bloggang.com mainmenu search
ปูชักสะพานยก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ททท.

ยัง มีสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกมากมาย ที่เมื่อเดินทางไปสัมผัสเมื่อไหร่ก็ต้องตื่นตาตื่นใจทุกครั้ง ซึ่งวันนี้กระปุกดอทคอมจะพาเพื่อน ๆ ท่องเที่ยวไทยสไตล์อัศจรรย์ใจ ในแบบฉบับ Unseen Thailand แต่จะเป็นที่ไหนนั้น ตามเราไปเที่ยวกันดีกว่า

ปูชักสะพานยก

ไปชมวิถีชีวิตชาวประมงท้องถิ่นหนึ่งเดียวประเทศไทย บริเวณสะพานหิน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เพราะเมื่อชาวบ้านจับปูได้จะนำมาใส่ถุงตาข่าย และแขวนห้อยไว้ที่สะพานให้ปูแช่น้ำทะเล เพื่อรักษาความสดใหม่ของเนื้อปูอยู่เสมอ และหากมีคนมาหาซื้อปู บรรดาแม่ค้าปู จะรีบวิ่งแข่งไปสาวเชือกชักปูในตาข่ายขึ้นมาเพื่อเสนอกับลูกค้า จึงเป็นที่มาของชื่อ "ปูชักสะพานยก" ซึ่ง ปูชัก ก็ไม่ใช่สายพันธ์ใหม่แต่อย่างใด มันก็คือ ปูม้า นั่นเอง

ทั้งนี้ ปูชัก มีให้กินทั้งปี แต่จะมีมากในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ ทำให้เทศบาลเมืองชะอำ จัดงาน "เทศกาลชิมปูชัก @ ชะอำ" ขึ้นทุกปี ซึ่งในวันที่ 12 - 20 กุมภาพันธ์ 2554 ณ บริเวณจุดชมวิวชายหาดชะอำ

การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2 หรือถนนธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม อำเภอปากท่อ แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดเพชรบุรี อำเภอท่ายาง ถึงสี่แยกชะอำ หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่านจังหวัดนครปฐม จังหวัดราชบุรี จังหวัดเพชรบุรี อำเภอท่ายาง ถึงสี่แยกชะอำ

หลวงพ่อปู่ พระพุทธรูปใส่แว่นตาดำ

พระพุทธรูปใส่แว่นตาดำ

วัดโกรกกราก ตั้งอยู่บนถนนธรรมคุณากร ตำบลโกรกกราก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อปู่ พระพุทธรูปใส่แว่นตาดำแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยเนื้อศิลาแลง ศิลปะสมัยสุโขทัยตอนปลาย ซึ่งมีมูลเหตุจากความเชื่อและศรัทธาของชาวบ้านต่างกันไป

ส่วนสาเหตุที่ หลวงพ่อปู่ ต้องใส่แว่นดำนั้น เนื่องจากครั้งหนึ่งได้เกิดโรคตาแดงระบาดทั่วบ้านโกรกกราก การแพทย์ยังไม่เจริญ และด้วยความเลื่อมใสศรัทธาองค์พระศิลาแลงกันมานาน จึงได้พากันมาบนบานศาลกล่าวว่าถ้าตาหายเจ็บหายแดง จะนำแผ่นทองมาปิดที่ดวงตาขององค์พระศิลาแลง ผลปรากฏว่าตาหายแดงกันทั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงได้นำแผ่นทองมาปิดที่ตาขององค์พระศิลาแลงเต็มไปหมด

ครั้น พระครูธรรมสาคร ญาณวฒโน หรือ หลวงปู่กรับ เจ้าอาวาสวัด มาพบเห็นได้หาอุบาย เพื่อที่จะไม่ให้ญาติโยมปิดทองที่ดวงตาองค์พระศิลาแลง จึงได้นำแว่นตามาใส่ให้กับองค์พระศิลาแลง แต่หลังจากองค์พระศิลาแลงใส่แว่นตา ชาวบ้านกลับนำแว่นตามาถวายแทนการปิดทองที่ดวงตา จนถือปฏิบัติเป็นประเพณีตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พร้อม ๆ กับขนานนามท่านว่า "หลวงพ่อปู่"

