรับพับได้แบบ 50:50 สามารถปรับเอนได้เล็กน้อย พร้อมพนักพิงศีรษะปรับสูง-ต่ำได้ มาพร้อมช่องแอร์บริเวณเพดานให้เสร็จสรรพ สามารถแยกปรับความแรงลมเป็นอิสระจากด้านหน้า ซึ่งแผงควบคุมจะอยู่บริเวณเหนือศีรษะของแถวที่ 2

คอนโซลหน้าติดตั้งเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว สามารถเล่นแผ่น DVD/MP3 ได้ 1 แผ่น รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ พร้อม A2DP ที่ช่วยดึงเพลงจากโทรศัพท์มาเล่นผ่านลำโพงรถได้ พร้อมช่องต่อ USB/AUX มาให้

นอกจากนั้น ยังติดตั้งเครื่องเล่น DVD บริเวณหลังคา พร้อมจอภาพแบบ Widescreen สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง แถมมีหูฟังอินฟราเรดให้อีก 2 ชุด แยกการทำงานกับเครื่องเสียงด้านหน้า เผื่อว่าคุณพ่อต้องใช้ระบบนำทาง ขณะที่ลูกๆ อยากดูหนังฟังเพลงอยู่ข้างหลัง ก็สามารถทำได้

เลื่อนลงมาเป็นแผงควบคุมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual-zone แยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวาได้ ปรับอุณหภูมิด้วยความละเอียดที่ +- 0.5 องศาเซลเซียส กระจกมองหลังสามารถปรับลดแสงสะท้อนได้อัตโนมัติ, ไฟอ่านแผนที่คู่หน้าพร้อมช่องเก็บแว่นตา, ไฟส่องสว่างสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3, ที่บังแดดติดตั้งกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดทั้งสองข้าง แต่ไม่มีไฟส่องหน้ามาให้

ฝั่งผู้ขับติดตั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ 4 ก้านดีไซน์สวยงาม ปุ่มควบคุมฝั่งซ้ายใช้สำหรับระบบเครื่องเสียง ฝั่งขวาใช้สำหรับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และปุ่มควบคุมจอ MID อยู่บริเวณด้านล่าง ขณะที่ด้านหลังเป็นแป้นเปลี่ยนเกียร์แบบ Paddle Shift ที่ติดตั้งตายตัวบนคอพวงมาลัย ปุ่มสตาร์ททำงานคู่กับกุญแจอัจฉริยะ KOS ช่วยให้สามารถล็อค-ปลดล็อครถ และสตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องนำกุญแจออกจากกระเป๋า พร้อมที่ปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ

บริเวณคอนโซลกลางใกล้กับคันเกียร์ ติดตั้งสวิตช์เบรกมือไฟฟ้าทุกรุ่นย่อย พร้อมปุ่มควบคุมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ‘Super Select 4WD II’ (เฉพาะรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ) ที่แบ่งการทำงานออกเป็น 4 โหมด ได้แก่ 2H, 4H, 4HLc และ 4LLc โดยแต่ละโหมดมีลักษณะการทำงานดังนี้

2H - ขับเคลื่อนด้วยล้อคุ่หลัง 4H - ทำงานแบบ Full-time All Wheel Control มีการกระจายกำลังไปยังล้อหน้า:หลัง แบบ 40:60 บนถนนแห้ง และ 50:50 บนถนนเปียกตามลำดับ 4HLc - ขับเคลื่อนทั้งสี่ล้อโดยกระจายกำลังไปยังล้อหน้า:หลังแบบ 50:50 เท่าๆกัน แต่ยังคงใช้ความเร็วได้ เหมาะสำหรับวิ่งบนพื้นผิวทุรกันดาร ลื่นไถล 4LLc - ขับเคลื่อนทั้งสี่ล้อโดยกระจายกำลังไปยังล้อหน้า:หลังแบบ 50:50 เท่าๆกัน แต่เพิ่มอัตราทดเกียร์สูงเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับทางทุรกันดาร ที่ต้องมีการปีนป่ายด้วยความเร็วต่ำ เป็นต้น

ด้านขุมพลังของ Pajero Sport ใหม่ ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันตั้งแต่รุ่นล่างสุดไปจนถึงรุ่นท็อป ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ความจุ 2.4 ลิตร พร้อมวาล์วแปรผัน MIVEC และ VG Turbo + Intercooler ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ 8 สปีด พร้อม Sport Mode และ ระบบ Idle Neutral Control ช่วยตัดกำลังเครื่องยนต์ไปยังเพลาขับขณะเหยียบเบรก ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น

ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ อิสระดับเบิ้ลวิชโบน พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทรีลิงค์ ทอร์คอาร์ม พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ติดตั้งดิสก์เบรกมาให้ทั้ง 4 ล้อ

ด้านระบบความปลอดภัยใน ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ถือว่าเป็นไฮไลท์เด่นของพีพีวีที่วางจำหน่ายในบ้านเราเลยทีเดียว ด้วยระบบความปลอดภัยล้ำสมัยใกล้เคียงกับที่พบในรถเก๋ง D-Segment หลายรุ่นในบ้านเรา เริ่มจากระบบ ‘Forward Collision Mitigation System’ ที่ทำงานผ่านเรดาร์เซ็นเซอร์ของ Bosch ติดตั้งบริเวณกระจังหน้ารถ ช่วยป้องกันการชนด้านหน้าด้วยเสียงเตือนและลดความเร็วอัตโนมัติ

โดยหากใช้ความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. พุ่งเข้าหาวัตถุที่ขวางอยู่ด้านหน้า ระบบจะทำการเตือนด้วยสัญญาณบนหน้าปัดไปพร้อมๆกับเสียงเตือน แต่หากผู้ขับยังคงไม่เหยียบเบรก ระบบจะทำการสั่งเบรกแบบเต็มแรงให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ แต่หากใช้ความเร็วเกิน 30 กม./ชม.ขึ้นไป ตัวระบบจะทำการสั่งเบรกเพื่อลดแรงปะทะที่อาจเกิดขึ้นแทน

ระบบ ‘Blind Spot Warning’ สำหรับเตือนรถที่อยู่ในมุมอับสายตา ซึ่งจะแสดงสัญญาณไฟสีส้มบริเวณกระจกมองข้างหากเซ็นเซอร์ตรวจพบรถที่วิ่งมาทางด้านข้าง และจะส่งเสียงเตือนหากผู้ขับขี่เปิดไฟเลี้ยวขณะที่สัญญาณไฟติดอยู่ เพื่อเตือนให้เปลี่ยนเลนด้วยความระมัดระวัง

ระบบ ‘Ultrasonic Misacceleration Mitigation System’ สำหรับตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วคราวเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง ในกรณีที่มีวัตถุขวางอยู่ด้านหน้าหรือหลังในระยะไม่เกิน 4 เมตร ซึ่งจากการนั่งทดสอบไปกับวิศวกรชาวญี่ปุ่น หากเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงขณะเข้าเกียร์ D โดยมีวัตถุขวางหน้าอยู่ ย้ำว่าต้องเหยียบอย่างรุนแรงเท่านั้น! ตัวรถจะมีอาการเร่งไม่ออก อื้ออึงอยู่กับที่นิ่งๆ ไม่ขยับไปข้างหน้าแต่อย่างใด ซึ่งเราเข้าใจว่าน่าจะช่วยในกรณีที่ผู้ขับขี่ตั้งใจจะเหยียบเบรก แต่เผลอไปเหยียบคันเร่งแทน จนอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้

นอกจากนั้น ยังมีระบบ ‘Around View Monitor’ สำหรับช่วยจอดในพื้นที่แคบ สามารถมองภาพได้รอบคัน ผ่านกล้องจำนวนทั้งหมด 4 ตัว ซึ่งระบบจะแสดงภาพในลักษณะ ‘Bird’s Eye View’ ซึ่งมาพร้อมเส้นกะระยะที่สามารถเปลี่ยนทิศทางตามการหมุนของพวงมาลัย และเซ็นเซอร์รอบคันหน้า-หลัง

Pajero Sport ใหม่ ติดตั้งถุงลมนิรภัยมาให้ 7 ตำแหน่ง ทั้งคู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านถุงลม และถุงลมบริเวณหัวเข่าฝั่งผู้ขับ เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด จำนวน 6 ที่นั่ง และแบบ 2 จุดอีก 1 ที่นั่ง (บริเวณตอนกลางของแถวที่ 2), ระบบเบรก ABS/EBD และ BA, ระบบควบคุมเสถียรภาพ ASTC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC และระบบควบคุมเสถียรภาพขณะลากจูงเทรลเลอร์ TSA

