bloggang.com mainmenu search



ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ สำหรับค่ำคืนแห่งความสวยงามสุดประทับในรอบตัดสินการประกวด ''มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2011'' จัดขึ้นที่ชั้น 22 ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความยิ่งใหญ่ ตระการตา สาวงาม 30 คนต่างประชันความสวยสง่าในชุดราตรี รูปร่างสุดเซ็กซี่ในชุดว่ายน้ำ และมันสมองประลองความฉลาดในรอบ 5 คนสุดท้าย งานนี้ทำเอาคณะกรรมการต่างกุมขมับในการให้คะแนนกันเลยทีเดียว แต่งานนี้ต้องมีเพียงหนึ่งเดียวที่สมบูรณ์แบบเท่านั้นที่จะควรคู่มงกุฎเพชรล้ำค่า สายสะพาย บ้านพร้อมที่ดิน และอื่นรวมกว่า 6 ล้านบาท พร้อมเป็นตัวแทนสาวไทยไปชิงมงกุฎระดับโลกที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปลายปีนี้


ซึ่งหญิงสาวที่ควรคู่คว้ามงกุฎ ''มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2011'' ตกเป็นของ ''จูลี่'' พัชริดา รอดคงคา ลูกครึ่งไทย (แม่)-อังกฤษ(พ่อ) อายุ 20 ปี ปัจจุบันกำลังศึกษาชั้นปีที่ 1 Fashion Design Raffles International Desing Institute

ก่อนจะคว้ามงกุฎ ''มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2011'' น้องจูลี่คนนี้ถือว่าเป็นม้านอกสายตาจริงๆ เนื่องจากเธอมีรูปร่างที่อวบ และไม่มีแววเด่นกว่าใครเลยในการเก็บตัวที่ผ่านมา แต่เมื่อถึงรอบชิงชนะเลิศเธอคนนี้ก็พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเธอเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุด

ครั้งนี้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับ ''จูลี่'' พัชริดา รอดคงคา ''มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2011'' ถึงความรู้สึกต่างๆ ของเธอหลังคว้ามงกุฎมาครองได้สำเร็จ

การสูญเสียคุณพ่อถือเป็นแรงผลักดันที่ดีที่ทำให้เธอสู้จนทำได้สำเร็จเพื่อความฝันอันยิ่งใหญ่ และทันทีที่ได้เจอหน้าคุณแม่จูลี่ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หอมแก้มแล้วพลันก้มกราบที่เท้าแม่ และส่งต่อความสำเร็จให้กับพ่อที่อยู่สรวงสวรรค์ได้รับรู้

''ดีใจมากค่ะ ถือว่าเป็นเวทีแรกของหนูในการประกวด มิสไทยแลนด์เวิลด์ เป็นความฝันของจูลี่ค่ะ และจูลี่ก็ได้พิสูจน์ว่าทำได้ค่ะ คือตอนแรกไม่คิดว่าจะทำได้เลยค่ะ เพราะน้ำหนักมากกว่าทุกคน แต่ว่าก็ใช้ความตั้งใจความพยายามสู้ค่ะไม่ท้อ เพราะความฝันของตัวเองและเป็นความฝันของพ่อกับแม่ด้วยค่ะ เพราะปีที่แล้ว พ่อเพิ่งจะเสียจูลี่จึงใช้เป็นแรงบันดาลใจให้มาประกวดค่ะเพื่อทำให้คุณพ่อภูมิใจ ถึงแม้คุณพ่อไม่อยู่แล้วก็ตาม หนูเชื่อว่าคุณพ่ออยู่ข้างหนูตลอด ถึงตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้ค่ะ ด้วยความที่เค้าหัวใจวาย กะทันหัน หนูไม่มีโอกาสได้ลา คุณพ่อเป็นคนที่เก่งตั้งใจทำงาน ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวเหมือนเป็นไอดอลของจูลี่ค่ะ หนูจะพกรูปคุณพ่อไว้ในกระเป๋าสตางค์ตลอด ก็อยากจะบอกคุณพ่อว่าตอนนี้ทำได้แล้ว ทำฝันของหนู แล้วก็ทำให้แม่กับพ่อได้แล้วค่ะ''

