กว่า 7 ทศวรรษสำหรับเวทีประกวดนางสาวไทยที่เฟ้นหาสาวงามที่เพียบพร้อมไปด้วยความงาม ความสามารถ และสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นสิ่งเชิดชูและเป็นสัญลักษณ์แห่งการประกาศก้องถึงความงามอันล้ำค่าก็คือ “มงกุฎ” ซึ่งแต่ละยุคมงกุฎถูกออกแบบให้งดงามต่างกันไป นับตั้งแต่การประกวดยุคแรก พ.ศ. 2477-2483 มงกุฎทำจากผ้ากำมะหยี่ปักด้วยดิ้นเงิน-ทองเป็นลวดลายไทย ประดับเพชรดูระยิบระยับ ออกแบบจัดทำโดยกรมศิลปากร ถือเป็นยุคบุกเบิกการสร้างมงกุฎนางสาวสยาม-นางสาวไทย โดยในปี 2482 รัฐธรรมนูญได้มีการเปลี่ยนคำว่า “สยาม” มาใช้คำว่า “ไทย” แทน การประกวดนางสาวสยามจึงเปลี่ยนเป็นนางสาวไทยมานับแต่นั้น และถือเป็นการกำเนิดสายสะพายนางสาวไทยเป็นครั้งแรกด้วย

ต่อมามงกุฎได้มีการพัฒนารูปแบบไปเรื่อย ๆ และในปี 2507 ถือเป็นยุคของการเติบโตทางอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยใช้ตำแหน่งนางสาวไทยเป็นผู้เผยแพร่ชื่อเสียงและประชาสัมพันธ์ประเทศ จึง มีการเปลี่ยนแปลงมงกุฎจากผ้าปักมาเป็นมงกุฎเพชรเป็นครั้งแรก ออกแบบเป็นเทียร่า คล้ายที่คาดผมมีลวดลายเป็นกระจังประดับเพชรด้านหน้า ด้านหลังเป็นก้านบาง ออกแบบโดย สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตัวเรือนทำด้วยเงินประดับเพชรเม็ดเล็ก ๆ กว่า 200 เม็ด โดย ผู้ที่ครองมงกุฎเพชรนางสาวไทยเป็นคนแรกคือ อาภัสรา หงสกุล และเป็นนางงามจักรวาลคนแรกของไทยด้วยเช่นกัน



ถัดมาในปี 2509 มีการออกแบบมงกุฎใหม่ โดย บุรินทร์ วงศ์สงวน ที่ยึดตามแบบเทียร่าเดิมแต่ด้านหน้าดูใหญ่ขึ้น จนมาเป็นแบบคราวน์ ครอบรอบศีรษะในปี 2511 และได้เปลี่ยนอีกครั้งในปี 2514 ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยประยุกต์แบบคราวน์ให้คงความสูงที่ตรงกลางด้านหน้า แต่ค่อย ๆ ลดระดับลงจากด้านข้างถึงด้านหลัง เพื่อให้น้ำหนักเบา ทำให้ดูสวยสง่ายิ่งขึ้น ซึ่งได้รับความนิยมมากถูกนำมาใช้เป็นต้นแบบของมงกุฎในยุคถัด ๆ ไปเพียงแต่ปรับในรายละเอียดเล็กน้อยและเพิ่มลูกเล่น แนวคิดใหม่ ๆ เข้าไปตามความเหมาะสม โดยบางปีมีการปรับเปลี่ยนสีของอัญมณีที่ประดับ บนหัวมงกุฎตามโอกาสพิเศษ เพื่อเป็นที่ระลึกแต่ละปี เช่น มงกุฎของ สิรินทร์ยา สัตยาศัย อดีตนางสาวไทยปี 2547 ที่ เป็นสีฟ้าอ่อนเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา และมงกุฎของ ลลนา ก้องธรนินทร์ อดีตนางสาวไทยปี 2549 ที่เป็นสีเหลือง เนื่องในโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี



และปีนี้ มงกุฎนางสาวไทย ยังคงกลิ่นอายคล้ายคลึงกับปี 2551 ซึ่งยังเป็นแบบคราวน์ ด้านหน้าเห็นยอดมงกุฎลดหลั่นกันไป 3 ยอด ตัวเรือนทำด้วยเงินชุบทองคำขาว ประดับเพชรและมุกกว่า 1,000 เม็ด มีตราเพชราวุธ ลงยาสีน้ำเงินล้อมเพชร ตรงฐานมีลักษณะคล้ายกลีบบัว สื่อถึงความบริสุทธิ์และสง่างาม ประดับด้วยไพลินรอบตัวมงกุฎ ซึ่งสาวงามคนใดจะได้เป็นผู้ครองมงกุฎนี้คงต้องรอลุ้นกันในค่ำคืนวันที่ 28 ต.ค. นี้ ที่โรงละครอักษรา

ที่มา
เดลินิวส์