จากการทดสอบวิ่งเป็นระยะทางสั้นๆ บนสภาพถนนขรุขระ ซึ่งมีการจำลองพื้นผิวถนนที่ถูกปะจนกลายเป็นคลื่น พบว่าช่วงล่างของปาเจโร สปอร์ตให้ความนิ่มนวลใช้ได้ทีเดียว (นิ่มกว่าช่วงล่างหลังแบบแหนบของ Triton อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งรายนั้นถือได้ว่าเป็นช่วงล่างที่แข็งเป็นอันดับต้นๆ ในกลุ่มรถกระบะก็ว่าได้) ขณะที่แรงสะท้านจากล้อส่งเข้ามายังพวงมาลัยให้รู้สึกบ้าง

แต่หากเป็นการขับผ่านฝาท่อที่ไม่เสมอกับพื้นถนน หรือรอยต่อของถนนที่มีความสูงไม่เท่ากัน จะเริ่มมีอาการตึงตังให้เห็นอยู่นิดหน่อย ซึ่งก็ไม่ถือว่าน่าติติงแต่อย่างใด

สิงที่น่ายกย่องก็คือ เสียงรบกวนจากช่วงล่างและพื้นถนนขณะขับผ่านทางขรุขระถือว่าเบามาก อันเป็นผลมาจากการติดตั้งวัสดุซับเสียงทั่วทั้งห้องโดยสาร แม้ว่าจะขับขี่ผ่านถนนที่มีสภาพไม่เรียบนักก็ตาม

     ขณะที่การเปลี่ยนโหมดขับเคลื่อนจากสองล้อ (2H) ไปเป็นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4H) ทำได้โดยการหมุนปุ่มบริเวณใกล้กับเบรกมือไฟฟ้า โดยระบบจะแสดงการทำงานบนหน้าปัดว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนใด ซึ่งการเปลียนถ่ายกำลังทำได้อย่างนุ่มนวล จนแทบไม่รู้สึกกระตุกใดๆ

จากนั้นเป็นการทดสอบในสนามแบบ Full Lap ซึ่งแต่ละรอบมีระยะทางประมาณ 1.8 กิโลเมตร โดยคันที่เราทดสอบเป็นรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ ซึ่งแม้จะเครื่องยนต์จะมีความจุแค่ 2.4 ลิตร แต่ก็กระฉับกระเฉงใช้ได้ แม้จะไม่จิ๊ดจ๊าดอย่างที่เราเคยพบเจอใน Triton (ก็แหงล่ะ!) แต่พละกำลังถือว่าเหลือเฟือแล้ว ไล่หวดกับพวกบ้าพลังตามถนนหลวงได้อย่างสบายๆ

ขณะที่เกียร์อัตโนมัติแบบ 8 สปีด ให้ความนุ่มนวล จังหวะเปลี่ยนเกียร์ต่อเนื่อง ไม่มีอาการสะดุดให้เห็น สามารถเรียกใช้แป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift บริเวณพวงมาลัยได้ทันที ซึ่งก็ให้การตอบสนองรวดเร็วทันใจ

ส่วนการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารขณะวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. ถือว่าเงียบฉี่... ทั้งเสียงลม เสียงพื้นถนน รวมถึงเสียงเครื่องยนต์ที่คำรามพอให้ได้ยินเบาๆยามกดคันเร่งเท่านั้น

สรุป เรารู้สึกยินดีที่มิตซูบิชิกลับไปทำการบ้านเพื่อพัฒนา Pajero Sport ใหม่อย่างพิถีพิถัน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทยอย่างที่หลายๆค่ายควรทำเป็นแบบอย่าง ลบข้อด้อยที่เคยเป็นมาจนแทบจะหมดสิ้น ซึ่งแม้ว่าการทดสอบครั้งนี้ เราจะมีโอกาสได้สัมผัสตัวรถกันเพียงสั้นๆ เท่านั้น แต่ก็มากพอให้รู้สึกประทับใจทั้งด้านรูปลักษณ์ สมรรถนะ ช่วงล่าง อุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงระบบความปลอดภัยต่างๆ จนกล้ารับประกันว่าใครที่จองรถคันนี้ไปแล้ว จะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ


ราคาจำหน่าย Pajero Sport 2015 ใหม่ มีดังนี้

GLS-LTD 2WD – 1,138,000 บาท GT 2WD – 1,250,000 บาท GT-Premium 4WD – 1,399,000 บาท*

  (*ราคาแนะนำจนถึง 30 ก.ย. 2558 / ราคาปกติ 1,450,000 บาท)


     ขอขอบคุณผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้เกียรติเชิญเข้าร่วมทดสอบ All-new Mitsubishi Pajero Sport ในครั้งนี้

//auto.sanook.com/31445/

Create Date :22 สิงหาคม 2558 Last Update :22 สิงหาคม 2558 10:16:01 น. Counter : 2913 Pageviews. Comments :0