ด้วยน้ำหนักที่มากถึง 67 กิโลกรัมนั้นถือว่าอ้วน และเป็นปัญหาใหญ่ในการประชันความงาม ทำให้ตอนแรกเธอไม่มั่นใจเพราะมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกิน แต่ด้วยกำลังใจจากครอบครัวและเพื่อน ทำให้เธอสามารถลดน้ำหนักได้ในเกณฑ์ที่ดี

''เป็นเรื่องที่ตัวเองเกิดท้อ ก็ตั้งใจว่า อยากจะทำความฝันของตัวเองเป็นจริง เพราะว่าน้ำหนักไม่ลงก็ไม่มีโอกาส การลดน้ำหนักนั้นยากมากค่ะ แต่แรงผลักดันที่ทำให้จูลี่ตั้งใจลดคือครอบครัวค่ะ แล้วก็เพื่อนๆ ที่คอยเป็นกำลังใจมาตลอด ตอนแรกหนัก 67 ตอนนี้เหลือ 57 กิโลกลัม เรื่องอาหารก็ควบคุมด้วย ตอนแรกก็ยากค่ะ แต่พอตั้งใจจริงๆ ก็ทำได้ค่ะ เลิกทานขนมได้ ตัดไปเลยค่ะ ไม่ทานแป้ง ของทอดของมันก็ไม่ทานค่ะ ทานผลไม้ แล้วก็ออกกำลังกาย ก็จะมีโยคะ ว่ายน้ำ มวยไชยาค่ะ''

ด้วยความที่มีคุณแม่เป็นหญิงไทยและเปิดร้านอาหารไทยที่กรุงลอนดอน ทำให้จูลี่ กลายเป็นลูกไม้หล่อนไม่ไกลต้น สามารถทำและชอบทานอาหารไทย

''จูลี่ก็ทำส้มตำได้ค่ะ แต่ไม่อร่อยเท่ากับคุณแม่ (หัวเราะ) แล้วก็ทำน้ำพริกกะปิ ส่วนตัวจูลี่นั้นได้คุณแม่มาเต็มๆ เลย คือจูลี่ชอบทานอาหารรสจัด กินเผ็ดเก่ง แม่สอนมาตั้งแต่เด็ก''


เมื่อน้ำหนักเธอลดลง ทำให้ความมั่นใจเธอสูงขึ้น

''ความมั่นใจของจูลี่เริ่มมามีขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่น้ำหนักเริ่มลดลง รูปร่างเริ่มดูดีขึ้น ผอมลงเรื่อยๆ เริ่มมีคนสนใจ พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ การดูแลของจูลี่ ทานวิตามินบำรุงด้วยผักผลไม้ ดื่มน้ำเยอะๆ ''

การประกวดครั้งนี้ สิ่งสำคัญยิ่งไปกว่าของรางวัลคือการชนะใจตัวเอง อีกทั้งรางวัลส่วนหนึ่งเธอจะนำไปช่วยเรื่องการศึกษาของเด็กไทย

''การประกวดครั้งนี้ได้ประสบการณ์ที่ดี แล้วก็ได้ความมั่นใจ ชนะใจตัวเองค่ะ มีท้อบ้างค่ะ ในช่วงแรกๆ ก็คุยกับแม่ประจำว่า รู้สึกท้อ เพราะว่าน้ำหนักก็เกิน แล้วก็คุยกับแม่ประจำ เขาก็ให้กำลังใจให้สู้ต่อ เพื่อตัวเอง เพื่อความฝันของตัวเอง และก็ทำตามฝันของคุณพ่อคุณแม่ด้วยค่ะ แล้วส่วนรางวัลที่ได้ส่วนหนึ่งจูลี่ก็จะนำไปช่วยเรื่องการศึกษาของเยาวชนไทยค่ะ เพราะการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ''





