bloggang.com mainmenu search


เปิดพอร์ตลงทุนอดีตนางสาวไทยประจำปี 2536 'ปุ๊ก' ฉัตฑริกา อุบลศิริ เน้นลงทุน 'หุ้นปลอดภัย-ปันผลสม่ำเสมอ' กำไรไม่ถึง 20% เธอไม่ขาย

แม้อายุจะใกล้ 40 มีลูกแล้ว 3 คน แต่ "ปุ๊ก" ฉัตฑริกา อุบลศิริ อดีตนางสาวไทยประจำปี 2536 หนึ่งในนางงามหน้าหวาน เจ้าของส่วนสูง 170 เซนติเมตร ปัจจุบันเธอยังสวยปิ๊งและสง่างามไม่แพ้ในอดีต

ด้วยความสวยยั่งยืนเธอถูก บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ดึงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์แคมเปญ WIN A Condo with KGI ร่วมกับ "เซียนหุ้นร้อยล้าน" กิติชัย เตชะงามเลิศ หลังคว้าตำแหน่งนางสาวไทยเมื่อ 19 ปีที่แล้ว ชื่อเธอก็ค่อยๆหายไปจากวงการ ไปใช้ชีวิตเป็น "คุณแม่ลูกสาม" ร่วมชีวิตกับเจ้าของบริษัท วรกุลชัย แพ็คเกจ ซีล ทำธุรกิจด้านหีบห่อและบรรจุภัณฑ์

ภายใต้บทบาทนักธุรกิจ คุณแม่ และนางงาม น้อยคนจะรู้ว่าอีกบทบาทหนึ่งของปุ๊กนั้น เธอชื่นชอบการลงทุนในตลาดหุ้นอย่างมาก หลังเรียนจบจากมหาวิทยาลัยสยามเธอยื่นใบสมัครเข้าทำงานกับ บงล.ไอทีเอฟ (ITF) รับหน้าที่เป็นมาร์เก็ตติ้งดีกรีนางสาวไทย ดูแลพอร์ตลูกค้ารายย่อยและรายใหญ่

ปุ๊กใช้เวลาเรียนรู้ตลาดหุ้นไม่นานก็ตัดสินใจเปิดพอร์ตลงทุนครั้งแรกจำนวน 400,000 บาท ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยกำลังจะทะยานแตะ 1,700 จุด (ยอดดอยอินทนนท์) โดยใช้ชื่อญาติคนหนึ่งในการเปิดพอร์ตให้ เพราะเธอทำงานที่ บงล.ไอทีเอฟ จะเปิดพอร์ตเล่นหุ้นเองก็กระไร

ชีวิตที่หวือหวาของนางงาม แต่สำหรับในตลาดหุ้นปุ๊กเลือก “หุ้นปลอดภัย ปันผลทุกปี” หุ้นธนาคารกรุงเทพ (BBL) หุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ฯลฯ เป็นหุ้นล็อตแรกๆ ที่เธอตัดสินใจลงทุน เหตุผลง่ายๆมีปันผล มั่นคง และไม่ต้องดูแล ชีวิตในตลาดหุ้นช่วงตลาดบูมจับอะไรก็เป็นเงินเธอได้กำไรเป็นกอบเป็นกำทุกอย่างดูเหมือนง่ายไปหมด

เธอนอนกอดกำไรได้ไม่นาน ตลาดหุ้นก็โดนพิษต้มยำกุ้งเล่นงาน จนทำให้ บงล.ไอทีเอฟ ต้องปิดกิจการไปเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2540 เธอต้องเปลี่ยนงานจากอาชีพมาร์เก็ตติ้งไปทำธุรกิจขายตรงเครื่องสำอางที่บริษัท ฮานาโกะ ไดเร็คเซลล์ พร้อมกับย้ายพอร์ตไปพักไว้กับคนรู้จักที่โบรกเกอร์แห่งอื่น และหยุดลงทุนในตลาดหุ้นชั่วคราว

อดีตนางสาวไทยขาดทุนจากตลาดหุ้นจำนวนมาก เธอคิดไม่ถึงว่าตลาดหุ้นจาก "สวรรค์" อยู่ดีๆ ทุกอย่างมันเปลี่ยนสภาพเป็น "นรก" ในเวลาเพียงไม่นาน หลังทำใจได้เธอกลับมาใหม่พร้อมเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนใหม่ หันไปลงทุนผ่านกองทุนรวม ซึ่งก็ได้รับผลตอบแทนดีกว่าเงินฝาก

