bloggang.com mainmenu search
โดย ภัทรพรรณ ขุนทอง




และในที่สุดเราก็ได้นางงามจักรวาลคนใหม่ สาวน้อยวัย 23 ปี ชาวแคนาดา นาตาลี เกลโบว่า

ทำให้อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงมิสยูนิเวิร์สชาวไทยคนแรก... "อาภัสรา หงสกุล"

เธอคนนี้คือผู้คว้าตำแหน่งนางงามจักรวาลมาให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้ดีใจกันทั้งประเทศ เมื่อปี ค.ศ.1965 (พ.ศ.2508) ซึ่งเป็นปีแรกที่บ้านเราส่งสาวงามเข้าประกวดในเวทีใหญ่ระดับอินเตอร์เวทีนี้

เวทีมิสยูนิเวิร์ส หรือเวทีของสาวงามผู้มีความสวยโดดเด่น เก่งกล้าระดับจักรวาลที่ผู้หญิงทั้งโลกล้วนใฝ่ฝัน ว่าสักวันฉันจะก้าวสู่ความเป็นดาวจรัสแสงระดับซูเปอร์สตาร์ ที่หากใครได้สวมมงกุฎสุดแสนสง่า ว่ากันว่า โอกาสงามๆ ในชีวิตจะอยู่เคียงข้างเธอผู้นั้นไปตลอดกาล

และโอกาสดีๆ ที่ว่า นางงามจักรวาลชาวไทยคนแรกผู้นี้ยอมรับว่าเธอได้รับมาตลอด 40 ปี !



"จำได้ว่าพอได้ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส ชีวิตก็เปลี่ยนไปเลย ตอนปฏิบัติภาระหน้าที่ 1 ปีของมิสยูนิเวิร์สนี่ ชีวิตเลิศหรูมาก ได้อยู่โรงแรมดีที่สุด เจอแต่ประสบการณ์ดีๆ ดิฉันโชคดี ไปไหนก็จะมีแต่คนรักเรา พี่เลี้ยงก็รักเรา เพราะเรามีบุคลิกของผู้หญิงไทยที่เรียบร้อย ให้เกียรติคนอื่น แต่ก็มีความกล้าแสดงออก"

อาภัสรา ย้อนความรู้สึกในวันสวมมงกุฎนางงามจักรวาลว่า...เหมือนฝัน !

"ดิฉันยังจำความรู้สึกตอนที่ได้สวมมงกุฎได้ดี ก่อนจะประกาศว่าใครจะได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส เหลือแค่ 2 คนสุดท้าย คือดิฉันและนางงามจากฟินแลนด์ ซึ่งพอประกาศว่าเราได้ บอกตรงๆ ว่า ไม่เชื่อ... ดีใจมากๆ มันเหมือนฝัน ตอนแรกยังคิดเลยนะว่า ถ้าไม่ได้จะไปนอนพักสัก 10 วัน แต่พอได้ กลายเป็นว่า เราต้องเหนื่อยยาว (หัวเราะ)"

...แต่เชื่อไหมพอรู้ว่า เราจะได้กลับมาเมืองไทย 10 วัน เราก็ดีใจมาก คนไทยไปรับที่สนามบินเป็นแสนเป็นล้านคน เขาจัดเป็นขบวนแห่ให้เรานั่งรถเปิดประทุนจากสนามบินไปยังสนามหลวง ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง ระหว่างทางคนก็ตะโกนเรียกชื่อเราตลอด ซึ่งยอมรับว่าสมัยนั้นคนไทยให้ความสนใจเยอะมาก คงอาจเพราะเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยเราส่งนางสาวไทยเข้าประกวดเวทีมิสยูนิเวิร์สด้วยมั้ง

หลังจากได้ตำแหน่ง แม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อย แต่เธอยอมรับ เป็นความเหนื่อยที่คุ้มค่ายิ่ง