ต้องเป็นตัวแทนชาวไทยไปประชันกับสาวๆ ทั่วโลกที่กรุงลอยดอน ความสามารถด้านมวยไชย ที่จูลี่ จะนำไปบอกต่อชาวต่างชาติ

''จูลี่ก็มีความสามรถด้านมวยไชยาค่ะ กะว่าจะไปฝึกให้เก่งขึ้น เอาไปทำโชว์คนต่างชาติ เพราะคนต่างชาติชอบกีฬาประเภทนี้อยู่แล้วค่ะ แต่มวยไชยาจะแตกต่าง คือสามารถป้องกันตัวเอง เวลามีผู้ต่อสู้เข้ามา ใช้กำลังทั้งตัว ตั้งแต่เด็กๆ พอกลับจากอังกฤษแล้ว ก็ได้มาเรียนสักพัก ปีกว่า เอาไว้ป้องกันตัวด้วยค่ะ ถือเป็นสิ่งที่ดีค่ะ''


อนาคตอยากจะเป็นดีไซเนอร์และนางแบบตามที่ได้ร่ำเรียนมา

''จูลี่เรียนด้านแฟชั่นดีไซน์ ถ้าจบแฟชั่นดีไซน์ ก็อยากออกแบบเสื้อผ้า อยากมีร้านเสื้อผ้าเป็นตัวเอง แล้วถ้ามีโอกาสก็อยากจะเป็นนางแบบด้วยค่ะ สำหรับสไตล์การแต่งตัวของจูลี่ก็หลายแนวค่ะ แล้วแต่วันว่าอยากใส่แนวไหน''

เป็นถึงสาวงามระดับประเทศ แต่เมื่อถามถึงเรื่องหัวใจ ตอนนี้มีแฟนแล้วหรือยัง เพราะหนุ่มๆทั่วประเทศคงอยากรู้ แต่คำตอบของเธอก็ทำให้หนุ่มได้เฮกันขึ้นมาทันที

''ตอนนี้ไม่มีค่ะ (ยิ้ม) จริงๆ ไม่มีสเปกค่ะ ขอแค่สูงกว่าหนูหน่อย สีผิวไม่เน้น แล้วก็ขอให้เค้าเป็นคนดี แล้วก็รักจริงก็พอค่ะ''

และนี่ก็เป็นความรู้สึกของหญิงสาวที่สวยสมบูรณ์แบบที่สุดบนเวที ''มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2011'' เรียกได้ว่าเธอมีความสวยน่ารักสดใส ฉลาดและมีความเป็นหญิงไทยสูงเพราะได้รับการเลี้ยงดูมาแบบไทย และความสามารถที่เธอมีไม่น้อยหน้าใคร แต่นี่เป็นเพียงความสำเร็จสูงสุดในประเทศไทยเท่านั้น ภารกิจต่อไปกับการพิสูจน์ตัวเองตามคอนเซปต์ของเวทีที่ว่า ''เพื่อการศึกษาของเด็กไทย'' จะมีประโยชน์ต่อการศึกษาของเด็กไทยมากน้อยแค่ไหน อีกทั้งการเป็นตัวแทนสาวไทยไปประชันกับสาวงามจากทั่วโลกที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปลายปีนี้นั้น เธอจะทำได้ดีมากน้อยแค่ไหน นั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องพิสูจน์ตัวเองในก้าวต่อๆ ไป แต่จากที่ได้สัมผัสกับตัวตนเธอแล้วไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร เราเชื่อว่าเธอจะตั้งใจทำตามความฝันแบบสุดความสามารถแน่นอน...

ที่มา
สยามดารา
Create Date :17 สิงหาคม 2554 Last Update :17 สิงหาคม 2554 13:06:00 น. Counter : Pageviews. Comments :0