กระแสความนิยมร้อนแรงตั้งแต่ยังไม่วางจำหน่าย สำหรับ iPhone 4 จากค่าย Apple ซึ่งในครั้งนี้กลับมาโชว์ตัวอีกครั้งด้วยเครื่องสีขาว หรูหราสวยงามไม่แพ้ iPhone 4 สีดำ เพื่อตอบรับทุกไลฟ์สไตล์คนทันสมัย ภายใต้ดีไซน์คลาสสิค แข็งแรงจากวัสดุชั้นดี จอแสดงผล Retina Display ให้ความคมชัด สีสันสมจริงมากขึ้น ล้ำอีกขั้นกับระบบปฏิบัติการ iOS 4 กล้องถ่ายรูป 5 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED บันทึกวีดีโอระดับ HD 720p และ กล้องหน้า VGA ถ่ายภาพไม่หลุดกรอบ รวมทั้งสนทนาแบบเห็นหน้ากับ FaceTime

iPhone 4 สีขาว ยังคงรูปลักษณ์หรูหราคลาสสิคเหมือนเช่นเดิม แต่มาในโทนสีขาว สว่างสดใสมากขึ้น วัสดุประกอบเครื่องมีความแข็งแรง เสริมความงามด้วยขอบ Stainless Steel

ขนาด ตัวเครื่อง iPhone 4 สีขาววัดความสูงได้ 115.17 มิลลิเมตร กว้าง 58.7 มิลลิเมตร หนา 9.5 มิลลิเมตร และ ชั่งน้ำหนักตัวเครื่องรวมซิมการ์ดได้ 139 กรัม

iPhone 4 โดดเด่นด้วยหน้าจอ Retina display ให้การแสดงผลมีความสว่างคมชัด สีสันสดใสสมจริง ผ่านหน้าจอสัมผัส Multi-Touch ขนาด 3.5 นิ้ว ที่ความละเอียด 960 x 640 พิกเซล (326 ppi)

เหนือ จอแสดงผล มีลำโพงเสียง จัดวางคู่กับเลนส์กล้องหน้า สำหรับถ่ายภาพนิ่ง, วีดีโอ และสนทนาผ่านระบบ FaceTime ด้านบนสำโพงเสียงภายในช่องสีดำ ซ่อน Ambient light sensor ตรวจวัดแสงสว่างโดยรอบเพื่อปรับความสว่างหน้าจอให้อัตโนมัติ และ Proximity sensor ตรวจจับระยะห่างจอแสดงผลเพื่อเปิด/ปิดแสงไฟหน้าจออัตโนมัติในระหว่างสนทนา

ปุ่ม Home ที่ติดตั้งอยู่ด้านล่างจอแสดงผล ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโทรศัพท์ไอโฟนนั้น มาในโทนสีขาว ให้ความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับสีตัวเครื่อง ใช้สำหรับกดเพื่อย้อนกลับ และสำหรับระบบปฏิบัติการ iOS 4 เมื่อกดปุ่ม Home สองครั้งติดกันจะเป็นการเรียกระบบ Multi-tasking เพื่อเปิดดู และสลับการใช้งานกับแอพพลิเคชั่นที่เปิดค้างไว้

ด้าน บน มีปุ่ม Power สำหรับเปิด/ปิดการทำงานเครื่อง โดยกดค้างไว้ แต่หากกดเบาๆ เพียง1 ครั้ง จะเป็นการเปิด/ปิดหน้าจอ เพื่อล็อคการใช้งานบนหน้าจอ

ถัด มาอีกมุมหนึ่ง มีช่องไมโครโฟนตัวที่สอง (ช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอกเมื่อใช้สนทนา) วางคู่กับช่องเสียบชุดหูฟัง ขนาด 3.5 มิลลิเมตร โดยภายในมีสีขาว เช่นเดียวกับสีตัวเครื่อง

ด้าน ล่าง มีช่อง Dock Connector (30 pin) สำหรับเชื่อมต่อสาย USB ประกบข้างซ้ายด้วยไมโครโฟนตัวหลัก และ ลำโพงเสียงทางด้านขวา โดยภายใน Dock Connector มีสีขาวเหมือนกับตัวเครื่องเช่นกัน

ด้าน ซ้ายมือ จัดวางปุ่มเปิด/ปิดเสียงเรียกเข้า แบบเลื่อนขึ้น-ลง อยู่ส่วนบน ถัดลงมาเล็กน้อยเป็นปุ่มปรับระดับเสียง โดยแยกปุ่มเพิ่มเสียง และลดเสียงออกจากกันอย่างชัดเจน

ด้าน ขวามือ มีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด แบบ Micro SIM ออกแบบมาให้ราบเรียบระดับเดียวกับขอบ Stainless Steel โดยมีรูขนาดเล็กสำหรับใช้เครื่องมือช่วยถอดถาดใส่ซิมการ์ดออกมา

ด้าน หลังตัวเครื่องมีสีขาว ชัดเจนด้วยโลโก้ Apple จัดวางเลนส์กล้องถ่ายรูป คู่กับไฟแฟลช LED ไว้ทางมุมบนซ้าย โดยเลนส์กล้องมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ใช้ในการถ่ายภาพนิ่ง บันทึกวีดีโอความละเอียด 720p และใช้ในการสนทนา FaceTime สลับมุมมองจากกล้องหน้ามาได้