ทั้งนี้ สำหรับโบสถ์ หลวงพ่อปู่ เปิดให้สักการะกราบไหว้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 19.00 น. อย่างไรก็ตาม แว่นตาที่สวมอยู่บนใบหน้าของหลวงพ่อปู่ คือตัวแทนของความเคารพศรัทธาของชาวบ้านนับแต่เมื่อครั้งอดีต หาใช่การกระทำที่ไม่เหมาะสมแต่อย่างใดนั่นเอง จะเห็นได้จากบรรดายวดยานพาหนะ ที่วิ่งผ่านวิหารของหลวงพ่อปู่ซึ่งตั้งอยู่ริมถนน ต่างบีบแตรสามครั้งเพื่อแสดงถึงความเคารพแทบทุกคัน

การเดินทาง : จาก ตัวเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 3242 ผ่านโรงพยาบาลสมุทรสาครมาประมาณ 500 เมตร เลี้ยวขวาตรงสามแยกเข้าถนนกิจมณี (ทางหลวงหมายเลข 3243) ตรงไปข้ามทางรถไฟ และสะพานข้ามคลองมหาชัย จากนั้นลงสะพานแล้วเลี้ยวขวา ผ่านโค้งวัดตึกมหาชยาราม ตรงไปอีกราว 2.5 กิโลเมตร ก็จะถึงวัดโกรกกราก

หาบน้ำแก้บน

หาบน้ำแก้บน

เป็นความเชื่อและศรัทธาเกี่ยวกับการบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่จะต้องมาหาบน้ำเพื่อแก้บน ณ วัดโพธิ์เก้าต้น หรือ วัดไม้แดง หมู่ 8 ตำบลบางระจัน ตรงข้ามอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นสถานที่ที่วีรชนชาวบ้านบางระจัน ได้เคยใช้เป็นที่มั่นในการต่อต้านพม่า ที่ยกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ. 2308

โดยภายในวัดจะมีวิหาร พระอาจารย์ธรรมโชติ รังสี ประดิษฐาน รูปปฏิมากรรมอยู่ ซึ่ง พระอาจารย์ธรรมโชติ เป็นที่เคารพสักการะของชาวสิงห์บุรีมาตั้งแต่ช้านาน เนื่องจากท่านเป็นมิ่งขวัญและพลังใจแก่เหล่าวีระชนชาวบ้านบางระจัน ทำให้วีระชนเข้าต่อสู้ป้องกันข้าศึกและได้รับชัยชนะ รวมถึงมี สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งผู้คนมักเดินทางมาขอพรหรือบนขอสิ่งที่ต้องการ แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องทหาร บ้างก็มาขอให้สอบติดเป็นนักเรียนนายสิบ นายร้อย หรือขอให้ไม่ติดทหารเกณฑ์ รวมถึงหายจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เมื่อสำเร็จตามที่หวัง ก็จะมีการมาแก้บนด้วยการ "หาบน้ำ" มาใส่ใน "สระน้ำศักดิ์สิทธิ์"

ทั้งนี้ ชาวบ้านเชื่อว่าสระน้ำแห่งนี้เป็น "สระน้ำศักดิ์สิทธิ์" น้ำ ที่หาบมาใส่ว่ากันว่าเป็นน้ำมนต์ ใครก็ตามที่หาบน้ำมนต์มาเทใส่ สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ก็จะบังเกิดผล เป็นสิริมงคลกับตนเอง จนกลายเป็นประเพณีที่ทำกันมาอย่างจ่อเนื่อง จนกลายมาถึงทุกวันนี้

การเดินทาง : ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 กิโลเมตร เส้นทางหลวงหมายเลข 3032
Create Date :18 กุมภาพันธ์ 2554 Last Update :18 กุมภาพันธ์ 2554 20:55:52 น. Counter : Pageviews. Comments :1