การที่เธอรู้จักตลาดหุ้นอย่างดี ทำให้ฉัตฑริกายังคงวนเวียนอยู่ในตลาดหุ้นเหมือนนกคู่กับฟ้า เหมือนปลาคู่กับน้ำ เซียนหุ้นอดีตนางงาม เล่ากลยุทธ์การลงทุนให้กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ฟังว่า เมื่อซื้อหุ้นแล้วปุ๊กจะขายหุ้น 1 ตัวเพียงบางส่วน เมื่อมีกำไรจากการลงทุนแล้ว ถ้าไม่ถึง 20% พี่ยังไม่ขาย

"ถ้าได้กำไรตามเป้าหมายแล้ว ปุ๊กจะตัดขายหุ้นบางส่วน 60-70% (ถอนทุนออกมาก่อน) หุ้นส่วนที่เหลือจะเก็บไว้รอรับเงินปันผลและผลตอบแทนจากราคาหุ้นที่สูงขึ้น ซึ่งก่อนขายต้องจับจังหวะให้ดีๆ นักลงทุนสมัยนี้เล่นเดย์เทรดกันเยอะ ตอนช่วงที่ทำงานเป็นมาร์เก็ตติ้งจะโทร.แชร์ข้อมูลกับเพื่อนที่ทำอาชีพเดียวกันตลอด แต่ตอนนี้ไม่เล่นแบบนั้นแล้ว"

ทุกวันนี้การลงทุนของปุ๊กก่อนซื้อหุ้นจะอ่านบทวิเคราะห์ของหลายๆโบรกเกอร์ รวมถึงข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ ส่วนใหญ่จะเน้นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ และก่อนซื้อก็จะเช็กราคาหุ้นย้อนหลัง 3 เดือนว่าเป็นอย่างไร ดูผลประกอบการว่ามีแนวโน้มขยายตัวมากหรือน้อย และประเมินการลงทุนต่างๆของบริษัทว่าจะทำให้บริษัทได้ผลดีจริงหรือไม่

เธอเล่าต่อว่า เมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งกลับมาเล่นหุ้นจริงๆจังๆ หลังลูกคนโตเข้าอนุบาล โดยย้ายพอร์ตจากโบรกเกอร์เดิมมาอยู่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เพราะน้องชายสามีเป็นมาร์เก็ตติ้งอยู่ที่นี่ พร้อมสมทบเงินเข้าไปอีกทำให้มูลค่าพอร์ตลงทุนเพิ่มขึ้นบอกได้แค่ว่าหลักล้านบาท (ไม่ขอเปิดเผยตัวเลข)

"ทุกวันนี้ปุ๊กก็ยังคงคอนเซ็ปต์เหมือนเดิมคือ เป็นนักลงทุนระยะกลางถึงยาว เน้นลงทุนหุ้นปลอดภัย ปันผลสม่ำเสมอ พื้นฐานดี และผลประกอบการเติบโตทุกปี เช่น พลังงานและแบงก์ อะไรที่เรียกว่า “เสี่ยงน้อยที่สุด” จะลงทุนแบบนั้น ทำงานเก็บเงินมาแทบตาย สุดท้ายขาดทุนหุ้น เงินหายไปหมด มันน่าเสียดายนะ"

สำหรับการลงทุนช่วงนี้มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ตรงที่พักหลังเริ่มหันมาสนใจหุ้น IPO ที่มีพื้นฐานดีๆ ล่าสุดเพิ่งซื้อหุ้นที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมันปาล์ม ปรากฎว่าได้รับผลตอบแทนดีมาก ที่เลือกลงทุนหุ้น IPO ตัวนี้ เพราะเพิ่งไปลงทุนเกี่ยวกับสวนปาล์มทางภาคใต้ ทำให้พอรู้บ้างว่าทิศทางราคาปาล์มจะเป็นอย่างไร สามีเขาก็บอกว่า หุ้นตัวนี้มีอนาคตเพราะเขาก็เล่นหุ้นเหมือนกัน แต่เล่นกันคนละบัญชี