กล่อง บรรจุภัณฑ์ของ iPhone 4 สีขาว ด้านบนกล่องแสดงรูปภาพให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็น iPhone 4 สีขาวอย่างแน่นอน มีขนาดพอดีไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ภายในจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างลงตัว สิ่งที่พร้อมมากับ iPhone 4 ประกอบไปด้วย

iPhone 4 สีขาว ทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS 4 (ชอฟต์แวร์ที่มากับเครื่อง iPhone 4 สีขาว จาก AIS คือเวอร์ชั่น 4.3.2) เพิ่มความสามารถในการตรวจวัดความเคลื่อนไหวของ ด้วย Three-axis Gyroscope ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบรอบทิศทาง ร่วมกับ Accelerometer ที่มีอยู่ ทำให้การเปลี่ยนมุมมองมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

รอง รับระบบ Multi-tasking สลับแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่เปิดใช้งานได้อย่างสะดวก เพียงกดปุ่ม Home สองครั้งติดกัน จะมีแถบแสดงไอคอนด้านล่างหน้าจอที่เปิดค้างไว้ ให้ผู้ใช้แตะกลับเข้าไปสลับการทำงานระหว่างแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้ในทันที หรือปิดการทำงานแอพพลิเคชั่นนั้นได้โดย แตะไอคอนค้างไว้จนขึ้นเครื่องหมายลบ ให้แตะที่เครื่องหมายลบที่ไอคอนแอพพลิเคชั่นที่ต้องการปิดการทำงาน

นอก จากกดปุ่ม Home เพื่อสลับการใช้งานแอพพลิเคชั่นแล้ว ยังมีฟังก์ชั่นซ่อนอยู่เมื่อเลื่อนแถบไอคอนทางซ้ายออกมา สำหรับเปิดฟังเพลง มีปุ่มควบคุม iPod (หากเปิดไฟล์วีดีโอใน Photo อยู่ จะเล่นเฉพาะเสียงของไฟล์วีดีโอ) มีปุ่มล็อคการหมุนหน้าจอปรับมุมมองเมื่อเอียงเครื่องในแนวนอน และเมื่อเลื่อนทางซ้ายสุดจะมีปุ่มปรับระดับเสียง

หน้า จอหลัก หรือ Home Screen แสดงรูปภาพไอคอนแอพพลิเคชั่นต่างๆ โดยจัดวางในรูปแบบตาราง หน้าแรกทางซ้ายเป็นหน้าสำหรับค้นหาข้อมูลต่างๆ ในโทรศัพท์ ให้ผู้ใช้จัดการแอพพลิเคชั่นต่างๆ ให้เป็นหมวดหมู่ไว้ในโฟล์เดอร์เดียวกัน และเปลี่ยนภาพพื้นหลังได้ตามต้องการ

iPhone 4 มีแป้นพิมพ์แบบ QWERTY เสมือนจริงบนหน้าจอ จัดวางตัวอักษรให้ 3 แถว และรองรับภาษาไทย

อีก หนึ่งจุดเด่นที่มีใน iPhone 4 นั่นคือ FaceTime ฟังก์ชั่นที่ช่วยให้การสนทนามีสีสันมากยิ่งขึ้น ด้วยการเห็นภาพคู่สนทนาแบบสดๆ โดยอาศัย Wi-Fi เป็นตัวเชื่อมต่อ ซึ่งคู่สนทนาต้องมีอุปกรณ์ที่รองรับ FaceTime และเชื่อมต่อ Wi-Fi เช่นเดียวกัน เพียงกดโทรออกตามปกติ เมื่อมีผู้รับสายให้กดปุ่ม FaceTime เพื่อเปิดใช้งานกล้อง หรือเปิดรายชือ แล้วกด FaceTime ซึ่งสามารถสลับไปมาระหว่างกล้องหน้า และกล้องหลังได้

บันทึก ภาพความประทับใจสวยๆ ด้วยกล้องถ่ายรูปของ iPhone 4 ที่มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (2592 x 1936 พิกเซล) พร้อมไฟแฟลช LED ในตัว ช่วยให้ถ่ายภาพได้ดียิ่งขึ้นแม้ในสภาวะแสงน้อย มีระบบออโต้โฟกัส และสามารถเลือกจุดโฟกัสบนหน้าจอได้ พร้อมบันทึกวีดีโอที่ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล, 30 เฟรมต่อวินาที

พร้อม ฟังก์ชั่น HDR (High Dynamic Range) บันทึกภาพเดียวกันด้วยการชดเชยแสงที่ต่างกัน 3 ระดับ แสดงออกมาเป็นภาพที่มีความสวยงามยิ่งขึ้น

ถ่าย รูปตนเองได้อย่างสะดวก หรือถ่ายรูปคู่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะหลุดออกจากเฟรมอีกต่อไป ด้วยกล้องหน้า ความละเอียด VGA และบันทึกวีดีโอความละเอียด VGA (640 x 480 พิกเซล) รวมถึงใช้งาน FaceTime สนทนาแบบเห็นหน้า

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก iPhone 4 สีขาว

ตัวอย่างวีดีโอ จาก iPhone 4 สีขาว