bloggang.com mainmenu search


อย่าเพิ่งตกอกตกใจ!!! ว่าวันนี้พาไปดูแผ่นหลัง เย้ออออ....แต่จะพาไปดูเบื้องหลังการประกวดความงามของเหล่าสาวประเภทสองบนเวทีประกวด มิสทิฟฟานี่ ยูนิเวิร์ส 2009 ที่จะประชันโฉมรอบสุดท้ายในวันที่ 15 พ.ค.นี้ หากพูด ถึงเวทีนางงามทั้งสาวแท้หรือ สาวเทียมก็คงอยากขึ้นไปประชันบนเวที เพื่อคว้ามงกุฎพร้อมสายสะพายมาครอบครอง

กว่า 12 ปี บนเวทีแห่งนี้ มีเหล่าสาวงาม (น่ะฮะ) ร่วมประชันมากมาย จากเวทีเล็ก ๆ ขยับขยายสู่เวทีระดับโลก จนเป็นที่ยอมรับระดับสากล คนเบื้องหลังเวทีจึงเหมือนอีกแรง ผลักดันให้วันนี้นางงามที่แจ้งเกิดสามารถยืนอยู่ในวงการต่าง ๆ ได้อย่างไม่อายใคร

“เจ๊อยากยกระดับกะเทย ไทยให้ทุกคนในสังคมยอมรับ เวทีนี้จึงเป็นอีกความหวังที่คนเบื้องหลังอย่างเราต้องทำให้ทุกคนเห็น” นิวัตร ยศเจริญ หรือชื่อในวงการว่า เจ๊ติ๋ม นันทิดา เล่าถึงความมุ่งหวังที่กว่าครึ่ง ชีวิตคลุกคลีกับการเป็นพี่เลี้ยงนางงาม

ใช่ว่าใครก็เป็นพี่เลี้ยงนางงามได้....เจ๊ติ๋ม เล่าว่า การเป็นพี่เลี้ยงนางงามต้องช่างสังเกต และบางครั้งต้องเหมือนนางยักษ์หรือแม่พระได้ เพราะต้องเจอเด็กที่เข้าร่วมการประกวด ทุกรูปแบบ ปัญหาที่พบบ่อยคือ ไม่มีความตรงต่อเวลา เช่น อีกไม่กี่ชั่วโมงจะประกวดรอบสุดท้าย แต่เด็กหายไปจนพี่เลี้ยงวิ่งตาม หากันทั่ว มาเจออีกทีเด็กยังเดินชอปปิงอยู่ในห้าง

คุณสมบัติของมิสทิฟฟานี่ ไม่ใช่คนที่มีความสวยอย่างเดียว แต่ต้องดูกี่ครั้งก็ไม่รู้สึกเบื่อในสไตล์ของตัวเอง เพราะผู้ได้ตำแหน่งแต่ละปีมีการแต่งตัวและบุคลิกต่างกัน เช่น แต่งตัวเปรี้ยวหรือหวาน ซึ่งต้องเข้ากับอุปนิสัยและการวางตัว 3 องค์ประกอบหลักที่ทำให้ก้าวสู่นางงามได้คือ 1.ใบหน้ารับกับโครงร่างที่สมส่วน 2.รู้จักวางตัวให้เหมาะสมถูกกาลเทศะ และ 3.ต้องไม่เป็นคนทำต่อหน้าอย่าง ลับหลังอีกอย่าง



“เจ๊มองว่า กะเทยไทย มีความโดดเด่นด้วยอุปนิสัยละมุนละไม แต่ไม่ใช่เหมือนผู้หญิงเปรี๊ยะ เพราะการเหมือนจนมากไปก็ทำให้ไม่มีความโดดเด่นในตัวเอง เช่น บางคนเหมือนชะนีห้าว (ผู้หญิงห้าว) ก็ไม่เป็นที่สนใจของคนมอง”

สิ่งที่ต้องเตือนผู้เข้าประกวดอยู่เสมอ คือ ให้ทุกคนพักผ่อนให้เพียงพอเพราะก่อนเข้าประกวดทุกคนก็พยายาม สรรหายาดีมาช่วยเสริมผิวพรรณให้เต่งตึง หรือไปผ่าตัดส่วนต่าง ๆ ให้ดูดี ซึ่งหากพักผ่อนไม่เพียงพอก็อาจมีปัญหาด้านสุขภาพ จึงเตือนอยู่เสมอไม่ให้กินยามากจนเกินไป ควรออกกำลังกายดูแลตัวเองกินอาหารให้ครบ 5 หมู่

การที่ทุกคนเข้ามาประกวดและได้เก็บตัวก็เหมือนการเรียนรู้ระหว่างนางงามและพี่เลี้ยง พี่เลี้ยงเองต้องพยายามดูแลเด็กให้เก็บของให้เรียบร้อย ดูแลความสะอาดเสื้อผ้า และต้องกินอยู่ตลอดการเก็บตัว เด็กหลายคนพอจบการประกวดสามารถนำไปใช้กับชีวิตประจำวันได้

เจ๊ติ๋มเล่าว่า บางครั้งพี่เลี้ยงก็ต้องแอบดูพฤติกรรม ของแต่ละคนว่าเหมาะสมหรือต้องปรับปรุงอย่างไร หลายครั้ง ที่ทำงานจนหน้าโทรมปล่อยผมกระเซอะกระเซิงเหมือนกะเทย บ้านนอก แล้วเดินไปดูพฤติกรรมของผู้เข้าประกวดแต่ละคน



“เด็กสอนยากที่สุดคือ คนที่มึนพูดแล้วไม่ค่อยฟัง ไม่ ทำตาม เวลาเพื่อนทำอะไรก็ไม่ยอมทำ เจ๊เจอแบบนี้แล้วอยากตายยย...!!”