"แรกๆ เหนื่อยมาก แต่หลังๆ เริ่มเข้าที่ และไปได้ดี ตอนนั้นถ้ามีการให้สัมภาษณ์ เราก็จะพยายามพูดอะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศ โดยใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารเลย โดยไม่ต้องผ่านล่าม ก็ทำให้เขายิ่งประทับใจ เป็นอย่างนี้ตลอด 1 ปีที่ไปปฏิบัติภารกิจตามประเทศต่างๆ ซึ่งพอครบวาระ เราเองยอมรับว่า ดีใจเพราะรู้สึกว่า จะได้พักผ่อนแล้ว (หัวเราะ)"



แต่การพักผ่อนที่เธอว่า เป็นการพักผ่อนในด้านการปฏิบัติภารกิจของมิสยูนิเวิร์สประจำปี 1965 แต่ทว่าในความเป็นนางงามจักรวาลของคนไทย ดูเหมือนว่า ภารกิจนั้นยังคงเป็นไปอย่างไม่สิ้นสุด

"การจับตามองของคนไทยตอนที่เราพ้นจากตำแหน่งแล้วก็ยังมีอยู่ แต่คราวนี้เป็นการติดตามเราเพราะเขาผูกพัน ไม่ว่าจะแต่งงาน หรือทำธุรกิจ เราก็ยังอยู่ในความสนใจ ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่เลยนะ"

โดยเฉพาะในด้านธุรกิจ เธอคนนี้ได้โอกาสดีๆ มหาศาล เพราะตั้งแต่ได้เป็นนางงามจักรวาล ตำแหน่งงานดีๆ และธุรกิจงามๆ มีเข้ามาหาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้จะไม่ใช่มหาเศรษฐีระดับพันล้าน แต่ทว่ามันก็คือความภูมิใจ...

"งานชิ้นแรกที่ได้ทำหลังจากเป็นมิสยูนิเวิร์สก็คือ เป็นงานเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมในงานเอ็กซ์โปที่ศาลาไทย แคนาดา ของกระทรวงเศรษฐการหรือกระทรวงพาณิชย์ในปัจจุบัน หลังจากนั้นก็มาช่วยบริหารสถานเสริมความงามครบวงจรแห่งแรกของไทยชื่อ สเลนเดอร์ลีน ของคุณบุญทิวา แม่ของดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร ทำได้ 1 ปีครึ่ง ประสบความสำเร็จมาก ก่อนที่จะไปทำหน้าที่เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมต่อที่ญี่ปุ่น"



...ตอนที่ทำสเลนเดอร์ลีนนี่ ทำให้เราได้เรียนรู้ การบริหารจัดการ ตอนนั้นถือว่าเราบริหารได้ประสบความสำเร็จมาก คนสนใจมาใช้บริการกันจนรับไม่ไหว !

จากนั้นเธอไปทำธุรกิจนำเข้านาฬิกาเรมอนด์เวล จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเธอยอมรับว่า ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การติดต่อดำเนินงานสะดวกโยธิน

"ตอนที่ไปติดต่อ เขาไม่รู้ว่าเราเป็นมิสยูนิเวิร์สหรอก จนท่านทูตเข้าไปรับรอง เขาก็ให้ความร่วมมือดีมาก เขาไว้ใจขนาดที่ส่งของมาให้ก่อนเลยโดยไม่ต้องเปิดแอล/ซี มิสยูนิเวิร์สอาจเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่าเป็น บิวตี้ควีนแล้วจะต้องทำอะไรได้ไปทุกอย่างนะ เขาก็ต้องดูบุคลิกเราว่าเอาจริงเอาจังแค่ไหน อย่างการเลือกนาฬิกามาขายนี่ ไม่ได้ไปชี้นิ้วอย่างเดียว เราไปนั่งเลือกอยู่ทั้งวัน"

จากนั้นก็ไปทำงานเป็นผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์โรงแรมเซ็นทรัล ซึ่งตำแหน่งล่าสุดที่ได้รับก็คือ ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร แล้วก็หันมาทำกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์พัฒนาที่ดิน เป็นมือขวาของ ส.ส.ปวีณา หงสกุล น้องสาวแท้ๆ และล่าสุดเป็นเจ้าของสถาบันเสริมความงามอาภัสราย่านรัชดาฯ