ตอนนี้กำลังคิดจะย้ายพอร์ตจาก บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มาอยู่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เพราะมีเพื่อนเป็นมาร์เก็ตติ้งอยู่เวลามีข่าวอะไรเพื่อนจะได้โทรศัพท์มาบอกความเคลื่อนไหวจะได้ไม่ตกรถไฟ จากปกติมักซื้อขายหุ้นผ่านอินเตอร์เน็ตเอง

ปุ๊กเชื่อว่า ถ้ามีคนรู้จักดูแลพอร์ตของเราก็จะทำให้ได้กำไรมากกว่าขาดทุน อย่างเมื่อก่อนเทรดอยู่โบรกเกอร์แห่งหนึ่งเชื่อหรือไม่! บริษัทที่ลงทุนไว้เขาถอนตัวออกจากตลาดหลักทรัพย์ มาร์เก็ตติ้งยังไม่โทรมาบอกเราเลย เราทำได้แค่โทรศัพท์ไปต่อว่าเขาเท่านั้น เพราะเรามัวแต่วุ่นวายกับการทำธุรกิจไม่ได้ติดตามข่าว ยิ่งบริษัทมารุกเกี่ยวกับธุรกิจรีไซเคิล ยิ่งไม่ค่อยมีเวลา

นอกจากลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว อดีตนางสาวไทยปี 2536 ยังเล่าว่า เมื่อ 3 ปีก่อนตัวเธอและสามี ได้ซื้อที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่ไว้แปลงหนึ่ง ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะซื้อแต่มีคนแนะนำมาบอกว่ารัฐบาลมีโครงการตัดถนนแถวนั้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าคนอาจแห่มาขึ้นโครงการเป็นดอกเห็ด หากมีคนมาขอซื้อได้ราคาดีๆ ก็จะขาย ล่าสุดเพื่อนของแฟนที่ทำงานในวงการอสังหาริมทรัพย์ ก็มาชวนไปทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ นอกจากนี้ก็มีลงทุนที่ดินแถวถนนราชพฤกษา ติดโครงการของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซื้อไว้ 3-4 ไร่ ก่อนหน้านี้เคยคิดจะนำไปสร้างบ้านแต่พอเกิดน้ำท่วมใหญ่ก็เปลี่ยนความคิดขอดูนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลก่อน

นอกเหนือจากลงทุนในตลาดหุ้น ลงทุนที่ดิน เธอบอกว่ายังชอบออมเงินผ่านการ "ซื้อประกันชีวิต" ครอบครัวมีอยู่ 5 คน ซื้อไปแล้ว 10 กรมธรรม์ มีทั้งแบบออมทรัพย์ระยะสั้น ระยะยาว และแบบประกันสุขภาพด้วย อนาคตไม่แน่นอนมีประกันไว้อุ่นใจที่สุด ส่วนทองคำก็ซื้อเหมือนกัน ซื้อตอนราคาบาทละ 15,000 บาท "เก็บไว้เยอะ" พอราคาขึ้นไปบาทละ 18,000 บาท สามีก็เอามาขาย 10-20 บาท บอกสามีว่า "อย่าขายอีก" เพราะเชื่อว่าราคาทองคำจะขึ้นไปอีกไกล ตอนนี้เก็บใส่เซฟฝากไว้ที่ธนาคารหมดแล้ว

อดีตนางสาวไทย กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่ได้จากการลงทุนทุกๆ สินทรัพย์ (หุ้น, ที่ดิน, ประกัน, ทองคำ) คือ "ความรู้ที่การศึกษาไทยไม่เคยสอน" ตอนเราเรียนหนังสือก็รู้แค่ทฤษฎี ไม่ได้ปฎิบัติจริง ฉะนั้นคนที่รู้แค่ในตำราไม่มีวันเข้าใจ วันนี้ปุ๊กได้มาสัมผัสจริงๆ ทำให้รู้ว่า การเดินทางของเงินมันวิ่งมาทางไหน

ที่มา
bangkokbiznews
Create Date :21 กุมภาพันธ์ 2555 Last Update :21 กุมภาพันธ์ 2555 0:28:55 น. Counter : Pageviews. Comments :2