เจ๊ติ๋มเล่าประสบการณ์ในการนำนางงามไปประกวดระดับโลกว่า กะเทยต่างชาติเป็นคนตรงต่อเวลามาก รู้จักวางแผนล่วงหน้าอย่างละเอียด เช่น ตอนเช้าต้องใส่ชุดราตรีให้เหมาะกับ บรรยากาศอย่างไร พอตกเย็นก็จะใส่ชุดราตรีอีกชุดหนึ่ง ต่างจากคนไทยที่เพียงเปลี่ยนชุดแต่รองเท้ายังเหมือนเดิม ขณะที่นางงามต่างชาติบางคนมาคนเดียวจะจัดชุดเรียงกันไว้ตามลำดับเวลา พอกลับมาห้องแต่งตัวก็ใส่เอง ได้เลย

ประสบการณ์ที่นำมาสอนเด็กได้มาจากการทำงานโชว์ที่ทิฟฟานี่กว่า 30 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาทุกรูปแบบทั้งปัญหาการใช้ชีวิตและครอบครัวที่ไม่ยอมรับ สิ่งเหล่านี้จึงอยากสอนเด็กรุ่นหลังให้รู้จักสร้างคุณค่ากับวงการกะเทย

“เจ๊ไม่เคยคิดประกวดนางงามเพราะรู้ตัวเองว่า ไม่สวย แล้วไม่ชอบยืนจนขาแข็ง ยิ้มจนเหงือกแห้ง ตอนเจ๊สาว ๆ รุ่นเดียวกับ ม้า-อรนภา เห็น เขาสวย ๆ ก็ไม่กล้าประกวด หันมาเอาดีด้านแสดงโชว์ร้องเพลงของพี่ตู่-นันทิดา มาก กว่า เพราะเมื่อแสดงทีไรคน ดูจะชอบ จึงเป็นที่มาของฉายาในวงการว่า เจ๊ติ๋ม นันทิดา”

เรื่องตลกในกองประกวดเคยมีเด็กอยู่คนหนึ่งสายตาไม่ค่อยดี แต่อยากเป็นนางงามจึงมาขึ้นเวที 3 ปีซ้อน พอให้เดินแบบทีไรตกเวทีเกือบทุกครั้ง หรือบางคนเดินแบบไปมัวแต่มองคนดูจนเดินเลยหายไปในม่านหลังเวที

เสน่ห์ของการประกวดสาวประเภทสอง เน้นโชว์การแสดงที่อลังการและตื่นตา เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดให้คนเข้ามาชมการประกวดทุกปี โดยปีนี้ ยังคงความอลังการเหมือนเดิม



ข้ามมาดูผู้อยู่เบื้องหลัง การออกแบบฉากการแสดงของ ปีนี้คือ เคน สมิธ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ ทิฟฟานี่ โชว์ พัทยา ชาวออสเตรเลีย เล่าว่า ปีนี้เน้นการออกแบบให้มีกลิ่นอายของยุค 80s ขณะที่ฉากสามารถเคลื่อนไหวได้ ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนอยู่ริมทะเลจริง ๆ

การแสดงทั้ง 3 ชุด ประกอบด้วย โชว์แรกคือ ความสนุกสนานบนประภาคารกลางทะเลพัทยา พร้อมรื่นรมย์ไปกับการแสดงของนักเต้น และแสงสีเสียงตระการตา

ชุดต่อมาเน้นความเซ็กซี่ในลีลากระชากใจ บนเรือสำราญแสนหรู โดยเรือสามารถเลื่อนไปได้โดยรอบเวที แผ่รังสีความร้อนแรงให้ผู้ชมได้ยลโฉมอย่างชัดเจน

ชุดสุดท้าย นางงามออกมาเต้นในจังหวะครึกครื้น พร้อมกับฉากอันอลังการ สอดคล้องกับแสงสีเสียงที่ยิ่งใหญ่



ปีนี้ใช้ผู้แสดงรวมทั้งหมด 110 คน ได้ทีมงานออกแบบท่าเต้นมืออาชีพช่วยเพิ่ม สีสันให้บรรยากาศดูอลังการและจะทำให้ผู้ชมประทับใจ ปีนี้การออกแบบฉากเป็นที่น่าพอใจเพราะตอบสนองกับบรรยากาศทะเลพัทยาได้อย่างเหมาะสม

จึงอยากเชิญชวนให้ ทุกท่านมาให้กำลังใจกับเหล่า สาวงาม และเข้ามาชมการแสดงที่อลังการ ซึ่งรับรองว่าจะต้อง เหนือความคาดหมายอย่าง แน่นอน

ยังคงต้องจับตามองว่า ปีนี้มงกุฎพร้อมสายสะพายจะตกไปอยู่ในมือของผู้ใด และเธอสามารถก้าวสู่ทางฝันเหมือนอย่างรุ่นพี่ได้หรือไม่ ?.

ที่มา
เดลินิวส์
Create Date :15 พฤษภาคม 2552 Last Update :15 พฤษภาคม 2552 0:26:05 น. Counter : Pageviews. Comments :3