"ดิฉันเป็นคนที่ทำงานมาตลอด ไม่ชอบอยู่เฉย งานทุกอย่างที่ทำถือว่าประสบความสำเร็จดี จนมาหยุดที่ธุรกิจด้านความสวยความงามที่ดูเข้ากับเรามากที่สุด ซึ่งสถาบันเสริมความงามนี่ เราเคยทำมาแล้วในอดีต พื้นฐานก็คล้ายๆ กัน แต่จะต่างก็ในเรื่องอุปกรณ์ความไฮเทคต่างๆ แต่เราก็พัฒนาและติดตามความเคลื่อนไหวมาตลอด"

ส่วนชีวิตคู่ ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ไม่ราบเรียบสำหรับเธอสักเท่าไหร่

"เราไม่ได้คิดว่ามันไม่ราบรื่น มันก็เป็นธรรมดาของชีวิต บางครั้งชีวิตมันก็ยากที่จะคอนโทรล เป็นจังหวะของชีวิต เป็นการตัดสินใจของเรา ชีวิตที่ผ่านมาเราตัดสินใจด้วยตัวเอง ซึ่งเราต้องยอมรับว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เราทำด้วยการกระทำของเราครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งเป็นเรื่องของชะตาฟ้าลิขิต อย่างการแต่งงานทั้ง 2 ครั้งนี่ พอเลิกกัน ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เราเองเป็นคนชอบสันโดษ ซึ่งพอหันมาทำงาน ทำกิจการก็ทำให้เพลิน"



...ยอมรับว่า เขาให้โอกาสเรากลับไปเหมือนกันนะ แต่เราไม่กลับ เพลินอยู่กับการทำงานดีกว่า...

การทำงานที่ดูเหมือนว่าจะสร้างคุณค่าให้ความเป็นนางงามจักรวาลคนแรกของไทยยังมีความน่าสนใจเสมอมา ขนาดในการจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สปี 2005 นี้ เธอยังได้รับการทาบทามให้ไปร่วมงานอันยิ่งใหญ่นี้ด้วย

"ดิฉันดีใจ ภูมิใจที่ประเทศไทยจะได้เป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะให้ความร่วมมืออย่างดีแน่นอน เหมือนอย่างปี พ.ศ.2535 ที่ไทยได้เป็นเจ้าภาพ ตอนนั้นดิฉันกับปุ๋ย (ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก) ก็ได้มีส่วนร่วมเหมือนกัน ส่วนปีนี้คิดว่าการจัดประกวดโดยฝีมือการจัดของคนไทย น่าจะทำให้คนประทับใจได้มากทีเดียว"

...ทุกครั้งที่มงกุฎมิสยูนิเวิร์สสวมใส่อยู่บนศีรษะ เธออดไม่ได้ที่จะระลึกนึกถึงวันวาน เธอมองว่า ไม่ว่าจะผ่านมากี่สิบปี การจัดประกวดของเวทีมิสยูนิเวิร์สก็ยังมีพื้นฐานการจัดประกวด กำหนดการเก็บตัว ทำกิจกรรม อะไรต่างๆ ทุกอย่างก็ดูคล้ายๆ เดิม จะมีความต่างก็คือความไฮเทคที่เพิ่มเข้ามาตามยุคสมัยเท่านั้น...



ส่วนคุณค่าของมิสยูนิเวิร์สจะเปลี่ยนไปแค่ไหน เธอว่า มันขึ้นอยู่กับคนคนนั้น แต่สำหรับเธอการเป็นนางงามจักรวาลชาวไทยคนแรก ยังเป็นคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ สร้างอะไรให้กับชีวิตไปตลอดกาล !
Create Date :15 สิงหาคม 2548 Last Update :14 กันยายน 2548 0:04:19 น. Counter : Pageviews. Comments :14